เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ในเกมฟีฟ่าเดย์ เรียกว่า ทัพ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ของเราที่ลงสนามอุ่นเครื่อง 2 นัดนั้นทำผลงานได้ดีเกินคาดนะครับ
ชัยชนะที่หวุดหวิดทั้งกับฮ่องกง 1-0 และตรินิแดด แอนด์ โตเบโก 1-0 เราได้เห็นอะไรกันบ้าง ก่อนที่ขุนพลแข้ง ช้างศึก ชุดนี้ จะลงสู้ศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ ในช่วงต้นเดือนหน้า
ที่ชัดเจนเลยคือแนวรับของทีมชุดนี้ นั้นไม่มีมาเสียประตูง่ายๆ อีกต่อไป ทุกคนนั้นเล่นกันได้อย่างเป็นระเบียบแบบแผน การยืนคุมโซนของแต่ละคนนั้นก็ทำกันได้ดีเอามากๆ โดยเฉพาะ เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว ปราการหลัง นครราชสีมา ที่ได้รับหน้าที่เป็นกัปตันทีม ในเกมเจอ ฮ่องกง นั้นเรียกได้ว่าทำได้ดีเหลือเกิน และเชื่อว่าเมื่อเขาได้จับคู่กับ พรรษา เหมวิบูลย์ อีกครั้งในช่วงซูซูกิคัพ จะทำให้แนวรับของไทยแกร่งขึ้นไปอีกแน่ๆ
ส่วน 2 แบ๊กอย่าง กรกช วิริยะอุดมศิริ และ ฟิลิปป์ โรลเลอร์ นั้นต้องบอกเลยว่าสอบผ่าน และทั้งคู่จะยึดตัวจริง ในศึก ซูซูกิ ครั้งนี้อย่างแน่นอน โดย ธีราทร บุญมาทัน จะไม่ได้มาเล่นรายการนี้ด้วยเนื่องจากจะต้องอยู่ช่วยต้นสังกัดบู๊ เจลีก ช่วงโค้งสุดท้าย
ส่วนอดีตแบ๊กขวาอย่าง ทริสตอง โด บอกเลยว่าคงจะหมดอนาคตในยุคของ มิโลวาน ราเยวัช ซะแล้ว เพราะแม้ว่าจะเล่นดีกับ เมืองทอง แค่ไหน แต่เมื่อถูกเรียกมาติดทีมชาติ เจ้าตัวมักจะขอถอนตัวด้วยอาการบาดเจ็บอยู่บ่อยครั้ง
มาดูกันต่อในแดนกลาง ที่ต้องบอกว่านี่เป็นยุคที่กองกลางช้างศึก มีชอยส์ให้เลือกเยอะที่สุดเป็นประวัติการณ์ก็ว่าได้ เพราะเกมแรกที่ชนะฮ่องกง ไทย เลือกใช้ ธนบูรณ์ เกษารัตน์, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ และ สรรวัชญ์ เดชมิตร ยืนเป็น 3 มิดฟิลด์ตัวกลาง จากนั้นในเกมกับตรินิแดดฯ ราเยวัช ใช้ ปกเกล้า อนันต์ กับ สุมัญญา ปุริสาย ยืนเป็นมิดฟิลด์คู่กลาง ให้ชนาธิป ยืนเป็นมิดฟิลด์ตัวรุก
จะเห็นได้ว่า 2 เกม ทัพ ช้างศึก มีตัวเลือกถึง 6 คน ในแผงมิดฟิลด์ และแต่ละคนก็มีคุณภาพสูงมาก ซึ่งเมื่อตัด ชนาธิป ออกไป ทั้ง 5 รายนั้นสามารถเล่นเป็นตัวจริงได้เลย อยู่ที่ว่า ราเยวัช จะเลือกใคร
นี่ยังไม่นับตัวที่หลุดไปอย่าง ชาริล ชัปปุยส์ หรือสารัช อยู่เย็น ซึ่ง 2 คนนี้ ถ้าเรียกฟอร์มดีที่สุดกลับมา ก็มีลุ้นติดทีมชาติได้เช่นกัน รวมถึงกลุ่มนักเตะเยาวชน ที่รอโอกาสอย่าง นพพล พลคำ, พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล,วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ รวมถึง รัตนากร ใหม่คามิ ทั้งหมด ที่มีสิทธิสอดแทรกขึ้นชุดใหญ่ได้ทั้งสิ้น
ส่วนแนวรุกถือว่าได้เห็น ราเยวัช ให้โอกาสดาวรุ่งมากขึ้น อย่าง อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ เพิ่งอายุ 20 ปี , ศศลักษณ์ ไหประโคน ที่โชว์ฟอร์มจัดจ้าน อายุแค่ 22 ก็ติดธง หรือ ศุภชัย ใจเด็ด กองหน้าที่ทำผลงานดีในเอเชี่ยนเกมส์ ได้ลงทั้งเกมกับฮ่องกง (ตัวจริง) และเกมกับตรินิแดดฯ เมื่อรวมกับกองหน้าอย่าง อดิศักดิ์ ไกรษร หรือ ชนานันท์ ป้อมบุปผา ก็ถือว่าไม่ได้เป็นรองใคร
ศึก ซูซูกิคัพ หนนี้จะเป็นเส้นวัดว่ามาตรฐานของทีมไทยดร็อปลงไปหรือไม่ ไทยคว้าแชมป์รายการนี้มา 2 ครั้งติดกัน ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ชาติอาเซียนเห็นว่า ท้ายที่สุดแล้ว เรายังคงเป็นทีมที่แข็งแกร่งที่สุด แม้จะไม่มี 3 ตัว จากเจลีกหรือ “ตอง” กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ นายทวารที่เล่นในลีกเบลเยียม ก็ตาม
และแน่นอนว่า ไทย จะได้เปรียบมากๆ ในซูซูกิคัพ เพราะในรอบแบ่งกลุ่ม เราจะได้เล่นในบ้าน 3 จาก 5 แมทช์ เนื่องจากติมอร์ สนามไม่พร้อม ดังนั้นถ้าไม่จบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม ก็ถือว่าแย่แล้ว จากนั้นรอบรองชนะเลิศ เราจะไขว้ไปเจอกับอีกสาย ซึ่งไม่ว่าจะเป็นใคร มาเลเซีย, เวียดนาม หรือ เมียนมา เชื่อว่า
ยังไม่ใช่คู่ต่อกรของไทย แม้ว่าหลายชาติจะแกร่งขึ้นก็ตามที ข้อสำคัญเลยคือเราห้ามประมาทคู่แข่งเป็นอันขาด
แต่....หากไม่เป็นอย่างหวัง ไทย ไม่ได้แชมป์ซูซูกิคัพ และตกรอบแรก เอเชี่ยนคัพ ในช่วงต้นปีหน้า ยังไง ราเยวัช ก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกนอกจากต้องอำลาทีม ซึ่งก็หวังว่าอย่าให้ต้องถึงจุดนั้นเลย
ท้ายที่สุดจะออกมาดีหรือร้าย ผลงานจะเป็นผู้กำหนดมัน
กาลอป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี