วิธีที่จะช่วยพัฒนาสมองให้ฉลาดและแข็งแรงนั้น เป็นความสำคัญที่ทุกคนควรใส่ใจที่จะดูแลและหลีกเลี่ยงสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสมองทั้งทางตรงและทางอ้อม การฝึกใช้ความคิดอยู่ตลอดเวลา ถ้าขี้เกียจใช้สมองในที่สุดก็จะกลายเป็นคนคิดช้า เพราะทำให้สมองหดตัวพื้นที่ในการจดจำน้อยลง เซลล์ประสาทเริ่มน้อยลงและตายลงจนในที่สุดก็จะเป็นโรคอัลไซเมอร์ ปรกติแล้วความฉลาดของคนเรานั้นพิจารณาจากรอยหยักของสมองเป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่ง ที่ต้องมีการดูแลเอาใจใส่ ฝึกสมองเป็นประจำ สมองของมนุษย์นั้นแบ่งออกเป็น 2 ซีก ดังนั้นในการพัฒนาสมองก็ควรที่จะพัฒนาสมองทั้ง 2 ซีก สมองทั้ง 2 ซีกมีหน้าที่ ช่วยควบคุมความรู้สึก การรับรู้ การจดจำ ควบคุมความคิดและทักษะต่างๆ
ภายในสมองบรรจุด้วย ใยประสาทต่างๆ มากมายที่ช่วยทำให้สมอง 2 ซีก รับรู้การทำงานซึ่งกันและกันแต่สมอง 2 ซีกนี้จะทำหน้าที่ต่างกันไป
สมองซีกซ้าย : ควบคุมการทำงานของอวัยวะซีกขวา ทำหน้าที่เกี่ยวกับรูปธรรม เช่น การคิด, การวิเคราะห์, การใช้เหตุผล, การใช้ภาษา, การเขียน, การคำนวณ และช่วยในกระบวนการต่างๆ ในร่างกายให้ทำงานทีละอย่าง การใช้สมองซีกนี้มากจนเกินไปอาจเป็นสาเหตุของความเครียดได้
สมองซีกขวา : ควบคุมการทำงานของอวัยวะซีกซ้าย ทำหน้าที่เกี่ยวกับนามธรรม เช่น จินตนาการ, มโนธรรม, ศิลปะ, คุณธรรม, ดนตรี และอารมณ์สุนทรีย์ และช่วยในกระบวนการต่างๆ ภายในร่างกายให้ทำงานพร้อมกันได้ในทันที
อย่างไรก็ตาม สมองทั้ง 2 ซีก จำเป็นต้องทำงานไปพร้อมๆ กัน แม้ในบางช่วงสมองซีกใดซีกหนึ่งอาจทำงานมากกว่า แต่การพัฒนาสมองให้ฉลาดขึ้นจะต้องได้รับการพัฒนาทั้ง 2 ซีก จึงจะฉลาด ต้องพัฒนาทั้งด้านวิชาการและการมีสุขภาพจิตที่ดี
สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสมอง
นั่งสมาธิตอนเช้า : หลังจากตื่นนอน นั่งสมาธิประมาณ 10 นาที จะช่วยให้สมองผ่อนคลายที่สุด เพื่อที่สมองจะได้มีจินตนาการและมีความคิดสร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น ถ้าไม่สะดวกอาจเปลี่ยนมาทำก่อนนอนได้ จะทำให้หลับสนิทมากยิ่งขึ้น
ฝึกหายใจเข้าลึกๆ และหายใจออกยาวๆ : สมองต้องใช้ออกซิเจนประมาณ 20-25% ของออกซิเจนทั้งหมดที่เข้าสู่ร่างกาย การฝึกหายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ จะทำให้สมองปลอดโปร่ง แต่อย่าลืมนั่งตัวตรงเพื่อให้ออกซิเจนเข้าสู่รางกายได้มากขึ้น
ยืนและนั่งหลังตรง : จะช่วยให้สมองสามารถคิดหาทางแก้ปัญหาได้เร็วยิ่งขึ้น เนื่องจากเลือดไปเลี้ยงสมองได้มากขึ้น อวัยวะภายในทำงานได้คล่องขึ้น
ฝึกความถนัด : ฝึกใช้ร่างกายข้างที่ไม่ถนัด เช่น การเขียนหนังสือ หรือหยิบจับสิ่งของ จะช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง เมื่อมีการใช้งานบ่อยขึ้นจะทำให้ตัวเรามีความคล่องแคล้วมากขึ้น
ฝึกขีดเส้น 2 เส้นพร้อมๆ กัน : ลองขีดเส้น หรือเขียนเป็นคำคำด้วยมือทั้ง 2 ข้างพร้อมๆ กัน จะช่วยปรับสมดุลการทำงานของสมองทั้ง 2 ซีก เพื่อให้เกิดการประสานงานกัน และเพิ่มความชำนาญด้านการสะกดคำและการคำนวณให้เร็ว
ฝึกอ่านในใจ : เป็นการฝึกทักษะสมอง ในการแยกแยะข้อมูลที่จะนำไปใช้ เพราะการอ่านเร็วโดยใช้สายตามองผ่านก่อน แล้วอ่านซ้ำอีกครั้ง เพื่อให้สมองจดจำข้อมูล ช่วยให้สมองพัฒนาความคิด และความจำ โดยการหลั่งสารอะเซทิลโคลีน (Acetylcholine)ซึ่งเป็นสารที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับความจำระยะยาว
การเขียนบันทึก : การเขียนเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน เราอาจเลือกเขียนแต่ความทรงจำที่ดีเก็บไว้บ้าง เพราะการเขียนเรื่องดีๆ จะช่วยให้สมองมีความคิดในเชิงบวก และช่วยให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ และนอนหลับฝันดี โดยการหลั่งของสารเมลาโทนิน (Melatonins) ที่ช่วยให้หลับสบาย
หากิจกรรมใหม่ๆ ช่วยพัฒนาสมอง : งานอดิเรก เป็นส่วนช่วยให้สมองได้คลายเครียด ลองเปลี่ยนไปทำกิจกรรมใหม่ๆ เช่น เรียนวาดรูป เพ้นส์เล็บ หรือการถ่ายรูป จะเป็นการช่วยกระตุ้น
ให้เซลล์สมองมีการแบ่งตัวมากขึ้น และทำให้สมองตื่นตัวที่จะเปิดรับกิจกรรมใหม่ๆ และเป็นการเพิ่มพูนทักษะและเพิ่มประสบการณ์ให้กับสมอง
หัวเราะและยิ้มบ่อยๆ : ทุกครั้งที่หัวเราะและยิ้ม สมองจะหลั่งสารเอ็นเดอร์ฟิน (Endorphin) ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข เป็นการกระตุ้นให้สมองได้คลายจากความตึงเครียด เพราะการทำงานของสารนี้เกิดขึ้นที่สมองมีผลทำให้รู้สึกผ่อนคลายอารมณ์ดีช่วยให้สมองเจริญเติบโตเรียนรู้ได้ดี
ดื่มน้ำเปล่าบ่อยๆ : สมองประกอบไปด้วยน้ำถึง 85% น้ำช่วยหล่อเลี้ยงเซลล์สมอง ในระหว่างวันสมองต้องการน้ำหล่อเลี้ยงเซลล์สมอง เพื่อป้องกันไม่ให้ก้านสมองหดตัวและกลายเป็นคนคิดช้า เพราะเซลล์สมองส่งข้อมูลถึงกันช้า ในระหว่างวันควรดื่มน้ำได้ทันทีเมื่อรู้สึกกระหาย
อาหาร : การรับประทานโอเมก้า 3 ที่ได้จากปลาทะเลน้ำลึก ธัญพืช และถั่วเหลือง จะช่วยให้สมองตื่นตัวและมีสมาธิดีขึ้นเพราะโอเมก้า 3 ประกอบด้วยไขมันดีที่จะไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของสมอง และช่วยกระตุ้นเซลล์สมอง เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดและส่งไปที่สมองเพื่อช่วยในการสร้างเซลล์ประสาททำให้สมองทำงานได้ดีขึ้น
สมองต้องคิดอยู่ตลอดเวลา สมองพร้อมจะเรียนรู้ทุกอย่างเมื่อเยาว์วัย เมื่อใช้ไปนานๆ ผ่านวันเวลาจนกระทั่งอายุมากขึ้น การพัฒนาสมองจะค่อยๆ ลดลง ดังนั้นการพัฒนาสมองให้ฉลาดเฉียบแหลม ทำได้โดยการใช้สมองในการคิดและฝึกฝนสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสมองอยู่ตลอดเวลา ทำควบคู่ไปกับการเลือกรับประทานอาหารที่ช่วยในการบำรุงสมอง และระบบประสาทเป็นสิ่งจำเป็นมาก เพราะช่วยบำรุงรักษาและชะลอการเสื่อมของสมองได้
เอกสารอ้างอิง : บำรุงสมอง ป้องกันโรคที่เกี่ยวกับระบบประสาท กานต์กูล ศาวิทิตย์สิน
ISBN: 978-616-7098-43-2
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี