การตกรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน หรือ เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ เป็นผลงานที่ทำเอา แฟนบอลทัพ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ทำใจลำบากเหลือเกิน เพราะก่อนหน้านี้เป้าหมายเดียวของเราคือการคว้าแชมป์รายการนี้เหมือนที่เคยเป็นมาโดยตลอดให้ได้
แน่นอนการยิงจุดโทษไม่เข้าในช่วงเวลาบีบหัวใจ ช่วงเวลาชี้ชะตา ของ อดิศักดิ์ ไกรษร จะทำให้แฟนบอลหัวใจสลาย แต่นั้นเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถโทษเขาได้เลย จากความกล้าหาญที่ออกมารับหน้าที่นั้น สิ่งสำคัญคือทำไมเราถึงต้องปล่อยให้ทีมต้องไปลุ้นถึงจุดนั้น ทั้งที่เป็นฝ่ายขึ้นนำถึง 2 ครั้ง 2 ครา
ในทัวร์นาเมนต์นี้ มีเพียงเกมแรกเท่านั้นที่เราแสดงให้เห็นว่าเล่นเกมรุกด้วยการถล่มเอาชนะ ติมอร์เลสเต 7-0 (ซึ่งมันควรเป็นเช่นนั้น) แต่จากเกมที่เหลือ...ไม่ว่าจะชนะ อินโดนีเซีย, เสมอ ฟิลิปปินส์,ชนะ สิงคโปร์ และ เสมอมาเลเซีย ทั้งสองนัด แท็กติกของไทย นั้นคือเกมรับแล้วสวนกลับแทบทั้งสิ้น
ความมั่นใจในแท็กติกดังกล่าวของ มิโลวาน ราเยวัช มันทำให้หลายทีมจับทางได้หมดแล้ว โอเคนั่นอาจะเป็นแท็กติกที่ กุนซือชาวเซิร์บต้องการ ซึ่งเชื่อว่าหากผลงานออกมาดี ด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ เสียงวิจารณ์ อาจจะไม่รุนแรงเท่านี้ แม้ว่าการเจอทีมระดับอาเซียน เชื่อว่าไม่มีแฟนบอลคนไหน ต้องการเห็นเราเล่นด้วยแท็กติกเช่นนี้
หากจะมองอีกมุมนี่คือแผนของ กุนซือชาวเซิร์บ ที่เตรียมนำไปใช้ในศึกเอเชี่ยนคัพในช่วงต้นปีหน้าอย่างแน่นอน กับการที่ต้องเจอ เสือ, สิงห์, กระทิง, แรด ในรายการดังกล่าว แต่จากผลงานที่ออกมามันดันไม่เป็นดั่งที่หวัง ซ้ำร้ายยังแย่ถึงขนาดไม่มีโอกาสเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศเจอกับ ทีมชาติเวียดนาม คู่รักคู่แค้น ตามที่หวังด้วยซ้ำ
รูปเกมของไทย ในยุคนี้ เป็นการเล่นเกมรับให้ไม่พลาด เพื่อโอกาสเล่นเกมรุกที่มากขึ้น การยืนตำแหน่งแบบแน่นชิดกันของกองหลัง เพื่อให้คู่แข่งเล่นอยู่ในพื้นที่จำกัด แล้วใช้กองกลางไล่เพรสซิ่งไม่ให้มีมุมจ่าย ซึ่งเมื่อทำงานได้ผล บอลอันตรายของคู่แข่งจะมีน้อย และทำเสียในพื้นที่ที่เราออกแบบไว้ และจากนั้นก็จะกลายเป็นเกมบุกของเรา ซึ่งเมื่อทำเร็วพอก็จะมีพื้นที่ว่างจากการทิ้งตำแหน่งไปบุกของคู่แข่งนั่นเอง
แต่เมื่อมาลองใช้งานจริง ปรากฏว่าแข้งหลายรายนั้นทำผลงานได้ไม่ตามเป้า อย่าง ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ห้องเครื่องคนสำคัญ ที่ว่ากันว่าดีที่สุดในประเทศไทย คือผู้รับหน้าที่ปัดกวาดหน้าแผงกองหลังอย่างที่ถูกคาดหวังแต่กลายเป็นว่าในช่วงเวลาเช่นนี้ สภาพร่างกายของเขาที่ผ่านอาการบาดเจ็บหนักมา ยังไม่สมบูรณ์เต็มร้อย จนทำให้ แผงกลางของไทยยวบลงเรื่อยๆ จนเป็นอย่างที่เห็น
ที่น่าผิดหวังสุดคือแท็กติกการเล่นเกมรุก ก่อนทัวร์นาเมนต์ ราเยวัช เคยบอกว่าการเก็บตัวฝึกซ้อมครั้งนี้เขาได้อยู่กับนักเตะมากขึ้น ได้ใส่แท็กติกการเล่นให้นักเตะมากขึ้น ซึ่งแฟนบอลจะได้เห็นการเล่นที่แตกต่างออกไปจากเดิม แต่ว่ามองยังไงเกมรุก ช้างศึก ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย นอกจากเล่นเกมรับและรอสวนกลับตามตำราเดิม ซึ่งตรงนี้ถ้าเปรียบเป็นการสอบ ก็เรียกได้ว่า ราเยวัช สอบตก อย่างสิ้นเชิง
จากนี้เหลือเวลาอีกเพียง 1 เดือน ก่อนการแข่งขันชิงแชมป์เอเชียจะเริ่มขึ้นในต้นปีหน้า ต้องมาดูว่า สมาคมฯ, ฝ่ายเทคนิค และทีมงานสตาฟฟ์โค้ชจะระดมสมองแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างไร เพราะถึงตรงนี้ต้องยอมรับว่า “ช้างศึก” เจอปัญหาทั้งเกมรับที่พร้อมจะเสียประตูทุกเมื่อ และเกมรุกที่ย่ำแย่ขั้นสุด
ส่วน 4 แข้งหลักที่จะเข้ามาเสริมทัพทั้ง 3 คน จากเจลีกอย่าง ชนาธิป,ธีราทร, ธีรศิลป์ ก็กรำศึกหนักมาตลอดฤดูกาล ไหนจะ “ตอง” กวินทร์ ที่มีอาการบาดเจ็บรบกวนอีก ต้องดูว่าจะสามารถเข้ามายกระดับทีมชุดนี้ได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งนี่คืองานหนักยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขารออยู่อย่างแน่นอน
ราเยวัช จะแก้หมากนี้ยังไงหลัง “ช้างศึก” ตัวนี้ไม่สามารถก้าวข้ามอาเซียนดั่งที่หวัง และขาข้างหนึ่งก็ตกเหวไปแล้ว สิ่งเดียวที่จะกู้ศรัทธากลับคืนมาก็คือฟอร์มการเล่นต้องน่าประทับใจ และผ่านเข้ารอบตามโรดแมปที่ สมาคมฟุตบอลฯ ของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง วางเอาไว้ให้ได้ แต่ถ้าทำไม่ได้ …
“ราเยวัช” เตรียมโบกมือลาได้เลย !
กาลอป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี