“ลืมความผิดหวังทุกอย่างและเดินไปข้างหน้า”
ถึงเวลานี้เหลือเวลาอีกเพียงไม่ถึงสัปดาห์ กับ 12 ปี ที่ทัพ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย รอคอยในการกลับไปเล่นศึก ลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย อย่าง เอเชี่ยนคัพ 2019 นั้นกำลังจะมาถึงแล้ว
แน่นอนว่าก่อนหน้านี้ เราอาจเสียศูนย์ไปอยู่บ้างหลังจากไม่สามารถป้องกันแชมป์อาเซียนคัพเอาไว้ได้ การไม่ได้แชมป์แบบไม่ได้เข้ารอบชิง ไม่เพียงส่งผลต่อภาพรวมผลงานทีมชาติ อันดับฟีฟ่าและศรัทธาแฟนบอล แต่ยังส่งผลต่อความมั่นใจก่อนเข้าทัวร์นาเม้นท์ใหญ่รายการนี้
ทีมบางทีมสามารถสร้างสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆให้เกิดขึ้นในสนามได้อย่างเหลือเชื่อ จากจะแพ้กลายเป็นไม่แพ้ จากเป็นรองกลายเป็นเป็นต่อ จากตามหลังกลายเป็นผู้นำ ทุกอย่างล้วนอยู่ในบรรทัดฐานที่นอกจากจะวัดกันด้วยฝีเท้า สมองและพละกำลัง แต่อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ จิตวิญญาณของการเป็นนักสู้
จงอยู่กับปัจจุบันและลืมวันวานที่เคยหวาน ไม่ว่าจะเป็นการเคยเป็น 1 ใน 12 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกรอบสุดท้าย หรือแชมป์ 5 สมัยในอาเซียนคัพ ทุกอย่างที่ว่ามามันได้กลายเป็นอดีตไปหมดแล้ว และการเดินทาง
ไปยูเออีหนนี้ ทัพ “ช้างศึก” ต้องมองไปข้างหน้าอย่างตั้งใจ แล้วมาดูกันว่า ทีมชาติไทยจะทำได้ดีแค่ไหนกับ
12 ปีที่รอคอย
ขอส่งแรงใจไปสุดกำลัง ไทยแลนด์ สู้ๆ !!!
l แบโผ 23 แข้งทีมชาติไทยชุดสู้ศึกเอเชี่ยนคัพ
มิโลวาน ราเยวัช กุนซือทีมชาติไทย ประกาศรายชื่อนักเตะทีมชาติไทย ชุดเอเชี่ยนคัพ 2019 ออกมาแล้ว โดยทำการตัดแข้ง 27 รายที่เรียกเข้ามาติดทีมให้เหลือ 23 คนสุดท้าย ซึ่งปรากฏว่าทีมชุดนี้ไม่มี “ตอง” กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์
นายทวารกัปตันทีมจากโอเอช ลูเวิน ที่ต้องถอนตัวจากอาการบาดเจ็บที่
นิ้วเท้า ส่วน 3 รายที่หลุดไปได้แก่
พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา (ทรู แบงค็อก), ชินภัทร์ ลีเอาะ (สิงห์ เชียงราย) และ สุภโชค สารชาติ (บุรีรัมย์)
สำหรับแข้งทีมชาติไทย ทั้ง 23 ราย มีดังนี้
ผู้รักษาประตู ฉัตรชัย บุตรพรม, สรานนท์ อนุอินทร์ (สิงห์ เชียงราย), ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน (บุรีรัมย์), กองหลัง กรกช วิริยอุดมศิริ, พรรษา เหมวิบูลย์ (บุรีรัมย์), เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว (นครราชสีมา มาสด้า), ทริสตอง โด, มิก้า ชูนวลศรี (ทรู แบงค็อก), อดิศร พรหมรักษ์ (เอสซีจี เมืองทอง), ธีราทร บุญมาทัน (วิสเซล โกเบ), สุพรรณ ทองสงค์ (สุพรรณบุรี)
กองกลาง ศศลักษณ์ ไหประโคน (บุรีรัมย์), ปกเกล้า อนันต์, สุมัญญา ปุริสาย, สรรวัชญ์ เดชมิตร(ทรู แบงค็อก), ธนบูรณ์ เกษารัตน์, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ (บางกอกกล๊าส), ชนาธิป สรงกระสินธ์ (คอนซาโดเล ซัปโปโร)
กองหน้า ศุภชัย ใจเด็ด (บุรีรัมย์), ธีรศิลป์ แดงดา (ซานเฟรซเซ ฮิโรชิมา), อดิศักดิ์ ไกรษร (เอสซีจี เมืองทอง), ชนานันท์ ป้อมบุบผา (สุพรรณบุรี), สิโรจน์ ฉัตรทอง (พีที ประจวบ)
“มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ดาวยิงทีมชาติไทย ได้รับความไว้วางใจจาก มิโลวาน ราเยวัช กุนซือของทีม ให้เป็นกัปตันทีมชาติไทยชุดสู้ศึก เอเชี่ยนคัพ 2019
l ธีรศิลป์ ‘เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นกัปตันทีม’
“มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าทีมชาติไทย ยอมรับว่ารู้สึกเป็นเกียรติ หลังถูก มิโลวาน ราเยวัช แต่งตั้งเป็นกัปตันทีมอย่างเป็นทางการ
โดยกองหน้าจากซานเฟรซเซฮิโรชิมา เป็นผู้เล่นหนึ่งเดียวของ ช้างศึก ที่หลงเหลือมาจากชุดเอเชี่ยนคัพ รอบสุดท้าย เมื่อปี 2007 ซึ่งนอกจากจะมีโอกาสกลับมามีส่วนร่วมในรายการนี้อีกครั้ง ในรอบ 12 ปีแล้ว กองหน้าวัย 30 ปี ยังถูกแต่งตั้งเป็นกัปตันทีมด้วย
“ครั้งหนึ่งในชีวิต รู้สึกเป็นเกียรติมากครับ ที่ได้รับมอบหมายจากโค้ช ให้เป็นกัปตันทีมในครั้งนี้ ในแง่บทบาท ก็อาจมีบ้างครับ ที่ผมต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่ก็ไม่ได้มากอะไร หลักๆ ก็น่าจะเป็นความเป็นผู้นำในสนาม ที่ต้องชัดเจนมากขึ้น ส่วนนอกสนาม ผมเชื่อว่าทุกคนมีความเป็นผู้นำกันเองอยู่แล้ว ที่สำคัญ ผมเชื่อว่า ทุกคนรู้ว่า เป้าหมายเราคืออะไร ไม่ใช่เฉพาะแค่นักเตะ แต่ยังรวมถึงสต๊าฟโค้ช และทีมงานทุกคนด้วย”
นอกจากนี้ ธีรศิลป์ ยังกล่าวต่อว่า “พอมองย้อนกลับไป ก็รู้สึกว่า เวลาผ่านไปเร็วเหมือนกันครับ จากเด็ก 19 ปี ที่ตอนนั้น มีส่วนร่วมเล็กๆ กับทีม ในเอเชี่ยนคัพ เมื่อปี 2007 จนมาวันนี้ ที่กำลังจะได้โอกาสกลับมามีส่วนร่วม ในรายการนี้อีกครั้ง ก็ดีใจครับ ดีใจจริงๆ เพราะมันเป็นรายการที่สำคัญ และมีความหมายมากๆ ต่อนักฟุตบอลทุกคน รวมถึงตัวผมด้วย”
“ยิ่งการได้เป็นกัปตันทีม จากที่สำคัญอยู่แล้ว ผมรู้สึกว่า มันยิ่งสำคัญมากขึ้นไปอีก จากที่ตอนนั้น เราเป็นคนตามรุ่นพี่ แต่มาวันนี้ เรากลายมาอยู่ในกลุ่มผู้เล่นที่เป็นซีเนียร์ ก็ยอมรับว่า ในแง่ความรู้สึก มันค่อนข้างแตกต่างออกไป แต่ก็ไม่ได้กดดันอะไรครับ ก็จะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุดครับ และหวังว่าเราจะมีผลงานที่ดี ในรายการนี้บ้าง” กองหน้าดีกรีรองแชมป์เจ 1 ลีก ปีล่าสุด ปิดท้าย
น่าจับตามองเหลือเกินสำหรับ “เมสซี่เจ”ชนาธิป สรงกระสินธ์ ดาวเตะคอนซาโดเล่ ซัปโปโร ที่กำลังอยู่ในช่วงท็อปฟอร์มที่สุดในอาชีพค้าแข้ง ว่าจะช่วยทัพ “ช้างศึก” ไปได้ไกลขนาดไหน
l ชนาธิป ‘มาถึงตรงนี้ก็ต้องเข้ารอบน็อกเอาท์ให้ได้เท่านั้น’
“เมสซี่เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ กองกลางทีมชาติไทย ยืนยันทัพ “ช้างศึก” ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล ในการลุยเอเชี่ยนคัพ 2019 รอบสุดท้ายในครั้งนี้
“ที่ผ่านมา เราฝึกซ้อมทั้งเช้าและเย็นครับ รวมถึงยังมีเกมอุ่นเครื่อง 1 นัด ดังนั้น สภาพร่างกายของทุกคน ตอนนี้ถือว่าสมบูรณ์เต็มที่ครับ และเราทุกคนรู้ว่า นี่เป็นรายการใหญ่ ที่ไม่ง่าย ทุกทีมแข็งแกร่งหมด แต่เราก็ไม่ได้กังวลอะไรครับ เราจะไปที่นั่น ด้วยความภูมิใจ และทุกคนรู้ว่าเราเล่นเพื่ออะไร ส่วนตัวผมยังไม่มีข้อมูลอินเดีย มากนัก แต่หลังจากนี้ ทีมโค้ชก็น่าจะเปิดวีดีโอให้เราศึกษา แต่สำหรับเกมแรก ไม่ว่าเราเจอใคร ก็ยากอยู่แล้ว แต่อีกมุม ผมยังเชื่อว่า ถ้าเราช่วยกัน เราก็มีโอกาสที่จะเก็บ 3 แต้มได้ครับ”
“เอเชี่ยนคัพ เป็นรายการใหญ่สุดในเอเชีย เราทุกคนก็อยากทำผลงานให้ดีครับ อีกอย่าง มันเป็นครั้งแรกของใครหลายๆ คนด้วย เช่นเดียวกับผม ส่วนตัวภูมิใจ และดีใจครับ ที่มีโอกาสเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครั้งนี้ ทุกครั้ง ที่เข้ามาอยู่ในทีมชาติ ผมและเพื่อนร่วมทีม ก็พยายามเตรียมตัวให้ดีที่สุด เราทำงานหนักกันในทุกๆ วัน แต่สำหรับผม ก็อาจต้องใช้เวลาปรับตัวเข้าหาเพื่อนร่วมทีม และเรียนรู้แท็กติกจากโค้ช (มิโลวาน ราเยวัช) มากขึ้น เพราะที่ผ่านมา ก็แทบไม่ได้อยู่กับทีม แต่ก็คิดว่า น่าจะไม่มีปัญหาอะไรครับ โดยรวม ก็คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว”
“ขณะที่เป้าหมาย ในฐานะที่เรามาอยู่ตรงนี้ มีธงทีมชาติติดบนหน้าอกซ้าย ก็อยากจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดครับ อยากพาทีมผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีม หรือลึกกว่านี้ให้ได้ ที่สำคัญ นอกจากเราเล่นเพื่อตัวเอง และเพื่อชาติแล้ว เราจะเล่นเพื่อแฟนบอล ในทุกๆ วินาทีที่อยู่ในสนามครับ หวังว่าทุกคนจะเป็นกำลังให้เรา และแน่นอนว่า เราจะทุ่มเทเกินร้อยเพื่อทุกคนครับ”
“พอไปเล่นระดับเอเชีย แน่นอนว่า การจบสกอร์ เป็นสิ่งสำคัญครับ ทุกๆ วันเราก็มีโอกาสซ้อมในเรื่องนี้บ้าง อีกอย่าง ผมมองว่า เราต้องอย่าเสียบอลง่าย เพราะถ้าเราเสียง่าย เราก็ยิ่งเหนื่อย ยิ่งไปกว่านั้น เราก็มีโอกาสที่จะเสียประตู ดังนั้น ทุกๆ เกมเราต้องมีสมาธิให้มากที่สุดครับ ปีใหม่ ใกล้มาถึงแล้ว พวกผมจะพยายามเอาชัยชนะกลับมาฝากคนไทยให้ได้ และเข้ารอบไปให้ลึกที่สุดครับ” ชนาธิป กล่าว
6 กลุ่มของศึก เอเชี่ยนคัพ 2019 ในครั้งนี้ โดย ทีมชาติไทย อยู่ร่วมสายกับ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
(เจ้าภาพ), บาห์เรน และ อินเดีย โดยไทย จะประเดิมสนามดวลกับ อินเดีย ในวันที่ 6 ม.ค. นี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี