เซนต์ โดมิงโก.....นี่คือชื่อของมหาวิหารแห่งนี้จึงเป็นรวมจิตใจของชาวคริสต์ในเมืองลิเวอร์พูล
มหาวิหาร ที่เกิดขึ้นมาจากคณะเทศมนตรีเมืองลิเวอร์พูล มีการลงมติให้สร้างโบสถ์ และโรงเรียนวันอาทิตย์ขึ้นมาทดแทนโบสถ์เก่าทั้งหมด 3 แห่ง ที่ทรุดโทรมโดยกำหนดให้สร้างขึ้นที่เขตเอฟเวอร์ตัน เมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ.1870
จากนั้นก็คือมีกิจกรรมทางด้านอื่นๆ เข้ามาโดยเฉพาะกีฬาคริกเกต ก่อนจะมีการขออนุญาตในการจัดตั้งสโมสรฟุตบอลในปี 1878
มติชัดเจนว่าจะเป็นชื่ออะไรไปไม่ได้นอกจาก “เซนต์ โดมิงโก”
หนึ่งปีให้หลัง สโมสรแห่งนี้เป็นที่ชื่นชอบของชาวเมอร์ซี่ย์ไซด์ และได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น “เอฟเวอร์ตัน” พร้อมกับใช้สนามบริเวณตะวันออกเฉียงใต้ ที่สวนสาธารณะสแตนลี่ย์ พาร์ค เป็นสนามเหย้า ซึ่งพวกเขาอยู่ในแลงคาเชียร์ลีก
มาในปี 1882 สมาคมฟุตบอลแลงคาเชียร์ ออกกฎว่า สโมสรฟุตบอลทุกสโมสร จะต้องมีสนามเป็นของตัวเอง หลังจากไปเล่นที่ พิออรี่ สตรีท ซึ่งเป็นที่ดินบริจาคของ มร.เจ ครุยท์ อยู่ 2 ปี
สุดท้ายก็มาเล่นที่สนามแอนฟิลด์ เมื่อปี 1884
หนึ่งในคณะบุคคลที่เป็นฟันเฟืองชิ้นสำคัญในการก่อตั้งเอฟเวอร์ตัน ก็คือ มร.จอนห์ โฮลดิ้ง นายกเทศมนตรีเมืองลิเวอร์พูล นักการเมืองแห่งพรรคอนุรักษ์นิยม ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นประธานสโมสรของเอฟเวอร์ตัน ในตอนนั้นคือคนที่นำมาสู่แอนฟิลด์
แอนฟิลด์ ซึ่งเป็นพื้นที่ของ จอห์น โอเรล เพื่อนสนิท จอห์น โฮลดิ้ง โดยทีมจ่ายค่าเช่าปีละ 250 ปอนด์ จนปี 1885โฮลดิ้ง ได้ซื้อที่ดินนี้จาก โอเรล ซึ่งทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น ก่อนที่ เอฟเวอร์ตันจะก้าวเข้าไปเป็นสมาชิกของสมาคมฟุตบอลอังกฤษ ในปี 1888
3 ปีต่อมา โฮลดิ้ง ได้มีปัญหาภายในเรื่องของธุรกิจการค้าขายในสนาม รวมไปถึงเรื่องของการบริหารการจัดการ รวมไปถึงเรื่องค่าเช่าสนามของสโมสร ที่ขอเพิ่มจากเดิม 100 ปอนด์ เป็น 250 ปอนด์ต่อปี รวมถึงสโมสรต้องรับผิดชอบค่าตกแต่งอัฒจันทร์และอื่นๆ อีกจิปาถะ บวกกับมีกรณีพิพาทเรื่องที่ดินกับ โอเรล ที่มีที่อยู่ติดกับแอนฟิลด์ แม้จะเป็นที่ดินผืนเล็ก แต่มันดันเป็นทางเข้า-ออกของสนาม
จนสุดท้ายก็หนีความแตกหักไม่ได้
บันทึกว่า วันที่ 15 มีนาคม 1892 จอห์จ มาห์น หนึ่งในบอร์ดบริหารของเอฟเวอร์ตัน ที่ได้รับเลือกให้เป็นประธานของเอฟเวอร์ตันคนใหม่ เป็นผู้เสนอไปสร้างสนามใหม่คนละฟากฝั่งกับแอนฟิลด์ นั่นคือ กูดิสัน พาร์ค ห่างจากถิ่นเดิมไปทางสวนสาธารณะสแตนลี่ย์ พาร์ค 0.99 กิโลเมตร
ทันทีที่ มาห์น ไปนั่งเก้าอี้ประธาน โฮลดิ้ง โกรธจัดแล้วออกจากที่ประชุมพร้อมกับปิดประตูเสียงดังสนั่น
โฮลดิ้ง กับ เอฟเวอร์ตัน แตกหักและจบทุกอย่างกันในวันนั้น
แต่ โฮลดิ้ง ไม่ยอมและเดินหน้าสร้างสโมสรใหม่ในทันที เพราะจะหาทีมมาลงใช้สนามที่มีอยู่แล้ว
เรื่องของเรื่องก็คือ การทำทีมฟุตบอลไม่ใช่ของง่าย ไม่เหมือนกับการจัดตั้งพรรคการเมือง แต่ด้วยความมุ่งมั่น จอห์น โฮลดิ้ง เขารวบรวมสมัครพรรคพวกเข้ามาหารือกันที่เนปจูน โฮเทล ในย่าน
เคลย์ตัน สแควร์ ทั้งหมด 4 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ จอห์น แม็คเคนน่า ที่มารับตำแหน่งผู้จัดการทีมคนแรกของลิเวอร์พูล ในเวลาต่อมา
กระทั่งวันที่ 3 มิถุนายน 1892ทุกอย่างลงตัวทั้งหมด เมื่อมีการสร้างทีมขึ้นมาใหม่ และจดทะเบียนทุกสิ่งอย่างสำเร็จ จนเป็น ลิเวอร์พูล ฟุตบอล คลับ จนถึงปีปัจจุบัน
เป็นที่มาของ “เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมทช์” อันลือเลื่องจนถึงปัจจุบัน
แอนฟิลด์ กับ กูดิสัน พาร์ค ห่างกันแค่ 0.97 กิโลเมตร เป็นทีมฟุตบอลที่อยู่ใกล้กันมากที่สุดของอังกฤษ
คู่นี้ต่อกรกันอย่างดุเดือดมาตลอด ด้วยการเปรียบเสมือนเป็นการสู้ของคนในครอบครัวแท้ๆ เพราะเป็นการแตกหน่อออกมา แยกตัวออกมา ไม่ใช่ว่าต่างคนต่างตั้ง ทำให้ เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมทช์ มีความแตกต่างกับดาร์บี้แมทช์อื่นๆ อย่างสิ้นเชิง
โดยเฉพาะในยุค ’80 ทั้งสองทีมนี้ผลัดกันครองความยิ่งใหญ่ในฟุตบอลลีก เป็นยุคที่เรื่องของการเดินเรือตกต่ำ บวกกับรัฐบาลไม่สนใจไยดีไม่คิดจะดูแลเมืองนี้แต่เลือกไปกระตุ้นเศรษฐกิจที่เบอร์มิงแฮม และแมนเชสเตอร์ ทำให้ฟุตบอลเป็นที่หล่อเลี้ยงและเยียวยาจิตใจของคนในเมือง
อย่างไรก็ตาม เมื่อหมดยุคของ เคนนี่ ดัลกลิช กับ ฮาวเวิร์ด เคนดัลล์ อย่างเป็นทางการ เท่ากับหลังจากปี 1991 เป็นต้นมา เมืองนี้ดูเหมือนว่า ความสำเร็จค่อยๆ หายไป
เอฟเวอร์ตัน เป็นแชมป์รายการสุดท้าย เมื่อปี 1995 ผิดกับ ลิเวอร์พูล ที่ยังคงผลิตแชมป์ได้เรื่อยๆ แม้ว่าแชมป์หนสุดท้ายคือปี 2012 แต่ยังวนเวียนอยู่กับการได้ลุ้นแชมป์ แถมคำว่า “แชมป์ยุโรป 5 สมัย” ยังขายได้ตลอด
ลิเวอร์พูล ยังคงเบ่งบานเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และการฉลอง 125 ปีของสโมสร ก็สร้างรายได้ต่างๆ มากมายจนกลายเป็นสถิติโลก ผิดกับทางฝั่ง เอฟเวอร์ตัน ที่ฉลอง 125 ปีเช่นกัน แต่เต็มไปด้วยความหม่นหมอง
ผิดกันอย่างสิ้นเชิงแม้ว่าระยะทางห่างกันไม่ถึงกิโลเมตร
ของที่ระลึกของเอฟเวอร์ตัน แทบจะไม่มีให้เห็น หรือทีมการตลาดไม่ให้ความสำคัญก็ไม่ทราบได้ ทั้งที่ปีนี้เปลี่ยนแปลงโฉมหน้าไปมากมายจนแทบจะจำไม่ได้เลย
ทีนี้คำว่า เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมทช์ จะดุเดือดเลือดพล่านหรือไม่ อันนี้ก็น่าสนใจเหมือนกัน
เมื่อก่อนเราพูดได้เลยว่า ไม่ว่าเมื่อไหร่ อย่างไรสถานการณ์จะขนาดไหน คอฟุตบอลยังให้ความสนใจเหมือนเดิม เมื่อสองพี่น้องมาเจอกัน เสมือนเป็นเรื่องของคนในครอบครัวที่ดังกระฉ่อนโลกจริงๆ
ดาร์บี้แมทช์เดียวที่แฟนฟุตบอลทั้งสองทีมสามารถนั่งปะปนกันได้ ไม่มีการไล่ดักแทง ไล่กระทืบ เพราะแทบจะเป็นพี่น้องกันทั้งสนาม
เพราะเขาเหล่านี้มาจากเทือก มาจากรากเหง้าเดียวกัน
แต่ปัจจุบันความเข้มข้นน้อยลงไป เมื่อการลงทุนจากต่างประเทศมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะ เอฟเวอร์ตัน ที่เปลี่ยนแปลงนักเตะมากมาย จนทำให้ “รากเหง้า” มันเริ่มหายไป
จิ้มตัวตอนนี้คนที่น่าจะมีอารมณ์ร่วมกับเกมมากที่สุดฝั่งทอฟฟี่ แทบจะไม่มีคนท้องถิ่นหลงอยู่เลย เพราะที่มีโอกาสลงก็คือ ฟิล ยากิลก้า กับ เซมุส โคลแมน
สองคนนี้อยู่กับทีมมานานจนแทบจะเป็นคนที่นี่ แต่แท้จริง ยากิลก้า คือคนแมนคูเนี่ยน ส่วน โคลแมน คือลูกหลานชาวประมงแห่งคิลลี่เบกส์ ในไอริช
หน่อเนื้อเชื้อไขอย่าง เลห์ตัน เบนส์ จอมเก๋าที่เกิดในเคิร์กบี้ และทอม เดวี่ส์ เด็กในเมือง แต่ทั้งคู่ก็แค่สำรองในตอนนี้
เกมนี้ เอฟเวอร์ตัน ก็เล่นเพื่อศักดิ์ศรีล้วนๆ และทำอย่างไรก็ได้ในการตัดขาคู่ปรับร่วมเมืองไม่ให้ประสบความสำเร็จ ผิดกับ ลิเวอร์พูล ที่คุณคงทราบดี
ว่าเกมนี้ต้องทำอะไร
(บนซ้าย) เอียน รัช ผู้ยิงประตูมากที่สุด (บนขวา) เนวิลล์ เซาธ์ทอลล์ ลงเล่นมากที่สุด ส่วนภาพล่างคือ แกรี่ แอ็บเล็ตต์ ผู้ล่วงลับ เจ้าของแชมป์เอฟเอคัพกับทั้งสองทีม
สถิติน่าสนใจของเอฟเวอร์ตัน-ลิเวอร์พูล
การพบกันครั้งนี้จะเป็นเกมลีกหนที่ 200 ของทั้งคู่ ถือว่ามากที่สุดเป็นลำดับ 2 เป็นรองแค่ เอฟเวอร์ตัน กับ แอสตัน วิลล่า
-ดิวิชั่น 1 : 146 นัด ลิเวอร์พูล ชนะ 54 เสมอ 44 เอฟเวอร์ตัน ชนะ 48 (ลิเวอร์พูล ยิง 203 เอฟเวอร์ตัน ยิง 181)
-พรีเมียร์ลีก : 53 นัด ลิเวอร์พูล ชนะ 23 เสมอ 21 เอฟเวอร์ตัน ชนะ 9 (ลิเวอร์พูล ยิง 72 เอฟเวอร์ตัน ยิง 46)
-เอฟเอ คัพ : 24 นัด ลิเวอร์พูล ชนะ 11 เสมอ 6 เอฟเวอร์ตัน ชนะ 7 (ลิเวอร์พูล ยิง 39 เอฟเวอร์ตัน ยิง 28)
-ลีกคัพ : 4 นัด ลิเวอร์พูล ชนะ 2 เสมอ 1 เอฟเวอร์ตัน ชนะ 1 (ลิเวอร์พูล ยิง 2 เอฟเวอร์ตัน ยิง 1)
-คอมมิวนิตี้ ชิลด์ : 3 นัด ลิเวอร์พูล ชนะ 1 เสมอ 1 เอฟเวอร์ตัน ชนะ 1 (ลิเวอร์พูล ยิง 2 เอฟเวอร์ตัน ยิง 2)
-ลีกซูเปอร์คัพ : 2 นัด ลิเวอร์พูล ชนะ 2 (ลิเวอร์พูล ยิง 7 เอฟเวอร์ตัน ยิง 2)
สรุปพบกันมาแล้วในเกมอย่างเป็นทางการ 232 เกม ลิเวอร์พูล ชนะ 93 เสมอ 73 เอฟเวอร์ตัน ชนะ 66 ลิเวอร์พูล ยิงได้ 325 ลูก เอฟเวอร์ตัน ยิงได้ 260 ลูก
นอกจากนี้ทั้งสองทีมเคยลงเตะ “เทสติโมเนียลแมทช์” ร่วมกันทั้งหมด 5 นัด หนแรกปี 1973 ที่กูดิสัน พาร์ค ให้กับ ไบรอัน ลาโบน จากนั้นอีก 4 นัดคือเกมที่แอนฟิลด์ให้กับ สตีฟ ไฮจ์เวย์, ฟิล นีล, บรู๊ซ กร็อบเบลลาร์ และเจมี่ คาร์ราเกอร์
l นักเตะที่ทำประตูได้มากที่สุด
เอียน รัช (ลิเวอร์พูล) 25 ประตู
ดิ๊กซี่ ดีน (เอฟเวอร์ตัน) 19 ประตู
อเล็กซ์ “แซนดี้” ยัง (เอฟเวอร์ตัน) 12 ประตู
สตีเว่น เจอร์ราร์ด (ลิเวอร์พูล) 10 ประตู
แฮร์รี่ แชมเบอร์ส (ลิเวอร์พูล) 8 ประตู
จิมมี่ เซ็ตเติ้ล (เอฟเวอร์ตัน) 8 ประตู
แจ๊ค พาร์กินสัน (ลิเวอร์พูล) 8 ประตู
l นักเตะที่ลงสนามมากที่สุด
เนวิลล์ เซาธ์ทอลล์ (เอฟเวอร์ตัน) 41 นัด(ปี 1981-98)
เอียน รัช (ลิเวอร์พูล) 36 นัด (ปี 1980-87 และ 1988-96)
บรู๊ซ กร็อบเบลลาร์ (ลิเวอร์พูล) 34 นัด (ปี 1980-94)
อลัน แฮนเซ่น (ลิเวอร์พูล) 33 นัด (ปี 1977-90)
สตีเว่น เจอร์ราร์ด (ลิเวอร์พูล) 33 นัด (ปี 1999-2015)
เควิน แรทคลิฟฟ์ (เอฟเวอร์ตัน) 32 นัด (ปี 1980-92)
l Crossing the park
คำว่า Crossing the park คือนักเตะที่ย้ายข้ามฝั่งระหว่าง ลิเวอร์พูล กับเอฟเวอร์ตัน
แอนดริว ฮันนาห์ คือคนเดียวที่เป็นทั้งกัปตันทีมเอฟเวอร์ตัน และกัปตันทีมลิเวอร์พูล เล่นให้เอฟเวอร์ตันก่อนในปี 1889-1891 ก่อนจะย้ายไปทีมเรนตัน และมาอยู่ ลิเวอร์พูล ปี 1892-1895
-นักเตะที่ย้ายตรงจากลิเวอร์พูล ไป เอฟเวอร์ตัน รวม 10 คน คนสุดท้ายคือ แกรี่ แอ๊บเล็ตต์ ปี 1992 พร้อมทำสถิติเป็นคนเดียวที่ได้แชมป์เอฟเอ คัพ กับทั้งลิเวอร์พูล และเอฟเวอร์ตัน
-นักเตะที่ย้ายตรงจากเอฟเวอร์ตัน ไป ลิเวอร์พูล รวม 21 คน คนสุดท้ายคือ อเบล ซาเวียร์ ปี 2002 พร้อมทำสถิติเล่นเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ คนละทีมในซีซั่นเดียวอีกด้วย
นอกจากนี้ เมืองลิเวอร์พูล ยังมีอีกทีมคือ ทรานเมียร์ โรเวอร์ส อยู่ฟากฝั่งเบิร์คเค่น เฮด และมีนักบอลทั้งหมด 3 คน เคยเล่นให้ทั้ง ลิเวอร์พูล, เอฟเวอร์ตัน และทรานเมียร์
1.เดฟ ฮิกสัน 2.จอห์น เฮย์ดอน และ 3.แฟรงค์ มิทเชลล์
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี