แอลกอฮอล์ที่รู้จักกันกว้างขวางประกอบด้วย 2 ชนิด คือ เอทิลแอลกอฮอล์ (เอทานอล) และเมทิลแอลกอฮอล์ (เมทานอล) สำหรับเอทานอลนั้นถูกนำมาใช้เพื่อทดแทนน้ำมันเบนซินในประเทศกว่า 2 ทศวรรษ โดยผลิตขึ้นจากการหมักกากน้ำตาล หรือมันสำปะหลัง จากนั้นนำไปกลั่นให้บริสุทธิ์เพื่อผสมกับน้ำมันเบนซินในสัดส่วนร้อยละ 20 เรียก E20 ร้อยละ 85 เรียก E85 หรือในบางประเทศ เช่น ประเทศบราซิลมีการใช้ E100 การนำเอทานอลมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในภาคขนส่งทำให้เกิดห่วงโซ่เศรษฐกิจขนาดใหญ่ ปริมาณความต้องการบริโภคน้ำมันเบนซิน 2 ล้านลิตรต่อวันและเอทานอลเป็นส่วนผสมใน E20 และ E85 โดยเฉลี่ยคิดเป็นส่วนผสมเฉลี่ยร้อยละ 50 ในน้ำมันเบนซิน ให้ความหมายว่ามีความต้องการบริโภคเอทานอลไม่น้อยกว่า 1 ล้านลิตรต่อวัน หรือ 365 ล้านลิตรต่อปี มีมูลค่าผลิตภัณฑ์ถึง 7,300 ล้านบาทต่อปี (ราคา 20 บาท/ลิตร) เกิดการกระตุ้นภาคเกษตรกรรม หากคำนวณจากปริมาณมันสำปะหลังถึง 2.4 ล้านตันต่อปี คิดเป็นมูลค่าประมาณ 4,800 ล้านบาท (2,000 บาทต่อตันมันสำปะหลัง) เกิดห่วงโซ่ของพ่อค้าคนกลาง เช่น ลานมันในการรับซื้อมันจากเกษตรกรรายย่อยไม่น้อยกว่า 100 แห่ง และเกิดโรงงานอุตสาหกรรมผลิตเอทานอลไม่น้อยกว่า 10 โรง จะเห็นได้ว่าแอลกอฮอล์ชนิดแรกที่เรียกว่าเอทานอลนั้นเป็นผลงานที่ผ่านการดำเนินการวิจัยอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 2 ทศวรรษ และถูกผลักดันในการเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถสร้างรากฐานทางเศรษฐกิจและความยั่งยืนด้านพลังงานได้อย่างไม่มีข้อสงสัย ในทำนองเดียวกันนี้แอลกอฮอล์ชนิดที่สองที่เรียกว่าเมทานอลนั้นสามารถที่จะสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจจากฐานรากและสนับสนุนความมั่นคงด้านพลังงานได้
เมทานอลนั้นมีความสำคัญและถูกนำไปใช้ในภาคอุตสาหกรรมทั่วโลกมูลค่าถึง 100 ล้านตัน ในปีพ.ศ.2561 แบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่
ป้อนเข้ากระบวนการผลิตโอเลฟินและพาราฟินคิดเป็นร้อยละ 12แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับเชื้อเพลิงคิดเป็นร้อยละ 33แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นทางการค้าทั่วไป คิดเป็นร้อนละ 55
ในประเทศไทยมีการนำเข้าเมทานอลคิดเป็นร้อยละ 100 ปริมาณถึง 0.88 ล้านตัน (พ.ศ.2561) และนำมาใช้กันอย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรมผลิตไบโอดีเซลโดยใช้ทำปฏิกิริยาร่วมกับน้ำมันปาล์ม ผลิตภัณฑ์ไบโอดีเซลที่เกิดขึ้นใช้เป็นส่วนผสมร้อยละ 7 ในน้ำมันดีเซล (B7) อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมีการผลักดันให้ใช้ไบโอดีเซลเป็นส่วนผสมในอัตราร้อยละ 20 (B20) ประมาณการตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทนAEDP 2557-2579 กำหนดเป้าหมายให้มีการใช้ไบโอดีเซลถึง 14 ล้านลิตรต่อวัน ต้องใช้เมทานอลในส่วนนี้ 2 ล้านกิโลกรัมต่อวันหรือคิดเป็น 730,000 ตันต่อปี ในปี พ.ศ.2579 ความต้องการนี้เป็นเพียงสัดส่วนร้อยละ 33 เมื่อประมาณการทุกภาคส่วน อีกร้อยละ 67 ความต้องการเมทานอลอาจมากถึง 2.1 ล้านตันต่อปี ในปี พ.ศ.2579 ซึ่งอาจมีมูลค่าถึง 29,000 ล้านบาท (ราคาเมทานอลเฉลี่ย 14 บาทต่อกิโลกรัม) จะเห็นได้ว่าหากสามารถผลิตไบโอเมทานอล (เมทานอลจากแหล่งชีวภาพ) เพื่อใช้ทดแทนการนำเข้าเมทานอลจากต่างประเทศจะทำให้เกิดห่วงโซ่เศรษฐกิจกระตุ้นการเพิ่มรายได้ภาคเกษตรกรรมและความมั่นคงด้านพลังงานขึ้นอีก
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เป็นหน่วยงานที่เริ่มต้นการวิจัยผลิตไบโอเมทานอลจากแก๊สชีวภาพ (ผลิตได้จากผลผลิตด้านเกษตร) ตั้งแต่ปี พ.ศ.2557
จนถึงปัจจุบัน และพัฒนาเทคโนโลยีจนถึงขนาด Semi-Pilot ควบคุมการทำงานแบบอัตโนมัติได้ผลิตภัณฑ์ไบโอเมทานอลที่มีความบริสุทธิ์ไม่น้อยกว่าร้อยละ 98.5 และสามารถทำให้บริสุทธิ์ได้ถึงระดับร้อยละ 99.5
ดร.รุจิรา จิตรหวัง
ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมพลังงานสะอาดและสิ่งแวดล้อม
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี