ศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก คืนวันอังคารนี้ มีการดวลแข้ง 2 คู่ และจะเป็นการเตะบนแผ่นดินอังกฤษทั้งสองเกม ในเวลา 01.45 น.
เกมที่สนามแอนฟิลด์ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล แชมป์ยุโรป 5 สมัย และรองแชมป์เมื่อปีกลาย เปิดบ้านดวลกับ “พญามังกร” เอฟซี ปอร์โต้ เจ้ายุโรป 2 สมัยจากโปรตุเกส เจ้าบ้านมีปัญหาแน่นอนเมื่อ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แบ๊กซ้ายตัวสำคัญกัปตันทีมชาติสกอตแลนด์ ติดโทษแบนลงใม่ได้ คาดว่า เจมส์ มิลเนอร์ จอมเก๋าสารพัดประโยชน์ จะมาประจำการฝั่งนี้เหมือนกับที่เคยยึดแบ๊กซ้ายตัวจริงเมื่อ 2 ซีซั่นก่อน ขณะที่แผงกลาง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมจะกลับมาเป็นตัวจริงหลังจากเป็นสำรองนัดที่แล้ว ส่วนอีก 2 ที่ว่างต้องเบียดกันระหว่าง ฟาบินโญ่, นาบี เกอิต้า และจอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ส่วนเกมรุกยังเป็น 3 ประสาน โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่
ทางฝั่งอาคันตุกะจากแดนฝอยทอง มีจอมเก๋าอย่าง อีเกร์ กาซิยาส นำทัพ พร้อมกับสองนักเตะเนื้อหอมอย่าง เอแดร์ มิลิเตา ปราการหลังชาวบราซิล และมุสซ่า มาเรก้า กองหน้าวัย 26 ปีทีมชาติมาลี เป็นตัวหลัก อย่างไรก็ตาม เกมนี้จะขาด เปเป้ กับ เอคตอร์ เอร์เรร่า ที่ติดแบน และวินเซนต์ อบูบาการ์ ที่บาดเจ็บ
สถิติคู่นี้เจอกันมาในถ้วยนี้ ลิเวอร์พูล เหนือกว่าทุกประการ ด้วยการชนะ 3 เสมอ 3 ไม่เคยแพ้ ซึ่งการเจอกันล่าสุดเมื่อซีซั่นก่อน ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย “หงส์แดง” บุกชนะก่อนที่ดราเกา ถึง 5-0 ก่อนจะมาเสมอกันที่แอนฟิลด์ 0-0
อีกคู่ที่ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม “ไก่เดือยทอง” สเปอร์ส เปิดบ้านเจอกับ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่กำลังล่า 4 แชมป์ ซึ่งจะเป็นแมทช์สตาร์ทการดวลแข้งกัน 2 รายการ 3 นัดในรอบ 11 วันของคู่นี้อีกด้วย
สเปอร์ส จะเล่นถ้วยยุโรปหนแรกในสนามใหม่ของตัวเอง หลังจากประเดิมเกมลีกชนะ พาเลซ 2-0 รอเช็คฟิตของ เอริค ดายเออร์, แซร์จ โอริเยร์ และเอริค ลาเมล่า โดยจะกลับไปใช้ระบบ 3-5-2 อีกครั้ง โดยวาง คริสเตียน เอริคเซ่น, เดเล่ อัลลี่ และซน ฮึง มิน ลงเล่นเกมรุกตัวจริง ร่วมกับความหวังสูงสุดของทีมอย่าง แฮร์รี่ เคน
ทางฝั่ง “เรือใบสีฟ้า” ที่เพิ่งตีตั๋วเข้าชิงเอฟเอ คัพ เป็นรายการที่ 2 ปีนี้ รอเช็คฟิตของ เซร์คิโอ อเกวโร่ ที่เจ็บจากเกมพรีเมียร์ลีก เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คาดว่ามีโอกาสได้ลงตัวจริง แต่ ไคล์ วอร์คเกอร์ แบ๊กขวาตัวจริงบาดเจ็บที่กล้าเนื้อต้นขา ทำให้ ดานิโล่ จะเสียบตัวจริง โดยตัวหลักอย่าง แฟร์นานดินโญ่, ดาบิด ซิลบา, ราฮีม สเตอร์ล่ิง และเควิน เดอ บรอยน์ พร้อมลงสนาม
คู่นี้ถือเป็นการพบกันครั้งแรกในถ้วยนี้ ส่วนการเจอกันเฉพาะบอลถ้วยในลีกคัพ กับ เอฟเวอร์คัพ สถิติของ สเปอร์ส ดีกว่าด้วยการชนะ 9 เสมอ 3 แมนฯซิตี้ ชนะ 3 ส่วนสถิติรวมทุกรายการ แมนฯซิตี้ เหนือกว่านิดหน่อยด้วยการชนะ 61 สเปอร์ส ชนะ 60 เสมอกัน 35 นัด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี