สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้จัดประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2562 ขึ้น เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ณ ห้องไรฮาน โรงแรมอัล มีรอซ โดยในที่ประชุมมี พล.ต.อ. ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ เป็นประธาน พร้อมด้วย คุณกรวีร์ ปริศนานันทกุล รักษาการเลขาธิการฯ, อุปนายก, สภากรรมการ, ตัวแทนการกีฬาแห่งประเทศไทย (SAT), สโมสรสมาชิก ทั้งในระดับ โตโยต้า ไทยลีก (T1), M-150 แชมเปี้ยนชิพ (T2), ออมสิน ลีก โปร (T3), ออมสิน ลีก (T4), ลีกสมัครเล่น (TA), ฟุตบอลลีกหญิง, ฟุตซอลลีก และ ฟุตบอลชายหาด เข้าร่วม
โดย พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ กล่าวว่า “ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา สมาคมฯไม่ได้พัฒนาฟุตบอลเพียงแค่อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่เล็งเห็นว่าต้องมีการพัฒนาอย่างเป็นระบบในทุกๆ ด้าน ทั้งการพัฒนาฟุตบอลระดับรากหญ้า, การเปิดอบรมโค้ชทุกระดับ ตอนนี้มีผู้ผ่านการอบรมโค้ชแล้ว 2,000 กว่าราย และเพิ่มขึ้นจากในอดีตเป็นจำนวนมาก ซึ่งในอนาคตเราจะเปิดอบรมนักกายภาพเพิ่มอีกด้วย”
“ทางสมาคมฯ ได้รับการสนับสนุนที่ดินจาก กกท. จำนวน 150 ไร่ ในการสร้างศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งใหม่ ที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี
ซึ่งจากนี้สมาคมฯ จะเดินหน้าของบประมาณจากฟีฟ่ามาสร้างให้สำเร็จต่อไป ซึ่งผมวางแผนไว้จะสร้างสนามหญ้าจริง 5 สนาม สนามหญ้าเทียม 1 สนาม และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน”
“เรามีการกวาดล้างขบวนการล็อกผลการแข่งขันฟุตบอลอย่างต่อเนื่อง และมีการนำเทคโนโลยี VAR มาช่วยในการตัดสิน แต่ว่าทางฟีฟ่ายังไม่มีการอนุมัติอย่างเป็นทางการ ทำให้เราต้องอบรมบุคลากรให้มีความพร้อม และเตรียมเชิญวิทยากรจากฟีฟ่ามาช่วยพัฒนาตรงนี้ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการฝึกและใช้ VAR ในภูมิภาคอาเซียน คาดว่าจะสามารถใช้ VAR อย่างเป็นทางการประมาณช่วงปลายเลก 2 ทั้งนี้สโมสรที่กายภาพภายในสนามยังไม่ผ่าน ทางสมาคมฯ ได้ส่งหนังสือให้สโมสรเหล่านั้นปรับปรุงกายภาพในสนามให้ผ่านตามเกณฑ์ที่กำหนด”
“นอกจากนี้มีการแต่งตั้งเลขาธิการสมาคมฯ แทนตำแหน่งที่ว่างอยู่ โดยมีการแต่งตั้ง คุณกรวีร์ ปริศนานันทกุล ทำหน้าที่เลขาธิการสมาคมฯ อย่างถาวร ในเรื่องการเลือกตั้งวันนี้ยังไม่มีการพูดคุยในที่ประชุม ซึ่งถึงวาระต้องมีการเลือกตั้งในปีหน้า จะมีการดำเนินการให้เพื่อทุกอย่างเรียบร้อย วันและเวลาจะมีกำหนดอีกครั้ง”
สำหรับวาระที่สำคัญของการประชุมคือเรื่องการนำเสนองบดุลที่ได้รับการรับรองแล้ว และรายงานแสดง รายรับ-รายจ่าย ให้ที่ประชุมใหญ่อนุมัติ โดยมีรายละเอียดแบ่งออกเป็น รายได้จากไทยลีก เป็นเงิน 730,000,000 บาท คิดเป็นสัดส่วน 51.40 เปอร์เซ็นต์ รายได้จากค่าสนับสนุน เป็นเงิน 485,542,527.57 บาท คิดเป็นสัดส่วน 34.20 เปอร์เซ็นต์ รายได้จากการกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นเงิน 37,672,625.49 บาท คิดเป็นสัดส่วน 2.60 เปอร์เซ็นต์ รายได้จากการสนับสนุนจากต่างประเทศ เป็นเงิน 97,218,347.27 บาท คิดเป็นสัดส่วน 6.80 เปอร์เซ็นต์ และรายได้อื่นๆ เป็นเงิน 70,403,835.32 บาท คิดเป็นสัดส่วน 5 เปอร์เซ็นต์ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,420,837,335.65 บาท
รายจ่ายที่ไม่รวมค่าภาษีเงินได้ รวมทั้งสิ้น 1,416,670,720.27 บาท โดยแบ่งรายละเอียดของค่าใช้จ่ายทั้งหมดแบ่งออกได้ ดังนี้ ค่าสนับสนุนเพื่อพัฒนาสโมสร เป็นเงิน 701,073,062.36 บาท คิดเป็นสัดส่วน 49.50 เปอร์เซ็นต์ ค่าดำเนินงานและบริหาร เป็นเงิน 192,765,968.86 บาท คิดเป็นสัดส่วน 13.60 เปอร์เซ็นต์ ค่าสนับสนุนการแข่งขันฟุตบอลชาย-หญิง เป็นเงิน 260,282,145.51 บาท คิดเป็นสัดส่วน 18.40 เปอร์เซ็นต์ ค่าบริหารสิทธิประโยชน์และรายได้ เป็นเงิน 105,597,427.55 บาท คิดเป็นสัดส่วน 7.50 เปอร์เซ็นต์ ค่าจัดการแข่งขันฟุตซอลและฟุตบอลชายหาด เป็นเงิน 65,373,763.04 บาท คิดเป็นสัดส่วน 4.60 เปอร์เซ็นต์ ค่าสนับสนุนจัดการแข่งขัน เป็นเงิน 91,578,352.95 บาท คิดเป็นสัดส่วน 6.50 เปอร์เซ็นต์ รวมรายได้ทั้งหมด เป็นเงิน 1,420,837,335.65 บาท และมีรายจ่ายทั้งหมด เป็นเงิน 1,416,670,720.27 บาท ทำให้ในปี 2561 สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มีรายได้หลังจากหักค่าใช้จ่าย เป็นเงิน
ทั้งสิ้น 4,166,615.38 บาท
ขณะเดียวกัน ระเบียบว่าด้วยการเลือกตั้ง นายกสมาคมฯ อุปนายก และกรรมการกลางของสมาคมฯ ได้รับการเห็นชอบจากสโมสรสมาชิก อย่างเป็นเอกฉันท์ ด้วยมติ 61 ต่อ 61 เสียง โดยการเลือกตั้ง นายกสมาคมฯ, อุปนายก และกรรมการกลางของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จะมีขึ้นทุกๆ 4 ปี โดยครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2559 ทำให้ในครั้งหน้าจะมีขึ้นในปี พ.ศ2563 หรือในปีหน้านั่นเอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี