ถึงเวลานี้ศึก ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์คัพ คงจะทราบผลกันไปแล้วว่าใครนั้นคว้าแชมป์ครั้งที่ 47 แต่ที่แน่นอนก็คือไม่ใช่ ทัพ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ของเรา
การพ่ายให้กับเวียดนาม ในบ้านตัวเอง แม้ครั้งนี้จะไม่ได้เล่นกันที่ ราชมังคลากีฬาสถาน หรือ ศุภชลาศัย เหมือนที่เคยเป็นมา แต่ก็ไม่ใช่ข้ออ้างใดๆ ทั้งสิ้น เพราะที่ ช้างอารีน่า ก็มีแฟนบอลร่วม 27,000 คน เข้ามาให้กำลังใจขุนพลแข้ง ช้างศึกชุดนี้
ตลอด 90 นาที บวกช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นี่นับว่าเป็นหนึ่งเกมที่ ไทย นั้นเล่นได้ย่ำแย่ที่สุด เพราะตลอดทั้งเกมเราแทบจะทำอะไรคู่อริเบอร์ 1 ในอาเซียนอย่างทัพ ดาวทอง ไม่ได้เลย ไม่ว่าจะสกัดบอล, สภาพความฟิต, บอลพื้นที่สุดท้าย หรือแม้กระทั่งแท็กติกการแก้เกมต่างๆ
หนึ่งสาเหตุสำคัญคือการไร้ ชนาธิป สรงกระสินธ์ จอมทัพหมายเลข 1 ของทีม ที่มีอาการบาดเจ็บต้องกลับไปญี่ปุ่น ก่อนเวลาอันควร รวมไปถึงกองหน้ากัปตันทีมอย่าง ธีรศิลป์ แดงดา ที่ยังไม่ฟิตเต็มร้อย ทำให้ในครึ่งแรกการขึ้นเกมของไทย นั้นดูตะกุกตะกักไปทั้งหมด และบอลแทบจะไม่ถึงสองหัวหอกของทีมอย่าง สุภโชค สารชาติ และ ศุภชัย ใจเด็ด ที่ต้องยอมรับว่า นับตั้งแต่โดนใบแดงในเกม เอเชี่ยน คัพ ฟอร์มของเจ้าตัวก็หายวับไปด้วย
“โค้ชโต่ย” ก็แก้ปัญหาดังกล่าวโดยการส่ง สุมัญญา ปุริสาย ลงมาในครึ่งหลัง และก็ทำผลงานได้น่าประทับใจไม่น้อย แต่เป็นที่น่าคิดว่า ไทย จำเป็นต้องมีแผนสองที่ดีกว่านี้เมื่อต้องเจอกับคู่แข่งในระดับเดียวกันหรือสูงกว่าในอนาคตเมื่อต้องไร้ ชนาธิป เฉกเช่นเกมนี้
ด้วยความเป็นจริง เวียดนามก็ไม่ส่ง เหงียน คอง เฟือง เจ้าของฉายา เมสซี่เวียดนาม ลงสนามเป็นตัวจริงในเกมนี้เช่นกัน เพราะฉะนั้นก็แสดงให้เห็นว่า แม้เขาจะไร้ดาวเตะเบอร์ 1 ของทีม แต่แข้งรายอื่นๆ ของเขานั้นก็ยังทำผลงานได้ดี เนื่องด้วยอาจจะเป็นเพราะแท็กติกของ ปาร์ก ฮัง ซอ กุนซือชาวเกาหลีใต้ ที่ทำให้ทุกคนวิ่งแบบไม่มีหยุด และเพรสซิ่งเราจนแทบจะเล่นบอลไม่ได้ โดยเฉพาะเกมริมเส้นที่แทบไม่เห็นการขึ้นเกมสวยๆ จาก ธีราทร บุญมาทัน และ ทริสตองโด เลย
ขณะที่แดนกลางการเลือกทิ้งกองกลางฟอร์มสดหลายๆ คนในลีกไว้ที่ข้างสนาม แล้วเลือกใส่ตัวที่มีประสบการณ์แทน เห็นแล้วว่ามันไม่ช่วยอะไรเลย ธนบูรณ์ เกษารัตน์ และ สารัช อยู่เย็น นั้นเวลานี้ต้องยอมรับว่าทั้งคู่ได้ผ่านช่วงท็อปที่สุดของตัวเองไปแล้ว และมันถึงเวลาที่ต้องกล้าที่เปลี่ยนแปลงดูบ้าง เพราะไม่เช่นนั้นมันก็จะวนลูปอยู่แบบนี้ ตัวเล่นดีเลือกให้นั่ง ตัวประสบการณ์เลือกให้เล่น ฟุตบอลต้องอยู่กับปัจจุบัน ถ้ายังยึดแต่ผลงานในอดีตเราก็เปลี่ยนแปลงอะไรให้ดีขึ้นกว่านี้ไม่ได้แน่นอน
และที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือจังหวะพลาดของ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ที่ห่างหายจากทีมชาติไปนานไม่น้อย หลังได้รับบาดเจ็บอยู่บ่อยครั้งในการค้าแข้งกับ โอเอช ลูเวิน และเกมนี้ได้รับโอกาสแทน ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน ที่โชว์ฟอร์มได้ดีกับไทยในช่วงหลัง ซึ่งนั่นก็อาจทำให้ “เจ้าตอง” ฟอร์มตกลงไป ก่อนจะพลาดแบบไม่น่าเชื่อในช่วงทดเวลาบาดเจ็บจนเป็นประตูชัยของเวียดนาม
จากผลงานตอนนี้ ต้องยอมรับความจริงว่าเรานั้นเป็นรองให้กับ เวียดนาม แบบเต็มตัวแล้ว เพราะไม่ว่าจะทีมชุด ยู-23 ที่โดนทัพ “ดาวทอง” ถล่มมาเละเทะ 0-4 เมื่อต้นปี จวบจนมาสู่ชุดใหญ่ที่ต้องแพ้คาบ้านเช่นนี้ นั่นแสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขาคือหมายเลข 1 ของอาเซียนตัวจริงในเวลานี้
อย่างไรซะทุกอย่างมันได้ผ่านไปแล้ว จากนี้ก็ต้องเรียนรู้และก้าวไป เพราะอีกไม่นาน ในช่วงเดือน ก.ย. นี้ก็จะเข้าสู่ช่วงฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก รอบ 2 ซึ่งจากอันดับฟีฟ่าแรงกิ้ง ก็ทำให้ทัพ “ช้างศึก” จะต้องอยู่ในโถ 3 ในการจับสลากแบ่งสายในเดือนหน้า และมีโอกาสสูงที่เราจะได้เจอกับ เวียดนาม อีกครั้ง
เมื่อถึงวันนั้น ก็หวังว่าจะไม่ต้องมาเจอภาพจำเช่นวันนี้....
กาลอป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี