“ฝอยทองผยองเดช” ทีมชาติโปรตุเกสผงาดคว้าแชมป์ฟุตบอลยูฟ่า เนชั่นส์ ลีกที่จัดขึ้นเป็นสมัยแรกมาครองได้สำเร็จ หลังจากบดเอาชนะ “ฟลายอิ้งดัทช์แมน” ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ไปได้หวุดหวิด 1-0 ในการแข่งขันที่สนามเอสตาดิโอ โด ดราเกาถิ่นตัวเอง เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ประตูเดียวของเกมนี้เกิดขึ้นจาก กอนซาโล่ กูเอเดส ปีกจากบาเลนเซียในนาทีที่ 60 ทำให้ โปรตุเกส คว้าแชมป์ที่ 2ในประวัติศาสตร์ของประเทศ ถือเป็นแชมป์ที่ 2ในรอบ 3 ปี หลังจากได้แชมป์เมเจอร์ระดับชาติหนแรก เมื่อครั้งได้แชมป์ ยูโร 2016 ที่พวกเขาปราบ ฝรั่งเศส เจ้าภาพลงได้ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 1-0
นอกจากนี้ โปรตุเกส เป็นชาติในทวีปยุโรปทีมแรกในรอบ 21 ปีที่เป็นเจ้าภาพ และได้แชมป์ในการแข่งขันระดับเมเจอร์นับตั้งแต่ที่ ฝรั่งเศส เป็นเจ้าภาพแล้วได้แชมป์ฟุตบอลโลก 1998 ส่วน เนเธอร์แลนด์ ต้องรอคอยแชมป์ที่ 2 ต่อไป โดยหนแรกและหนเดียวที่พวกเขาได้แชมป์คือ ยูโร 1988 สถิติของพวกเขาในนัดชิงก็คือ แพ้ 4 จาก 5 เกมนัดชิงชนะเลิศในทัวร์นาเมนท์เมเจอร์ระดับชาติ ประกอบด้วย ฟุตบอลโลก 3 ครั้งปี 1974, 1978 และ 2010, ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 1ครั้งในปีนี้
ขุนพลชุดแชมป์ประวัติศาสตร์
โปรตุเกส ได้รับเงินในฐานะแชมป์ 6 ล้านยูโร รวมโบนัสต่างๆ ได้รับไปทั้งสิ้น 10.5 ล้านยูโร ส่วน รองแชมป์ 4.5 ล้านยูโร, อันดับ 3 รับ 3.5 ล้านยูโร และอันดับ 4 รับ 2.5 ล้านยูโร โดยบวกอีกชาติละ 2.5 ล้านยูโร เป็นโบนัสที่เข้ามาแข่งขัน
ซึ่งนักเตะชุดประวัติศาสตร์ทั้ง 23 คนของโปรตุเกส ภายใต้การคุมทัพของแฟร์นานโด ซานโต๊ส มีดังต่อไปนี้ ประตู : เบโต้, รุย ปาตริซิโอ้, โชเซ่ ซา, กองหลัง : ราฟาเอล เกร์เรยโร่, มาริโอ รุย, เนลสัน เซเมโด้, ชูเอา คานเซโล่, รูเบน ดิอาส, เปเป้, โชเซ่ ฟอนเต้, กองกลาง : บรูโน่ เฟร์นันเดส, ดานิโล เปเรยร่า,วิลเลียม คาร์วัลโญ, ปิซซี่, รูเบน เนเวส, ชูเอา มูตินโญ่, กองหน้า : แบร์นาร์โด้ ซิลวา, คริสติอาโน่ โรนัลโด้, ดิโอโก้ โชต้า, ดาเยโก้ ซูซ่า, ชูเอา เฟลิกซ์, กอนซาโล่ กูเอเดส และ ราฟา ซิลวา
“ฟานไดจ์ค”หลุด!“โด้”ตามคาดติดทัพยอดเยี่ยม
หลังจากจบเกมการแข่งขันครั้งนี้ ยูฟ่า ได้เปิดเผยนักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนท์ ซึ่ง แบร์นาโด ซิลวา มิดฟิลด์คอมพิวเตอร์ของโปรตุเกส ได้รับตำแหน่งนี้ไปครอง
ขณะที่ทีมยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนท์นั้น ไม่มีชื่อของ เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค ปราการหลังสุดแกร่งของเนเธอร์แลนด์ ส่วน คริสติอาโน่โรนัลโด้ จอมทัพทีมแชมป์โปรตุเกส ติดโผตามคาด พร้อมกับรับแชมป์ที่ 29 ในอาชีพการค้าแข้งอีกด้วย
11 แข้งยอดเยี่ยมมีดังนี้ ผู้รักษาประตู : จอร์แดน พิคฟอร์ด (ทีมชาติอังกฤษ), กองหลัง : ราฟาแอล เกร์เรยโร่ (ทีมชาติโปรตุเกส), มานูเอล อคานยี่ (ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์), รูเบน ดิอาส (ทีมชาติโปรตุเกส), มาไธส์ เดอ ลิกท์ (ทีมชาติเนเธอร์แลนด์),เควิน เอ็มบาบู (ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์)
กองกลาง : แบร์นาร์โด ซิลวา (ทีมชาติโปรตุเกส), มาร์เท่น เดอ รูน (ทีมชาติเนเธอร์แลนด์), เฟรงกี้ เดอ ยอง (ทีมชาติเนเธอร์แลนด์), กองหน้า : เมมฟิส เดอ ปาย (ทีมชาติเนเธอร์แลนด์) และคริสติอาโน่ โรนัลโด้(ทีมชาติโปรตุเกส)
ผู้ดีแอบคึก!ยึดที่3หนแรกรอบ51ปี
“สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ จบอันดับ 3 ในศึกยูฟ่า เนชั่นส์ลีก 2019 ถือเป็นทัวร์นาเมนท์เมเจอร์ระดับชาติซึ่งเป็นครั้งแรกของพวกเขาทำอันดับได้ดีที่สุดนับตั้งแต่ฟุตบอลยูโร 1968 หรือเมื่อ 51 ปีที่แล้ว
อังกฤษ ยิงจุดโทษดับ สวิตเซอร์แลนด์6-5 ในนัดชิงอันดับที่ 3 พร้อมกับเป็นครั้งแรกที่ยิงจุดโทษเข้าทุกคน หลังจากเดินไปสังหาร 6 คนด้วยกัน และจอร์แดน พิคฟอร์ดกลายเป็นโกล์คนแรกที่รับหน้าที่ยิงจุดโทษเข้าประตูให้กับทีม
ก่อนหน้านี้ อังกฤษ เคยชนะจุดโทษในรายการสำคัญเพียง 2 ครั้ง นั่นคือยูโร 1996 ชนะ สเปน ในรอบ 8 ทีม และล่าสุดในบอลโลก 2018 ชนะ โคลอมเบีย รอบ 16 ทีม
นอกจากนี้ยังชนะในนัดชิงที่ 3 ได้เป็นหนแรก ก่อนหน้านี้แพ้ อิตาลี ในบอลโลกปี 1990 และแพ้ เบลเยียม บอลโลก ปี 2018
ก้าวต่อไปของลูกหนังยุโรป
จบศึกเนชั่นส์ลีก ก็จะเป็นการก้าวไปสู่ฟุตบอลยูโร 2020 อย่างเป็นทางการหลังจากหวดกันไปแล้ว 3 แมทช์
การแบ่งสายจะมีทั้งหมด 10 กลุ่ม โดยกลุ่ม 1-5 จะมีทั้งหมดกลุ่มละ 5 ทีม และกลุ่ม 6-10 มีทั้งหมดกลุ่มละ 6 ทีม เมื่อซัดกันครบในกลุ่มเพื่อหา 24 ทีม เข้าไปเล่นรอบสุดท้าย
นั่นคือ จะนำทีมแชมป์ กับ รองแชมป์กลุ่มเข้ารอบทันที รวมทั้งหมด 20 ทีม
อีก 4 ทีมที่เหลือมาจากการเพลย์ออฟนั่นหมายความว่า เนชั่นส์ลีก จะกลับมามีบทบาทอีกครั้ง!!!
กฎคือจะเลือกทีมที่ผลงานดีที่สุดในเนชั่นส์ลีก แต่ละลีก นั่นคือ ลีก A, ลีก B, ลีก C และ ลีก D มาลีกละ 4 ทีม ทำการเพลย์ออฟ “เฉพาะในลีก” ให้เหลือ 1 เดียวของแต่ละลีก จะได้เข้ารอบสุดท้าย
นั่นหมายความว่าตอนนี้ทีมที่มีผลงานดีที่สุดของแต่ละลีก “มีโอกาส”ในการเข้ารอบสุดท้าย อย่างน้อยก็มี “โควตาเพลย์ออฟ” อยู่ในมือ
ลีก A ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร ต้องใส่กันในปีหน้า ขณะที่ ลีก B ทีมที่ผลงานดีสุดคือ บอสเนีย แอนด์ เฮอร์เซโกวีน่า, ลีก C คือ สกอตแลนด์ และ ลีก D คือ จอร์เจีย
อาจจะดูแล้ววุ่นๆ หน่อย แต่ถือว่าทำได้แฟร์
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี