เป็นที่ทราบกันดีว่า “พรีเมียร์ลีก อังกฤษ” คือลีกที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก
เรื่องการตลาดไม่มีใครเกินที่นี่อีกแล้ว
นับจากวันนี้เหลือเวลาอีกประมาณ 2 อาทิตย์เท่านั้น ฤดูกาลใหม่ก็จะเริ่มต้นกันอีกครั้ง โดยจะสตาร์ทตั้งแต่วันศุกร์ที่ 9 สิงหาคมนี้ เป็นต้นไป
การเจริญเติบโตของแบรนด์พรีเมียร์ลีก ส่งผลทุกอย่างกับสโมสรต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องของผู้ให้การสนับสนุน เริ่มตั้งแต่ “ชุดแข่ง” ที่เป็นหน้าเป็นตา และบ่งบอกความเป็นอัตลักษณ์ของแต่ละทีม
นับตั้งแต่ปี 2010 มีการเจริญเติบโตเรื่องสปอนเซอร์คาดหน้าอกเสื้อบอลพรีเมียร์ลีก นับจนถึงซีซั่น 2017 เม็ดเงินเพิ่มขึ้น 181 เปอร์เซ็นต์ มาถึงปีที่ผ่านมาทะลุไปกว่า 200 เปอร์เซ็นต์ ไปเป็นที่เรียบร้อย
ทุกทีมในพรีเมียร์ลีกมีผู้ให้การสนับสุนจากการ “คาดหน้าอก” และได้รับการอนุมัติจากพรีเมียร์ลีกให้มีโฆษณาที่ “แขนเสื้อ” ปีนี้เป็นปีที่ 3
ถือเป็นธุรกิจที่เติบโตในวงการฟุตบอลมาอย่างยาวนานมากๆ และเป็นเงินที่จุนเจือสโมสรมาตั้งแต่ยังไม่มีพรีเมียร์ลีก อยู่คู่กับบอลอังกฤษมานานถึง 40 ปีแล้ว หรือเมื่อซีซั่น 1979
หากจะพูดถึงเรื่องเสื้อบอล ต้องขยับไปอีกนิดก่อนจะเข้าเรื่องคาดหน้าอก ก็คือ ปี 1973 ธุรกิจฟุตบอลรุกคืบครั้งสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์
นับแล้ว 46 ปีพอดี
ฟุตบอลต้องเดินไปพร้อมๆ กับผู้ให้การสนับสนุน ทุกส่วนสัดทั้งในและนอกสนามทุกอย่างเป็นเงินเป็นทอง ธุรกิจนี้เน้นจาก “ผลงาน” และ “แบรนด์” ของสโมสร
ไม่ว่าทีมนั้นอาจจะอยู่ในช่วงที่ดี หรือช่วงที่ไม่ดี ก็ยังมี “สปอนเซอร์” หลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย
ยิ่งถ้าฟอร์มการเล่นอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ยิ่งจะทำให้สปอนเซอร์วิ่งเข้ามา เรียกว่า รอรับอย่างเดียว รอรับได้เลย
ในยุคนั้น ที่ฟุตบอลเริ่มจะเป็นเงินเป็นทองนั้น “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล กำลังตะแคงฟ้า ผงาดสุดๆ ในการคุมทัพของ ปรมาจารย์ลูกหนัง บิลล์ แชงคลี่ย์ ที่เริ่มประกาศศักดาทั้งในและนอกประเทศ
“อัมโบร” คือเจ้าแรกที่เข้ามาเซ็นสัญญาผลิตชุดแข่งให้กับสโมสร
จากนั้นก็มีคาดหน้าอก ปี 1979 ยังเป็น ลิเวอร์พูล ที่เป็นเจ้าแรกที่ได้รับการสนับสนุนจาก HITACHI
ปีที่แล้ว อาดิดาส คว้าแชมป์ไปครอง เมื่อมีถึง 6 ทีม ใช้แบรนด์ของพวกเขา ประกอบด้วย แมนยูฯ, วัตฟอร์ด, เลสเตอร์ รวมถึง 3 ทีมน้องใหม่กวาดเรียบ คาร์ดิฟฟ์, ฟูแล่ม และวูล์ฟส์ ที่ย้ายจากพูม่า
ขณะที่ พูม่า เหลืออยู่ 4 ทีม นั่นคือ อาร์เซนอล, เบิร์นลี่ย์, นิวคาสเซิ่ล และได้ คริสตัล พาเลซ มาจากแบรนด์ “มาคร่อน” แต่เสียลูกค้าไปสองเจ้าคือ เลสเตอร์ ไป อาดิดาส กับ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ไปอัมโบร
ไนกี้ มีทั้งหมด 4 ทีม ไบรท์ตัน, แมนฯซิตี้, เชลซี, สเปอร์ส
อัมโบร 4 ทีมเช่นกัน บอร์นมัธ, เอฟเวอร์ตัน, เวสต์แฮม และฮัดเดอร์สฟิลด์ ลูกค้าใหม่
ส่วน อันเดอร์ อาร์มอร์ 1 ทีม คือ เซาแธมป์ตัน และนิว บาลานซ์ 1 ทีม ลิเวอร์พูล
แชมป์การขายคือ ลิเวอร์พูล ที่ทิ้งทีมอื่นแบบไม่เห็นฝุ่น ด้วยผลงานของทีม, ความบ้าคลั่งของแฟนบอล ที่สาหัสขนาดตัดใจ “ป้ายยาตัวเอง”!!!
มาในปีนี้ อาดิดาส ยังคงเป็นแชมป์ตรงนี้เช่นเดิม เมื่อเป็นผู้ให้การสนับสนุน6 ทีม ขณะที่ ไนกี้ เสียท่าเมื่อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลุดมือไปอยู่กับ พูม่า ทำให้ทั้ง ไนกี้ และ พูม่า ดูแลเท่ากันคือ 3 ทีม เท่ากับ อัมโบร ที่เหลือ 3 ทีมเพราะ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ตกชั้น
แบรนด์ปีนี้รวม 8 ยี่ห้อ จาก 20 ทีมพรีเมียร์ลีก
อาดิดาส : อาร์เซนอล, เลสเตอร์ ซิตี้, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด, วัตฟอร์ด, วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส
แคปป้า : แอสตัน วิลล่า
อัมโบร : บอร์นมัธ, เบิร์นลี่ย์, เอฟเวอร์ตัน, เวสต์แฮม
ไนกี้ : ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน, เชลซี, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
พูม่า : คริสตัล พาเลซ, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด
นิว บาลานซ์ : ลิเวอร์พูล
เออร์เรีย : นอริช ซิตี้
อันเดอร์ อาร์มอร์ : เซาแธมป์ตัน
แต่ละทีมนั้นราคาต่อตัว ไม่ต่ำกว่า 2,200 บาท
ฮือฮาที่สุดในปีนี้ก็คือ “เรือใบสีฟ้า” เซ็นสัญญากับ PUMA ด้วยระยะเวลา 10 ปี ภายใต้คอนเซ็ปต์ฉลองครบรอบการก่อตั้งสโมสรครบ 125 ปี
ชุดยังคงโทนสีฟ้า เพิ่มแถบสีม่วงบริเวณไหล่และบนตัวหนังสือ ขณะที่ชุดเยือนเป็นโทนสีดำ พร้อมแถบสีเหลือง และขลิบสีชมพู ได้รับแรงบันดาลใจมาจากช่วงยุครุ่งเรืองของของวงการดนตรีในเมืองแมนเชสเตอร์ในช่วงปลาย 1980 ถึงช่วงต้น 1990
ทำสัญญาเป็นเวลา 10 ปี มูลค่า 650 ล้านปอนด์
พูม่า ได้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาครอง แต่ก็ต้องเสีย อาร์เซนอล ที่ดีลกันมาหลายปี โดย “เดอะ กันเนอร์ส” กลับสู่อ้อมกอดของ อาดิดาส เป็นหนแรกตั้งแต่ปี 1994
ดีลหนนี้ อาร์เซนอล ตกลงทำสัญญากับ อาดิดาส เป็นเวลา 5 ปี มูลค่าสูงถึง 300 ล้านปอนด์
จับตาดูดีลประวัติศาสตร์กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่อึดใจ นั่นคือ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล แชมป์ยุโรป ที่กำลังจะหมดสัญญากับ “นิว บาลานซ์” ที่ร่วมกันสร้างปรากฏการณ์การขายเสื้อ
ซีซั่นนี้ตามกำหนดเดิมคือ “หมดสัญญา” และกำลังเจรจากันอยู่โดยออปชั่นที่ว่า หากใครมาดีลด้วยแล้วให้เงินมากเท่าไหร่
“นิว บาลานซ์” สามารถที่จะต่อกรได้ และมีข้อที่ทำให้ ลิเวอร์พูล ยอมเจรจาด้วย
“ไนกี้” คือเจ้าที่มาแรงสุด และคาดกันว่าจะดีลที่ 80 ล้านปอนด์ต่อปี แพงที่สุดในอังกฤษ
“เสื้อบอล” นอกจากมีคุณค่าและแสดงออกให้เห็นถึงอัตลักษณ์แล้ว
ยังสร้างมูลค่ามหาศาลในยามนี้อย่างแท้จริง
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี