ฉลองแชมป์ : ขุนพลนักเตะ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ฉลองแชมป์ซูเปอร์คัพ หลังจากยิงจุดโทษโค่น “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ลงได้ 5-4 หลังจากบดกันอย่างโชกโชน 120 นาที เสมอกัน 2-2 ในการเตะที่โวดาโฟ สเตเดี้ยม นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี ทำให้ “หงส์แดง” ครองถ้วยนี้เป็นสมัยที่ 4
“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ผงาดแชมป์ฟุตบอลยูฟ่า ซูเปอร์คัพ มาครองได้สำเร็จหลังจากยิงจุดโทษโค่น “สิงโตน้ำเงินคราม”เชลซี ลงได้ 5-4 หลังจากบดกันอย่างโชกโชน 120 นาที เสมอกัน 2-2 ในการเตะที่โวดาโฟ สเตเดี้ยม นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา
ชัยชนะนัดนี้ทำให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์รายการนี้เป็นสมัยที่ 4 ต่อจากปี 1977, 2001 และ 2005 พร้อมกับเป็นแชมป์รายการที่ 2 ในยุคของ เจอร์เก้นคล็อปป์ อีกด้วย
l วิเคราะห์ไลน์อัพ
เจอร์เก้น คล็อปป์ วางระบบ 4-3-3แต่แท็กติกเปลี่ยนไปจากเดิม เมื่อให้อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ขึ้นมาเล่น“สามตัวบน” ร่วมกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์และปัก ซาดิโอ มาเน่ ไปเป็นหน้าเป้า
พัก เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ไปเป็นสำรอง แล้วส่ง โจ โกเมซ ทำหน้าที่แทน โดยที่ โฌแอล มาติ๊ป เข้ามายึดพื้นที่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ร่วมกับ เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค นอกจากนี้ เจมส์ มิลเนอร์ ได้ออกสตาร์ทกับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และฟาบินโญ่ เท่ากับเน้นเรื่องพละกำลังกับอาศัยประสบการณ์
ฝั่ง เชลซี ในที่สุด แฟรงค์ แลมพาร์ดจูเนียร์ ก็ตัดสินใจเลือกเล่นในระบบที่“นักเตะถนัด” มากกว่าที่ “ตัวเองถนัด” ด้วยการเล่น 4-3-3 ไม่ใช่ 4-2-3-1
เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ฟิตกลับมาประสานกับ มาเตโอ โควาซิซ และจอร์จินโญ่ ที่สำคัญคือแกนรุกปรับหมากเลือกใช้ความเก๋าของ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ แทนที่ แทมมี่ อับราฮัมที่ได้โอกาสในเกมลีก
คริสเตียน พูลิซิซ ได้โอกาสลงตัวจริง เล่นบุกกับ เปโดร อาศัยจังหวะสปีดเน้นรอโต้
ผิดคิว : เสื้อของ จอร์จินโญ่ ห้องเครื่องเชลซีถูกวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ หลังจากเจ้าหน้าที่ทีมสกรีนผิดจาก Joginho มาเป็น Joghino
l วิเคราะห์ครึ่งแรก
“หงส์แดง” มีทีท่าที่ดีกว่าชัดเจนในเกมนัดนี้ เมื่อเดินเครื่องได้น่าสนใจ จังหวะขึ้นเกมให้ มิลเนอร์ กับ เฮนเดอร์สันถ่างออกมาด้านข้าง เล่นทางกว้างได้อย่างน่าสนใจ มาเน่ กับ ซาลาห์ คอยวิ่งสลับ และให้ แชมเบอร์เลน โยกเข้าใน
แต่เล่นไปเล่นมาไม่ถึง 30 นาทีเกมของลิเวอร์พูล หายไปเลย เมื่อกลางตัวเก๋าของเชลซีทั้ง 3 คนเล่นบีบเกมได้อย่างยอดเยี่ยม
15 นาทีสุดท้าย “หงส์แดง” ไม่เป็นโล้เป็นพาย ต่อบอลไม่ได้ และเกมรุกหายบ้อท่าหายเงียบ
ประตูขึ้นนำของ เชลซี มาจากจังหวะที่ทักทายก่อนหน้านั้นไปหลายครั้ง มากันแค่ 3 คน แต่บอลถึงหน้าประตู เปโดรซัดชนคานไปก่อน และจุดเดียวกันคือรอยโหว่ระหว่าง โกเมซ กับมาติ๊ป ทำให้ ชิรูด์ หลุดเดียวเข้าไปสังหารแบบล่อเป้า จะไปโทษ อาเดรียน คงไม่ได้
ยังดีที่ลูกยิงสุดงามของ พูลิซิซ ไม่ได้ประตู เพราะล้ำหน้าไปก่อน ทำให้ เชลซี นำแค่ประตูเดียว
ถือว่า ลิเวอร์พูล โชคดีมากๆ
แปลกใจมากๆ ด้วยที่ทำไม??? คล็อปป์ ถึงปล่อยให้โดนกดอยู่นานจนเสียประตู?!?!?!?
ชุดประวัติศาสตร์ : 3 ผู้ตัดสินสาวชุดแรกที่ลงทำหน้าที่ในฟุตบอลชาย ประกอบด้วย มานูเอล่า นิโคโลซี่, สเตฟานี่ เฟรพพาร์ต และมิเชลเล่ โอนีล
l วิเคราะห์ครึ่งหลัง
โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ได้ออกสตาร์ททันที อ็อกซ์เลด ถูกถอดทั้งที่ไม่ได้ผิดอะไร แต่ผิดตรงที่ความสมดุลในแนวรุก มันแสดงให้เห็นแล้วว่า เขาไม่ใช่ตัวเลือกอีกต่อไปในตำแหน่งด้านบน
ตำแหน่งที่เหมาะสมคือ “บ็อกซ์ ทู บ็อกซ์” ในแดนกลางเท่านั้น จุดนี้ คล็อปป์ จะต้องจดจำไว้เลย
2 นาที ลิเวอร์พูล ตีเสมอได้อย่างทันควัน
ฟีร์มิโน่ เล่นกับไลน์ แล้วลอยตัวดีดบอลที่ถูกยกมาจาก ฟาบินโญ่ ต่อให้กับ มาเน่ ทั้งที่ตัวเขาจะยิงเองก็ได้ ก่อนที่ มาเน่ จะซัดสองดาบตุงตาข่าย
เกมกลับมาตื้อกันไปมา จังหวะของทั้งสองทีมเร็วขึ้น แต่ความแน่นอนในช่วงต้นซีซั่น ยังคงเล่นงานทั้งสองทีม ในเรื่องของแท็กติกที่ยังไม่ลงตัว และความเข้าใจในแผนงาน
ที่สำคัญก็ไม่มีใครอยากจะแพ้
การเล่นในช่วงต่อเวลา การประสานที่รู้ใจของ ฟีร์มิโน่ กับ มาเน่ เกิดขึ้นอีกครั้ง ในจังหวะ “ให้แล้วไป” ทุกอย่างลงตัวไปหมด มาเน่ ยิงได้อย่างเด็ดขาด
อย่างไรก็ตาม เชลซี มาได้จุดโทษที่ “ไม่เคลียร์” ในจังหวะที่ อาเดรียน กำลังจะรับบอลแล้ว แทมมี่ อับราฮัม ตัวสำรองโดดเข้ามาพอดี
แต่เมื่อผู้ตัดสินให้ไปแล้วทุกอย่างก็ต้องจบ และ จอร์จินโญ่ยิงได้อย่างเหนือชั้น
........ลงท้าย ลิเวอร์พูล ชนะแบบยิงไม่พลาด นี่คือบทเรียนที่จดจำมาจากการแพ้จุดโทษในศึกคอมมิวนิตี้ ชิลด์ หากแพ้อีกมันก็คงจะย้ำแผลและทำให้เกิดความหวั่นไหวมากมาย
เราเห็นได้จากการดีใจของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ปลดปล่อยออกมา เขาวิ่งไปหา อาเดรียน นายประตูที่เพิ่งเซ็นสัญญามา9 วัน ลงเล่นแทนมือ 1 อย่าง อลิสซอน เบ๊คเกอร์ พร้อมกับเซฟจุดโทษลูกสุดท้ายได้ ครองแชมป์ที่รอคอยมาทั้งชีวิต 13 ปี
แชมป์นี้ไม่ได้สำคัญมาก แต่ในเรื่องหัวใจ
ใครว่าไม่สำคัญ!!!
ฮีโร่คนใหม่ : อาเดรียน นายประตูลิเวอร์พูล ถูกเพื่อนๆ แบกฉลองชัยหลังจากเซฟจุดโทษพาทีมกำชัยเหนือ เชลซี หลังจากเขาเพิ่งเซ็นสัญญาร่วมทัพแค่ 9 วัน ก่อนจะได้แชมป์แรกในชีวิตการค้าแข้ง
l บทสรุปของเกม
ลิเวอร์พูล เสมอ เชลซี 2-2(ยิงจุดโทษ ชนะ 5-4)
ประตู : 0-1 โอลิวิเยร์ ชิรูด์นาทีที่ 36, 1-1 ซาดิโอ มาเน่ นาทีที่ 48,2-1 ซาดิโอ มาเน่ น. 98, 2-2 จอร์จินโญ่(จุดโทษ) น.101
รายชื่อนักเตะยิงลูกโทษ(ลิเวอร์พูล ยิงก่อน) 1-0 ฟีร์มิโน่, 1-1 จอร์จินโญ่, 2-1 ฟาบินโญ่, 2-2 รอสส์ บาร์คลี่ย์, 3-2ดิว็อค โอริกี้, 3-3 เมสัน เมาน์ท, 4-3 เทรนท์อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, 4-4 เอแมร์ซอน,5-4 โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ 5-4 แทมมี่อับราฮัม(ไม่เข้า)
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี