ชัยชนะเหนือ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา ตอกย้ำว่านาทีนี้ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล กำลังมีทิศทางที่ดีในสนามฟุตบอล
การเป็นแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ยุติการรอคอยให้กับแฟนบอลกับโทรฟี่แรกในรอบ 7 ปี เป็นความสำเร็จที่ “จับต้องได้” และเป็น “รูปธรรม” ได้อย่างชัดเจนที่สุด
โทรฟี่แชมป์ยุโรปทั้ง 6 ใบ ถูกตั้งตระหง่านเอาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ในสนามแอนฟิลด์ กวักมือเรียกนักท่องเที่ยวเข้าสู่สนามได้มากขึ้นไปอีก เมื่อการจำหน่ายตั๋วทัวร์สนาม หรือ สเตเดี้ยม ทัวร์ ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะในเมืองมากยิ่งขึ้น ผู้คนมีความสุขกับเมืองที่กำลังเจริญ
คุณยกกล้อง ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพ ถึงเวลาที่จะต้อง
เบี่ยงหลบ เพราะการก่อสร้างในเมืองเกิดขึ้นมากมาย
นาทีนี้ ลิเวอร์พูล แตกต่างจากเดิมไปแบบสุดขั้ว!!!!!
...อย่างที่ท่านทราบกันดีว่า ลิเวอร์พูล คือเมืองเก่าแก่และเป็นเมืองมรดกโลก
ซบเซาไปพักใหญ่ ตอนนี้กลับมาฮึดกันอีกครั้ง
เมืองลิเวอร์พูล ถิ่นดินแดนนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ ค.ศ.1207 หรือกว่า 800 ปี หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นที่นี่
เพราะที่นี่เป็นเมืองท่าที่สำคัญของ อังกฤษ และของโลก
เพราะที่นี่มีเรือที่ทุกคนรู้จักนั่นคือ ไททานิค
เพราะที่นี่เป็นเมืองกำเนิดวงดนตรีชื่อดังคับโลกอย่าง “เดอะ บีทเทิ่ลส์”
เมืองลิเวอร์พูล เพื่อชมเมืองท่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในตำนาน
ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 เมืองฟูเฟื่องมากๆ เพราะเป็นศูนย์กลางทางทะเล กว่า 40 เปอร์เซ็นต์ของการเดินเรือต้องผ่านเมืองนี้
ใหญ่ขนาดสหรัฐเปิดกงสุลทางทะเลที่แรก ณ เมืองนี้
แต่ด้วยการขนส่งเริ่มเปลี่ยนไป ไม่ได้เรืออย่างเดียว เมืองเริ่มถอยหลัง รัฐบาลเลือกที่จะไปพัฒนาเมืองอย่างแมนเชสเตอร์ และเบอร์มิงแฮม ทำให้ ลิเวอร์พูล ประสบปัญหามากมาย ตั้งแต่ต้นทศวรรษที่ 80
แต่ฟุตบอลยังค้ำเมืองนี้อยู่เพราะในยุค 80 ลิเวอร์พูล กับ เอฟเวอร์ตัน ผลัดกันครองความยิ่งใหญ่ ปิดบังเรื่องเศรษฐกิจของเมืองนะครับ...สองทีมนี้ห่างกันแค่ 0.99 กม.เท่านั้น เดิน 1,012 ก้าว
ปี 2004 ยูเนสโก ได้เรียกที่นี่ว่า “นครการค้าทางทะเล” เพราะมีครบถ้วนทุกอย่างคือ เพียร์ เฮด, อัลเบิร์ต ด็อค และวิลเลี่ยม บราวน์ สตรีท
ปี 2005 ได้แชมป์ยุโรป จากสโมสรฟุตบอล เป็นสมัยที่ 5 บวกกับ เดอะ บีทเทิ่ลส์ ครบ 40 ปี
ปี 2007 ฉลองครบรอบ 800 ปีที่ก่อตั้งมา
ปี 2008 ได้รับตำแหน่ง “เมืองหลวงทางวัฒนธรรมของยุโรป” พร้อมกับเมืองสตราเวนเจอร์ ประเทศนอร์เวย์
เมืองกลับมาคึกคักก็คือ การฉลองครบ 50 ปี เดอะ บีทเทิ่ลส์ และการกลับมาลุ้นแชมป์ลีกอย่างเต็มตัวเมื่อ ปี 2014 ของ ลิเวอร์พูล
ภาพตัดมาในปัจจุบัน...ผมเดินทางไปที่เมืองมา 1 สัปดาห์ เพื่อไปชมเกมนัดเปิดสนามกับทริปตะลุยอังกฤษพิชิตพรีเมียร์ ปีที่ 6
ได้เห็นอะไรที่แปลกแตกต่างกว่าเดิมมากมาย โดยเฉพาะการเจริญเติบโตทางด้านวัตถุ
...เมืองดูคึกคัก มีสีสัน มีร้านรวงต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ผู้คนมีความสุขมากยิ่งขึ้น ขนาดสั่งเบียร์ยังสั่งไปเต้นไป ผู้คนมีความสุข พร้อมที่จะพูดคุยเจรจาอย่างเป็นมิตรยิ่งกว่าสิ่งแวดล้อม
พูดง่ายๆ ว่ากำลังรวยขึ้น
ภาพถ่ายตามวิวต้องตั้งใจหลบ เพราะเครนมีอยู่เต็มเมือง...ห้างเกิดขึ้นหลายแห่ง ถนนเริ่มก่อสร้างแทบจะทุกมุมเมือง
ทั้งยอดตึก และพื้นราบ...
สิ่งที่กำลังเปิดขึ้นมาได้ 4 เดือนก็คือ อาคารรอยัล ลิเวอร์
รอยัล ลิเวอร์ บิลดิ้ง สร้างเมื่อปี 1908 สร้างแล้วเสร็จปี 1911 ราคาตอนที่สร้างคือ 800,000 ปอนด์ เคยเป็นอาคารที่สูงสุดในอังกฤษอยู่นานถึง 50 ปี สร้างโดย รอยัล ลิเวอร์ แอสชัวรันซ์ กรุ๊ป
เจ้าของปัจจุบันคือ ฟาร์ฮัด โมชิรี่ ชาวอิหร่าน เจ้าของทีมเอฟเวอร์ตัน ที่ถือหุ้นทีมไปถึง 77.2 เปอร์เซ็นต์
ปัจจุบันเปิดให้คนขึ้นไปท่องเที่ยวได้ และได้ใกล้ชิดกับ “ไลเวอร์ เบิร์ด” ใกล้ชิดที่สุด
เพียร์ เฮด หรือ เดอะ จอร์จ ด็อค ที่มี เพียร์เฮด, อัลเบิร์ต ด็อค และวิลเลี่ยม บราวน์ สตรีท
มีอาคารที่สุดยอด 3 อาคารอย่าง “เดอะ ทรี กราซส์” นั่นก็คือ Port of Liverpool Building สร้างปี 1903, Royal Liver Building สร้างปี 1908 และCunard Building สร้างปี 1914
นี่คืออาคารคอนกรีตหลายชั้นแห่งแรกของอังกฤษที่ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้ๆ กัน
...การขึ้นไปบนอาคารนั้นมีหลายขั้นตอนและน่าสนใจ เริ่มจากคุณสามารถโหลดแอพพลิเคชั่นของรอยัล ลิเวอร์ เพื่อถ่ายภาพกับนกไลเวอร์ เบิร์ดแบบ 4D ประดุจนกมีชีวิต
ทุกคนจะได้ขึ้นทางตึกฝั่งนกตัวแม่ ที่ชื่อ “เบลล่า” ที่หันหน้าออกทางฝั่งแม่น้ำเมอร์ซี่ย์
ขึ้นลิฟต์ไป 10 ชั้น ก่อนจะเดินบันไดต่อไปอีก 90 ขั้น แล้วไปแวะชมวีดีโอ พรีเซนเตชั่น ที่รวมประวัติศาสตร์ของเมืองที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยม เวลา 10 นาที เหมือนกับผ่านไปไวมาก
จากนั้นไปอีก 40 ขั้นเพื่อชมจุดสูงสุด และถ่ายภาพกับ “เบอร์ตี้” นกตัวพ่อที่หันหน้าปกป้องเมือง
เมื่อเดินลงมาจากตึก ก็สามารถที่นั่งรถซิตี้ ทัวร์ ได้สำเร็จ
ประเด็นนกไลเวอร์ เบิร์ด กำลังร้อนแรง หลังจากตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา สโมสร ลิเวอร์พูล เป็นผู้ครอบครองลิขสิทธิ์นกลิเวอร์เบิร์ด ไล่เช็คบิลของร้านแฟนซีน หรือแฟนเมด
จนเกิดการต่อต้านภายใต้ชื่อ #SaveLocalBusiness
แถมในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เพิ่งมีเรื่องใหญ่โต หลังจาก “เอคโค่” ได้เขียนข่าวแบบ “โยนหินถามทาง” ให้กับสโมสร ในการที่จะจดลิขสิทธิ์คำว่า ลิเวอร์พูล เป็นเทรดมาร์ก ของสโมสร!!!
ปรากฏว่า โดนถล่มแหลกจากแฟนบอล และคนในเมือง เพราะคำว่า ลิเวอร์พูล คือชื่อเมือง และเมืองๆ นี้มีมาก่อนสโมสรถึง 700 กว่าปี!!!
คาดว่า ตอนที่คิดนั้นสโมสรคงลืมไป....นกตัวนี้เป็นเรื่องของ “หัวใจ”
ไม่เกี่ยวว่าใครจะ “ครอบครอง”
ดังนั้นอยู่ๆ จะมีคนมางาบไปกินอย่างเดียวคงจะไม่ได้...
สิ่งนี้เป็นที่น่าสนใจอย่างมากทีเดียว เพราะถือเป็นการ “กระทบกระเทือนทางจิตใจ” ของคนที่นี่ คนที่ซัพพอร์ตจากถิ่นกำเนิด เหมือนกับสโมสรได้มองข้ามไป
เสียงก่นด่าในโลกโซเชียล เสียงตะโกนในสนามในนัดเปิดการแข่งขันเรื่อง “เทรดมาร์ก” กลายเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา
ทำให้ตอนนี้สโมสรรู้ตัวต้องถอยทัพไปแล้ว
แต่ก็ยังไม่ได้ทำให้แฟนฟุตบอล หรือคนในท้องถิ่นลืมเรื่องที่กระทบกระเทือนใจของพวกเขาลงได้ง่ายๆ
เรื่องนี้มันใหญ่จริง
เมื่อทีมกลับมายิ่งใหญ่ มีแฟนบอลจากทั่วโลกคอยสนับสนุน ดังนั้นสโมสรจะต้องไม่ลืม “กำพืด” และ “ถิ่นกำเนิด”
ประดุจคุณมีเพื่อนมากมาย แต่คุณจะลืมไม่ได้คือ “คนในครอบครัว”
เรื่องนี้ทีมต้องทำต่อไปให้จงได้
ไม่อย่างนั้นล่ะก็...
บี แหลมสิงห์
Made in Liverpool
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี