เยอร์เก้น คล็อปป์ vs แฟรงค์ แลมพาร์ด จูเนียร์
บิ๊กแมทช์พรีเมียร์ลีก ประจำสัปดาห์ อยู่ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์
“สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ที่ยังไม่ชนะใครในบ้านตัวเองต้องประจัญบานกับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จ่าฝูง
สถานการณ์ที่เปลี่ยนไปในโลกปัจจุบัน เชลซี กลายมาเป็นทีมที่ใช้ “นักเตะดาวรุ่ง” เป็นแกนหลักของทีม มาจาก2 สาเหตุหลักๆ ก็คือ ซื้อไม่ได้เพราะติดแบน กับความต้องการของ แฟรงค์ แลมพาร์ด จูเนียร์
ประเด็นหลังจากแมทช์ซูเปอร์คัพเป็นต้นมา เชลซี ยังคงลุ่มๆ ดอนๆ ในขณะที่ ลิเวอร์พูล ชนะทุกนัดในลีกก่อนจะมาแพ้นัดแรกของฤดูกาลในเกมแชมเปี้ยนส์ลีก ในการเยือนนาโปลี
จุดนี้ไม่ได้ต่างกัน เพราะ เชลซี ก็แพ้คาบ้านให้กับ บาเลนเซีย
แท็กติกตอนนี้ถือว่า ลิเวอร์พูล ลงตัวอย่างชัดเจน ตรงกันข้ามกับ เชลซี ที่ยังไม่มีระบบการเล่นที่ชัดเจนสำหรับทีมนี้
เจอกันหนล่าสุดเมื่อเดือนที่แล้ว ลิเวอร์พูล ชนะในการดวลเป้าครองถ้วยซูเปอร์คัพไปครอง
l ผ่าแท็กติกเชลซี
หลังจากเล่นระบบ 4-2-3-1 และ 4-3-3 ในบางขณะ ก่อนจะเลือกเล่นในระบบกองหลัง 3 คน ด้วยการวางแผน 3-4-3 ในสองเกมหลังสุด แต่ผลลัพธ์ยังคงไม่เสถียร
บุกไปถล่ม วูล์ฟส์ ถึงโมลินิวซ์ 5-2 แต่ก็มาโดนบาเลนเซีย เล่นงานในบ้าน เท่ากับว่าแมทช์อย่างเป็นทางการนั้น
แลมพาร์ด ยังไม่ชนะใครในเดอะ บริดจ์
น่าสนใจว่า เขาจะใช้สูตรไหนในการรับมือกับ ลิเวอร์พูลกันแน่?
แต่ที่แน่ๆ นาทีนี้ จะเล่นกองหลัง 3 คน หรือกลับไปเล่นเซ็นเตอร์แบ๊กคู่ คนที่เป็นกำลังหลักไปแล้วก็คือ ฟิยาโก้ โตโมรี่ดาวรุ่งวัย 21 ปี เชื่อสายไนจีเรีย-แคนาดา ที่ประสบความสำเร็จล้นหลามแบบขั้นบันได
ที่สำคัญชื่อเต็มของเขา น่าจะเป็นอีกคนที่ชื่อยาวสุดโลกก็คือ โอลูวาฟิกาโยมี่ โอลูวาดามิโลล่า โตโมรี่!!!!
เขาอยู่กับทีมตั้งแต่ 8 ขวบ ประสบความสำเร็จเป็นแชมป์รุ่นเล็กกับ เชลซี ด้วยการคว้าแชมป์ 2 ปี 4 แชมป์ ซีซั่น 2014-15 และ 2015-16 ด้วยการเบิ้ลแชมป์เอฟเอ ยูธ คัพและเบิ้ลแชมป์ยูฟ่า ยูธ ลีก
ก้าวไปเป็นแชมป์โลก รุ่นยู-20 กับทีมชาติอังกฤษ เมื่อ 2 ปีก่อน และถูกปล่อยให้ยืมไปฝึกวิทยายุทธ์จนได้รับเลือกเป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ ดาร์บี้เคาน์ตี้ เมื่อซีซั่นที่แล้ว
คนที่คุมดาร์บี้ก็คือ แลมพาร์ด
ศักยภาพนักเตะคนนี้ย่อมเป็นที่รู้ไส้รู้พุงของนักเตะและโค้ช ทำให้สุดท้าย แลมพาร์ด ตัดสินใจให้ลงเล่นไปแล้ว แถมยังยิงประตูได้อีกต่างหากในเกมกับ วูล์ฟส์
ดังนั้น ถ้าเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟคู่ เท่ากับว่า โตโมรี่ เป็นตัวหลัก เพียงแต่จะคู่กับใครระหว่าง เคิร์ต ซูม่า หรืออันเดรส คริสเตนเซ่น เนื่องจาก อันโตนิโอรือดิเกอร์ ยังเจ็บ
หากลงพร้อมกัน 3 คน ตรงกลางจะขยับมาเหลือยืนคู่กัน ซึ่ง จอร์จินโญ่ เป็นตัวหลักอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่า เขาจะเล่นกับใครระหว่าง มาเตโอ โควาซิซ หรือ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ที่ทดสอบความฟิต
ขณะเดียวกัน คนสำคัญในเกมรุกชุดนี้อย่าง เมสัน เมาท์ ก็ดันมาเจ็บ ทำให้ต้องรอเช็คฟิต ในการมาเดินเกมกับวิลเลี่ยน เพื่อให้ แทมมี่ อับราฮัม สบช่องเข้าล่าตาข่าย
ถ้าหาก เมาท์ ลงไม่ได้ นั่นหมายความว่า คริสเตียน พูลิซิซ จะมีโอกาสสตาร์ทและสไตล์ก็ต้องปรับออกไปเล่นทางกว้างมากขึ้น
ที่ดูเหมือนกับว่า แลมพาร์ด ไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไหร่นัก
เอ็นโกโล่ ก็องเต้ (ขวา) กลางตัวเด่นของ เชลซี รอเช็คฟิต ส่วน แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน (ซ้าย) แบ๊กจอมขยันที่เจอมือบนบนโลกโซเชี่ยลคุกคาม จะลงเล่นเหมือนเดิม
l ผ่าแท็กติกลิเวอร์พูล
การพ่ายแพ้ที่เนเปิ้ลส์ ไม่ได้สร้างความตื่นตระหนกอะไรให้กับ เดอะ ค็อปเท่าไหร่นัก เพราะหลายคนเข้าใจชีวิตได้ว่าเมื่อแข่งขันคุณก็ต้องแพ้ และอย่าไปคิดเสพติดชัยชนะ
การดูฟุตบอลหากคุณไม่เล่นพนันจนต้องไปนอนฟุตบาท ทีนี้คงไม่ได้มีอะไรน่ากลัวมากไปกว่า การที่ “หงส์แดง”ต้องออกมาเยือนติดๆ กันถึง 4 เกม โดยที่ไม่มีโอกาสเข้าไปปลอบใจในถิ่นตัวเอง
เจอกับหนักๆ กับ นาโปลี ปรากฏว่า การมาเยือนลอนดอน ถือว่าไม่ง่ายอยู่แล้ว กับทีมที่มีศักยภาพไม่ได้ต่างกัน ประเด็นคือ เจอร์เก้น คล็อปป์ เป็นคนที่แก้หมากแก้ลำคู่แข่งได้ดี และที่สำคัญตอนนี้เขาไม่สนว่าคู่แข่งจะทำอะไร
เขารู้อย่างเดียวว่า เขาจะเล่นตามสูตร จะเล่นตามระบบของตัวเอง
นั่นคือ 4-3-3 ยืนพื้น....อยู่ที่ว่าจะยืนกันแบบไหน
11 ตัวจริงในต้นซีซั่นชัดเจนเป็นที่เรียบร้อยว่า ใครจะเล่นกับใครใครจะอยู่ตรงไหน ยกเว้นตำแหน่งผู้รักษาประตูที่เป็นมวยแทน แต่ อาเดรียน ก็ไม่ได้หมูตู้อย่างที่บางคนเข้าใจ หรือพยายาม “จะป้าย” ความผิดเวลาทีมเสียประตู
ขณะที่แนวรับ ปัญหานอกจากสนามของ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่ตัดสินใจปิดบัญชี “ทวิตเตอร์” ของตัวเอง หลังจากถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังจากมีส่วนทำให้ทีมเสียประตูจากนักพนันในคราบแฟนบอล หรือจะเป็นคนหัวร้อนอะไรก็แล้วแต่
ผมกลับคิดว่า เป็นเรื่องดีด้วยซ้ำไป เพื่อให้สมาธิเขากลับมาโฟกัสในเกมโดยเฉพาะ
เนื่องจากมีการตอบโต้กันไป-มาทั้งฝ่ายต้านและฝั่งเชียร์ เจ้าตัวเลยไม่อยากรำคาญ ปิดๆ ไปเลยดีกว่า
อย่างที่บอกว่า น่าเสียดายเขาควรจะได้กลับไปเยียวยาสักหน่อยที่แอนฟิลด์ แต่ก็นั่นแหละ เป็นบทพิสูจน์หัวใจเบรฟฮาร์ทชาวสกอตแลนด์
แดนกลาง จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม จะกลับมาสตาร์ทอีกครั้ง หลังจาก เจมส์ มิลเนอร์ ได้ลงในเกมที่แล้ว เนื่องจาก คล็อปป์ ต้องการความเก๋าในแผงกลาง ทำให้ ไวจ์นัลดุม ต้องหลุดไป เพราะโควตาลงสนามพร้อมกันของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน พอดี แต่เกมนี้ ไวจ์นัลดุม กับ เฮนโด้ จะได้เล่นกัน โดยมี ฟาบินโญ่
ที่สดเหลือเกินเป็นตัวคุมเกม
วิธีการออกบอลของ ฟาบินโญ่ น่าสนใจมากๆ เขายกระดับตัวเองขึ้นมาในทุกๆ เกม และเล่นได้เข้ากับ เฮนโด้อย่างน่าสนใจ เมื่อต่างฝ่ายต่างรีดศักยภาพออกมา หลังจากเป็นคู่แข่งและเป็นตัวสลับกันเมื่อปีก่อน
เฮนโด้ วิ่งไปตรงๆ ตามไลน์ด้านขวา ฟาบินโญ่ ปักตรงกลางค่อนออกซ้ายเล็กๆ ส่วน ไวจ์นัลดุม วิ่งเป็นรูปตัวแอลจากซ้ายแล้วจะคอยตัดมายืนซ้อนให้ฟาบินโญ่
แผนแนวรุกยังคงเหมือนเดิม แต่คาดว่า ซาดิโอ มาเน่ น่าจะขยับตัดในมากขึ้น เพื่อมาเสริมกับ โรแบร์โต้ฟิร์มิโน่ ช่วยเข้ามาบดตรงกลาง และเปิดพื้นที่ซ้ายให้ โรเบิร์ตสัน เติมสุดเส้น ซึ่งการขยับตัวของ มาเน่ น่าสนใจแน่นอนเพราะจะดึงสมาธิของ เซซาร์ อัสปิลิกวยต้าเพื่อให้ โรเบิร์ตสัน ชิงจังหวะเติม
ต้องดูว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ รวมไปถึง มาเน่ และฟีร์มิโน่ จะต้องกลับมาคมกริบอีกครั้ง หลังจากพลาดกันเองในเกมแชมเปี้ยนส์ลีก
เมสัน เมาท์ กองกลางดาวรุ่งที่ยึดตัวจริงของ เชลซี มาตลอด มีปัญหาบาดเจ็บต้องทดสอบความฟิตจนถึงขั้นสุดท้าย
l “เดอะ แบทเทิ่ล”
ด้วยการเป็นเจ้าบ้าน เชลซี ถ้าคิดจะถอยหลังคงไม่งามแน่นอน สไตล์ของแลมพาร์ด ก็ไม่ได้พิสมัยเกมรับ และเป็นไปได้ที่เขาอาจจะเพรสหนักๆ เหมือนกับการเจอกันครั้งแรกในซูเปอร์คัพ ทำให้ ลิเวอร์พูล เล่นไม่ออกเลยในครึ่งแรก
แต่แผนหงส์แดงเปลี่ยนไปตั้งแต่เกมนั้น ไม่มีการให้มิดฟิลด์บ็อกซ์ ทู บ็อกซ์ของทีมออกไปยืนถ่างอยู่ริมเส้นอีกต่อไป ซึ่ง คล็อปป์ ต้องขอบคุณเชลซีในนัดนั้นที่ทำให้เห็นว่า สูตรที่เขาเลือกเล่นทางด้านกว้างมากๆ มันไม่ได้ผล
หากว่า เชลซี เลือกระบบ 3-4-3พื้นที่ในเกมรับมีแน่นอน และการปรับตัวยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์น่าจะหยุดความเร็วของ SMF ของหงส์แดงไม่อยู่แน่นอนอีกทั้งกองกลางจะตัวน้อยกว่า โอกาสโดนเล่นงานมีมากกว่าจะเล่นงานผู้มาเยือน
ผมคิดว่า สูตรหลัง 3 คนของเชลซีไม่เหมาะเท่าไหร่สำหรับเกมนี้ พื้นที่หลังไลน์จะมีเยอะ ถ้าหากไม่มี ก็องเต้ ลงมาด้วยแล้วล่ะก็ ไม่ควรเล่นแผนนี้เป็นอย่างยิ่ง
ขณะเดียวกัน แทมมี่ อบราฮัมจะได้โอกาสพิสูจน์ความสามารถ เมื่อต้องเจอกับ เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค กองหลังเจ้าของรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมยุโรป กับ โฌแอล มาติ๊ป สองปราการหลังที่เล่นกันได้อย่างลงตัวในซีซั่นนี้ หากไม่มีใครเจ็บ คล็อปป์ น่าจะเลือกคู่นี้เป็นคู่แรก
ที่ผ่านมา แทมมี่ กำลังติดเครื่อง ยิงได้ถึง 7 ประตูจาก 3 นัด แต่นั่นไม่ได้ยิงทีมที่มีกองหลังระดับบิ๊กเนม
ใกล้เคียงที่สุดคือการซัดชนเสาในการดวลกับ แมนฯยูไนเต็ด
......ทั้งสองทีมบอบช้ำกันมาจากกลางสัปดาห์ แต่ ลิเวอร์พูล ยังมีทรงที่ดีอยู่เพียงแต่จบไม่ลง ส่วน เชลซี แท็กติกจะมาแบบไหน
ถ้าผิดอาจจะไม่มีโอกาสแก้ตัว
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี