ทีมกรุ๊ปของ “หงส์แดง” ที่ออกสตาร์ทในฐานะแชมป์เก่า
น่าตลกและระคนปนกับเวทนาที่บางคนบอกว่า พรีเมียร์ลีก ปีนี้ แชมป์เป็นของ “หงส์แดง”ลิเวอร์พูล แน่นอนแล้ว
การสตาร์ทออกนำหน้าคู่แข่งอย่างรวดเร็วด้วยช่องว่างห่างถึง 8 คะแนน ทั้งที่ เพิ่งผ่านไปเพียงแค่ 8 นัด ถือว่าเป็นการออกตัวที่ร้อนแรงกว่าไฟบรลลัยกัลป์ แบบที่ทีมก็ไม่เคยเป็นมาก่อน
ด้วยผลงานชนะ 8 นัดรวด ดีที่สุดนับตั้งแต่การออกสตาร์ทฤดูกาล 1990-91 หรือเมื่อ 29 ปีที่แล้ว
ตอนนั้นผ่านไป 8 เกม คะแนนก็ยังไม่ห่างขนาดนี้ ต้องรอถึงนัดที่ 13 ช่องไฟระหว่างจ่าฝูง ลิเวอร์พูล กับรองจ่าฝูง “ปืนใหญ่”อาร์เซนอล ถึงขยับไปอยู่ที่ 8 แต้ม
เพราะในช่วงที่ ลิเวอร์พูล สตาร์ทกำชัย 8 นัดรวดมี 24 แต้มเต็ม อาร์เซนอล ก็ไร้พ่าย ชนะได้ 5 เกม ทำให้มี 18 คะแนน ตามหลังอยู่ 6 แต้มด้วยกัน
อย่างไรก็ตาม ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่พอเหลาลงไปกลายเป็นบ้องกัญชา!!!
.........ย้อนกลับไปเมื่อ 29 ปีก่อนเคนนี่ ดัลกลิช นำทีมป้องกันแชมป์ลีก หลังจากซีซั่น 1989-90 พวกเขาครองแชมป์ด้วยการทิ้งห่าง แอสตัน วิลล่า ยุคของ เกรแฮม เทย์เลอร์ ขาดลอย 9 แต้มในการเป็นแชมป์
เคนนี่ ดัลกลิช นำทัพ “หงส์แดง” ออกสตาร์ทได้อย่างอร่อยเหาะซีซั่น 1990-91
ปีนั้น วิลล่า ต้องเสีย เกรแฮม เทย์เลอร์ กุนซือที่ขึ้นไปรับงานเป็นผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ แทนที่ เซอร์บ็อบบี้ ร็อบสัน ที่วางมือ หลังจากนำทีมได้อันดับ 4 บอลโลก 1990 ดีที่สุดนับตั้งแต่ครองโลกปี 1966
คู่ปรับในซีซั่นนั้นคือ “ปืนใหญ่” ที่กลับมาล่าแชมป์อีกครั้ง หลังจากเติม อันเดรสลิมพาร์ ปีกซ้ายชาวสวีดิช จากเครโมเนเซ่ ในอิตาลี, แอนดี้ ลินิแกน ปราการหลังล้านปอนด์จาก นอริช ซิตี้ และสำคัญเลยก็คือ “มนุษย์ทะเล” เดวิด ซีแมน ด่านสุดท้ายจากควีนส์พาร์ค ที่มาเฝ้าเสาแทน จอห์น ลูคิช ที่ย้ายไป “ยูงทอง” ลีดส์ ยูไนเต็ด
“หงส์แดง” ดูเหมือนจะไม่ได้สะทกสะท้านอะไรกับคู่ปรับอื่นๆ และดูเหมือน ดัลกลิช จะมั่นใจในตัวผู้เล่นของตัวเอง แทบจะไม่มีการเสริมทัพอะไรเลย เพราะทีมถือว่าลงตัวมากๆ
ยกเว้นการเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการกับ รอนนี่ โรเซ็นทาล จากสตองดาร์ ลีแอช หลังจากยืมตัวมาช่วยยิงจนทีมเป็นแชมป์ ในราคา 1 ล้านปอนด์
.........การออกสตาร์ทชนะ 8 เกมรวดเกิดขึ้นจากการเริ่มต้นที่บรามอลล์ เลน ที่เหมือนกับว่ามีโชคอยู่ไม่น้อย
ไซม่อน เทรซี่ย์ นายประตูเจ้าบ้าน เจ็บในการปะทะก้บ เอียน รัช และต้องถูกหามออกไป ในสมัยนั้นมีการเปลี่ยนตัวได้ 2 คน และส่งชื่อนักเตะสำรองได้เพียง 2 คนแน่นอนว่า แต่ละทีมต้องส่งชื่อของผู้เล่นเอาท์ฟิลด์ ไม่ส่งชื่อ ประตูสำรอง
แม้กระทั่งเบอร์เสื้อก็จะเปลี่ยนไปตามคนที่ได้ลง 11 ตัวจริง ไม่ได้ระบุชัดเหมือนกับในยุคปัจจุบัน
จอห์น เพมเบอร์ตัน กองหลังต้องมาเป็นนายประตูจำเป็น และมีส่วนในการเสียประตูง่ายๆ 2 ลูก ทำให้ ลิเวอร์พูล บุกมาประเดิมชัย 3-1
นัดที่ 2 ได้เล่นในแอนฟิลด์ เป็นเกมนัดมิดวีค ได้สองประตูจากคู่กองหน้า เอียน รัช กับ ปีเตอร์ เบียร์ดสลีย์ ในครึ่งเวลาหลัง ทำให้ชนะ “เจ้าป่า” น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 2-0 ขึ้นจ่าฝูงครั้งแรกของฤดูกาล
นัดที่ 3 ได้ชนกับคู่ปรับล่าแชมป์เมื่อซีซั่นก่อนกับ “สิงห์เผ่นมิดแลนด์” แอสตัน วิลล่า ที่แอนฟิลด์ ในยุคที่ผู้มาเยือนใช้ดร.โจเซฟ เวนกลอส กุนซือผู้นำเชโกสลวาเกียไปบอลโลก 90 เข้ามาทำงานเป็นคนแรกนอกสหราชอาณาจักรที่คุมทีมในอังกฤษ
ปีเตอร์ เบียร์ดสลีย์ ฟอร์มฮอตในช่วงเปิดซีซั่น และรัวแฮททริคใส่ แมนฯยู
ด้วยการโชว์ฟุตเวิร์ก กระตุกเข้าไปยิงของ ปีเตอร์ เบียร์ดสลีย์ แม้จะโดน เดวิด แพล็ท ดาวดังจากบอลโลกโหม่งตีเสมอ แต่ จอห์น บาร์นส์ ก็โชว์ทีเด็ด กระตุกบอลเข้าเท้าขวาแล้วปั่นโค้งในลักษณะเดียวกันหนที่ 3 ของเกมเป็นประตูชัยให้ทีมบดชนะ 2-1 ก่อนหมดเวลาแค่ 3 นาที
นัดที่ 4 บุกไปเยือนพลัฟ เลน คือเรื่องยากเสมอ แม้เจ้าถิ่นจะเปลี่ยนมือเป็น เรย์ ฮาร์ฟอร์ด คุมทัพ แต่ก็ยังบุกชนะได้ 2-1
นัดที่ 5 ทำศึกวันแดงเดือดกับ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ออกสตาร์ทได้น่าสนใจ 5 นัด ชนะ 3 เสมอ 2 แพ้แค่นัดเดียว อย่างไรก็ตามหยุดความร้อนแรงของ “หงส์แดง” ไม่อยู่ เมื่อปีเตอร์ เบียร์ดสลีย์ สังหารแฮททริคพาทีมชนะขาดลอย 4-0
นัดที่ 6 ข้ามฟากเดินไป 1,012 ก้าวระยะทางไม่ถึง 0.97 กิโลเมตร ทำศึกเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมทช์ กับ “ทอฟฟีสีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน ที่น่าจะจบง่ายเมื่อนำห่างถึง 3-0 จากสองประตูที่ได้ติดๆ กันจากปีเตอร์ เบียร์ดสลีย์ ที่เตะฟรีคิกเข้าไปกลางประตูเหมือนไม่มีอะไรแต่เข้าไปเลย และนาทีถัดมา เอียน รัช โดนทำฟาวล์ในเขตโทษ ก่อนที่ จอห์น บาร์นส์ จะยิงเข้า ใน 37 นาทีแรก
เบียร์ดสลีย์ ยิงได้อีกลูก สกอร์ขาด 3-0 แต่ทำไปทำมาโดนไล่คืนมาสองประตู โดยเฉพาะประตูที่ 2 ที่เสียไปนั้น บรู๊ซ กร็อบเบลาร์ แกออกมาผิดจังหวะ บอลโดนหัวสจ๊วร์ต แม็คคอลล์ ข้ามตัวแกไปชนเสา และกระเด้งมาชน เกล็น ไฮเซ่น เข้าประตูตัวเอง ก่อนจะเอาตัวรอดออกมาได้อย่างหวุดหวิด
การผ่านทีมแกร่งๆ มาได้สองนัดติด ทำให้ทีมเล่นได้อย่างมั่นใจและคลีนชีตในอีกสองเกมต่อมา ด้วยการบุกไปชนะ ซันเดอร์แลนด์ สมัยยังใช้สัญลักษณ์ “เรือรบ” และสนามโรเกอร์ พาร์ค 1-0 ต่อด้วยหักเขา “ไอ้หัวแกะ” ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ที่แอนฟิลด์ 2-0
ลิเวอร์พูล ชนะติดต่อกัน 8 นัด
เอียน รัช ยังเปี่ยมไปด้วยความอันตรายทุกฝีก้าว
กระทั่งวันที่ 20 ตุลาคม 1990 สถิติอันสวยหรูมีอันต้องสะดุดลง ในการยกพลบุกไปเยือน “นกขมิ้นเหลืองอ่อน” นอริช ซิตี้ ทีมที่เล่นฟุตบอลบนพื้นได้อย่างยอดเยี่ยม ถือเป็นทีมที่ต่อกรเรื่องฟุตบอลบนภาคพื้นดินได้สูสีกับ ลิเวอร์พูล มากที่สุดในยุคนั้น
ภายใต้การทำงานของ เดฟ สตรินเจอร์ พวกเขามีนักเตะดีๆ หลายต่อหลายคน อาทิ ไบรอัน กันน์ นายประตู(พ่อของแองกุส กันน์ โกล์เซาธ์แฮมป์ตัน คนปัจจุบัน), ปราการหลังอย่าง มาร์ค โบเว่น, เอียน บัตเตอร์เวิร์ธ และเอียน คัลเวอร์เฮาส์ ส่วนเกมรุก รูเอล ฟอกซ์ กับ เดล กอร์ดอน คือปีกที่มีทักษะดีมากๆ โดยมี ทิม เชอร์วู้ด คอยบัญชาเกมในแดนกลาง
หงส์แดงมีปัญหาไร้ รอนนี่ วีแลน ในแผงมิดฟิลด์ ก่อนที่จะลงเอยด้วยผลเสมอ 1-1 สถิติต่างๆ ยุติลงในวันนั้น
เคยมี วีดีโอ บันทึกความร้อนแรงทั้ง 8 เกมของ ลิเวอร์พูล ออกมาจำหน่าย และถูกส่งมาขายยังเมืองไทย หน้าปกเป็นภาพของ ปีเตอร์ เบียร์ดสลีย์ วิ่งชูมือ สะท้อนให้เห็นถึงความร้อนแรงและเก่งจริง
ที่สำคัญ แม้จะเสียสถิติ แต่ก็เหมือนว่า ไม่มีอะไรจะมาหยุดพวกเขาได้ เพราะลงเตะก็ยังเดินหน้าชนะอย่างเดียว
สถานการณ์มันดูเหมือนจะเทมาฝั่งเดียว เมื่อ ลิเวอร์พูล ลงเตะ 13 นัด ชนะ 12 นัดเสมอนัดเดียว หลังจากบุกไปชนะ “ช้างกระทืบโรง” โคเวนทรี ซิตี้ ที่ไฮฟิลด์ โร้ด 1-0 จากประตูโทนของ ปีเตอร์ เบียร์ดสลีย์
พวกเขานำหน้า อาร์เซนอล อยู่ 8 คะแนน และปฏิทินเดินทางมาถึงวันที่ 17 พฤศจิกายน 1990
เป็นการออกนำ 8 แต้มหนแรกของฤดูกาล แต่......
แต่ลงท้ายปีนั้น ลิเวอร์พูล ก็ได้แค่รองแชมป์ และมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ก่อนจะเข้าสู่ “ยุคมืด” อย่างเต็มตัว
ดังนั้นการออกสตาร์ทในปีนี้ แม้จะชนะรวด และนำห่างอย่างรวดเร็ว แต่บทเรียนในอดีตได้ตอกย้ำให้คนเราจะต้องเรียนรู้ในประวัติศาสตร์
ซีซั่นก่อนเคยนำสูงสุด 10 แต้มช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ก่อนจะถูกย่อเหลือ 4 คะแนนภายใน 3 วันมาแล้ว
ไม่ได้มองในแง่ลบ แต่มองในแง่ความเป็นจริง เพราะนี่เพิ่งจะเป็นปฐมบทของการต่อกร ขุนพลเพิ่งตาย เพราะฉะนั้นยังไม่ถึงเวลานับศพขุนพล
สงครามนี้ยังเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี