ปัจจุบันเมื่อกล่าวถึงสาหร่าย น้อยคนนักที่จะปฏิเสธว่าไม่รู้จักหลายคนรู้จักในแง่การรับประทานเป็นอาหาร โดยนำมาเป็นส่วนประกอบในเมนูอาหาร เช่น แกงจืด ซูชิ เป็นต้น และในรูปแบบที่เป็นอาหารว่าง หรือเป็นขนมขบเคี้ยว
สาหร่ายไม่เพียงแต่มีบทบาททางด้านอาหารเท่านั้นเมื่อมองไปรอบๆ ตัวเราจะพบว่า มีการนำสาหร่ายมาเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางมากขึ้น แล้วสาหร่ายมีบทบาทในการเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางอย่างไร ทุกคนอาจเกิดความสงสัยไม่น้อยอีกเช่นกัน
จากรายงานการจัดแบบอิงความสัมพันธ์ทางวิวัฒนาการมากกว่า 72,500 รายงาน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ระบุว่าสาหร่ายมีความหลากหลายทางชีวภาพทางด้านสายพันธุ์อย่างมาก และการผลิตสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพจากสาหร่ายสามารถทำได้ง่ายโดยการดัดแปลงและควบคุมปัจจัยทางกายภาพในการเพาะเลี้ยง ทำให้เกิดการสร้างสารประกอบโดยสาหร่ายขึ้นมา เช่น แคโนทีนอยด์ ไฟโคบิลินส์ กรดไขมัน โพลีแซคคาไรด์ วิตามิน สเตอรอล โพลีฟินอล ไขมัน หรือโปรตีน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงฤทธิ์ทางชีวภาพต่างๆ ที่มีบทบาทต่อผิวพรรณของเรา สาหร่ายเมื่อถูกนำไปใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางชนิดต่างๆ จะมีบทบาท ดังนี้
1.ป้องกันความแก่ของผิวหนัง ซึ่งความแก่ของผิวหนังนั้นปัจจัยหนึ่งเกิดจากกาลเวลาที่ผ่านไปที่มาทำร้ายผิวหนังของเรานั่นเอง ทำให้คอลลาเจน อีลาสติน และไกลโคสะมิโนไกลแคนที่ผิวหนังลดลง ความยืดหยุ่นของผิวลดลง พบว่าสาหร่ายสีเขียวขนาดเล็ก เช่น Chlorella ช่วยคืนความสดชื่นของผิว โดยปกป้องคอลลาเจนและอีลาสตินไฟเบอร์ต่อเอนไซม์คอลลาเจนเนส และอีลาสเตสที่ย่อยสลายผิวหนัง มีการนำมาใช้เป็นสารต่อต้านการเกิดริ้วรอยในครีมบำรุงผิว
2.ป้องกันรังสียูวีและริ้วรอยอันจะเกิดจากการสัมผัสแสงแดด สาหร่ายไซยาโนแบคทีเรียสามารถผลิตสารป้องกันรังสียูวีได้หลากหลาย เช่น กรดอะมิโนกลุ่มคล้ายไมโครสปอริน(mycosporine-like amino acids; MAAs) สามารถดูดซับรังสียูวีได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง รวมถึงกระจายรังสีโดยไม่สร้างอนุมูลอิสระขึ้นมา มีการใช้เพื่อกันแดดในโลชั่นกันแดด
3.ให้ความกระจ่างกับผิวและลดการสร้างเม็ดสีที่ผิว โดยสีผิวของเราจะถูกสร้างจากเม็ดสีเมลาโนไซต์ หากสร้างผิดปกติจะทำให้เกิดจุดด่างดำบนผิวหนัง โดยพบว่าแอสตาแซนทินที่พบในสาหร่ายจะทำหน้าที่ในการยับยั้งการสร้างเอนไซม์ไทโรซิเนส ที่เป็นหนึ่งในเอนไซม์สำคัญสำหรับการสร้างเม็ดสีเมลานินซึ่งเป็นสาเหตุการเกิดความหมองคล้ำ จุดด่างดำ ฝ้าบนผิวหน้า อีกทั้งแอสตาแซนทีนยังทำให้เกิดความกระจ่างใสของผิวขึ้นด้วย และซีแซนทีนที่ได้จากสาหร่าย Nannochloropsisoculataพบว่ามีฤทธิ์การยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนสและสามารถนำไปใช้ในการรักษาให้ผิวขาวได้ด้วยเช่นกัน
บทบาทของสาหร่ายดังกล่าว เกิดจากแนวโน้มความต้องการของผู้บริโภคที่นิยมใช้ผลิตภัณฑ์ทางชีวภาพมากขึ้น และกระแสความต้องการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง ทั้งนี้หากมีการนำสาหร่ายเข้ามาใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆอย่างแพร่หลาย จะช่วยเพิ่มมูลค่าทรัพยากร สร้างงาน สร้างรายได้และความมั่นคงทางเศรษฐกิจต่อไป
เอกสารอ้างอิง : Raposo and Morais., 2015 Microalgae for the prevention of cardiovascular disease and stroke. Life Sciences. 32-41
นวลจันทร์ ใจใส
ศูนย์ความหลากหลายทางชีวภาพ
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี