‘ศุภณัฏฐ์’ฮีโร่!
โซ้ยเบิ้ลเฉือนลาว
บู๊เวียดนามส่งท้าย
ขนไก่ไทยคว้าทอง
ทัพ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ลงสนามในรอบแบ่งกลุ่มนัดที่ 4 ดวลกับทีมชาติ ลาว ที่สนาม รีซาล เมโมเรี่ยล เมื่อวันอังคารที่ 3 ธ.ค. ท่ามกลางสภาพอากาศที่ฝนตกหนักอย่างหนัก จากเหตุการณ์ พายุไต้ฝุ่นคัมมูริ ที่พัดเข้ามากรุง มะนิลา ประเทศ ฟิลิปปินส์เกมนี้ อาทิระ นิชิโนะ กุนซือ “ช้างศึก” ปรับทัพหลายรายโดยแนวรุกวาง อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ ,วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ , เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ และ สิทธิโชค ภาโส ยืนเป็นหัวหอกล่าสตาข่าย
เริ่มเกมช่วงมา 10 นาทีแรก ไทย นั้นเล่นได้อย่างยากลำบาก เนื่องจากสนามที่ลื่นจากพายุฝนที่ตกลงมา ก่อนจะมาได้ลุ้นได้ประตูครั้งแรกเมื่อ อานนท์ เปิดบอลเรียดจากฝั่งซ้ายเข้ามาในกรอบเขตโทษ สิทธิโชค ภาโส เข้ามาจิ้มบอลหลุดออกหลังไปนิดเดียว ผ่านมาครึ่งชั่วโมง ลาว มาได้โอกาสทอง เมื่อ บุญคง บุญพระจันทร์ หลุดเข้ามาในกรอบเขตโทษตัวต่อตัวกับ กรพัฒน์ นารีจันทร์ ผู้รักษาประตูไทย แต่ไม่ยอมยิงและพยายามเลี้ยงบอลหนี ก่อนจะหมดโอกาสยิงพลาดโอกาสได้ประตูขึ้นนำไปอย่างเหลือเชื่อ จากนั้นไทย มาได้โอกาสบ้างจากลูกยิงหน้ากรอบเขตโทษของ วรชิต แต่บอลข้ามคามไปนิดเดียว ช่วงเวลาที่เหลือครึ่งแรกยังทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบครึ่งแรก ไทย เสมอ ลาว 0-0
เข้าสู่ครึ่งยังเป็นเกมที่ยากลำบากของ ไทย กับสภาพสนามที่ฝนตกอย่างหนัก ทำให้แม้จะพยายามโหมบุกอย่างหนัก แต่ยังหาโอกาสเน้นๆไม่ได้เลย จนกระทั่งนาทีที่ 67 ไทย พลาดโอกาสทอง เมื่อ ศุภชัย ใจเด็ด ที่ลงมาเป็นตัวสำรอง ได้บอลโล่งๆในกรอบเขตโทษ ก่อนจะพยายามยิงเสียบเสาแรก บอลพุ่งเฉียดเสาออกไปนิดเดียว
เข้าสู่ช่วงท้ายเกม นาที 83 ไทยมาได้ โอกาสทองจากลูกยิงของ อานนท์ แต่ยังโดนปัดออกหลังไปได้หวุดหวิดแต่แล้วในนาที 89 ทัพ ช้างศึก ก็มาได้เฮสุดเสียงเมื่อมาได้
ประตูขึ้นนำ 1-0ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ตัวสำรองได้ยิงนอกกรอบเขตโทษ ระยะ 35 หลาบอลเสียบเสาสองเข้าประตูอย่างสวยงาม ก่อนที่ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ศุภณัฏฐ์ จะมายิงประตูที่สองของตัวเอง ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบเกม ไทย เอาชนะ ลาว 2-0 ทำให้สถานการณ์เวลานี้ ในกลุ่มบี ไทย มีเพิ่มเป็น 9 คะแนน ยังมีโอกาสผ่านเข้ารอบ โดยนัดสุดท้ายของ ทีมชาติไทย จะลงสนามชี้ชะตา ดวลกับทีมชาติ เวียดนาม ที่สนาม บีนาน สเตเดี้ยม ในวันที่ 5 ธ.ค. นี้ ในเวลา 15.00น. เป็นต้นไป
รายชื่อ 11 ตัวจริงทีมชาติไทย: กรพัฒน์ นารีจันทร์ (ผู้รักษาประตู), ชินภัทร์ ลีเอาะ, ชาติชาย แสงดาว, ศรายุธ สมพิมพ์ , พีฬาวัช อรรคธรรม, รัตนากร ใหม่คามิ, ฉัตรมงคล ทองคีรี, อานนท์ อมรเลิศศักดิ์, เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ (C), วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ, สิทธิโชค ภาโส
ส่วนการแข่งขันแบดมินตันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 29 ที่มันตินปูล่า สปอร์ต คอมเพล็กซ์ เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 62 ประเภททีมหญิง รอบชิงชนะเลิศ ทัพนักตบลูกขนไก่สาวไทย ดีกรีแชมป์เก่า 3 สมัยซ้อน พบกับอินโดนีเซีย อดีตแชมป์ 14 สมัยซึ่งถือเป็นการรีแมตช์รอบชิงฯ เมื่อปี 2011 ที่สาวแดนอิเหนาเป็นเจ้าภาพ แต่ครั้งนั้น สาวไทย บุกไปเอาชนะได้ 3-1 คู่ ผลปรากฏว่า คู่แรก ประเภทเดี่ยวมือ 1 “เมย์” รัชนก อินทนนท์ เอาชนะ เกรกอเรีย มาริสก้า ทุนจุง 2-1 เกม 21-13 , 12-21 , 21-14 ,จากนั้น ประเภทคู่มือ 1 “เอิร์ธ”พุธิตา สุภจิรกุล-”วิว”รวินดา ประจงใจ พ่ายให้กับ นิ เคตุต มาหาเดวี อิสรานี่ กับ พาริลยานี่ ราฮายู 0-2 เกม 17-21 , 18-21 ก่อนที่ ในประเภทเดี่ยวมือ 2 “ครีม”บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์ จะเอาชนะ ฟิไตรนี่ ฟิไตรนี่ 2-0 เกม 21-8 , 21-10 ก่อนที่คู่มือ 2 “เบส”ชญานิษฐ์ ฉลาดแฉลม-”จ๋อมแจ๋ม”ผไทมาส เหมือนวงศ์ ชนะ ซิติ ฟาเดีย ซิลวา รามาดาติ-ริบก้า ซูเกียร์โต้ 2-0 เกม 21-8 , 21-17 ทำให้ทีมไทย ย้ำแค้น เอาชนะไปได้ ด้วยคะแนน 3-1 คู่ คว้าแชมป์เป็นสมัยที่ 4 ติดต่อกัน และนักกีฬาจะได้รับเงินอัดฉีดจากกองทุนพัฒนา ภายหลังการแข่งขัน คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล นายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า “ขอชื่นชมนักกีฬาทุกคนที่เล่นได้หัวจิตหัวใจที่แข็งแกร่ง และนักกีฬาทุกคนเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม จนทำให้ทีมประสบความสำเร็จอีกครั้ง และเป็นเครื่องการันตีว่าทีมหญิงไทยคืออันดับ 1 ของอาเซียนในเวลานี้ และเราหวังว่าจะป้องกันแชมป์ให้ได้นานที่สุดในครั้งต่อๆ ไป โดยตอนนี้สมาคมถือว่าทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้แล้วคือคว้าเหรียญทองทีมหญิง และ หลังจากนี้นักแบดมินตันสาวไทยก็จะได้พัก 1 วัน ก่อนที่จะกลับมาลงแข่งขันในประเภทบุคคล ซึ่ง “เมย์” และ “ครีม” จะต้องเดินทางกลับไปเตรียมตัวแข่งขัน “เวิลด์ ทัวร์ ไฟนอล” ที่จีน ในสัปดาห์หน้า เช่นเดียวกับ “กิ๊ฟ”จงกลพรรณ กิติธรากุล และ “วิว”รวินดา ประจงใจ รวมถึง “บาส”เดชาพล พัววรานุเคราะห์-”ปอป้อ”ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย ด้วย
ภายหลังจากที่การแข่งขันมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ที่ประเทศ ฟิลิปปินส์ ครั้งที่ 30 ระหว่างวันที่ 30-11 ธ.ค. ซึ่งถึงเวลานี้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการมาได้เพียง 3 วัน ล่าสุดเจ้าภาพนั้นกวาดเหรียญทองทะลุ 40 เหรียญไปแล้ว ซึ่งเป็นตัวเลขมากกว่าการคว้าเหรียญทองตลอดทัวร์นาเมนต์ ครั้งที่ 29 ที่ประเทศ มาเลเซีย เมื่อ 2 ปีที่แล้วด้วยซ้ำ
โดยเวลานี้ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. ที่ผ่านมา ฟิลิปปินส์ นั้นกวาดทองไปแล้วกว่า 40 เหรียญ ซึ่งการคว้าเหรียญทองนั้นส่วนมากมาจากกีฬาพื้นบ้านอย่าง อานิส ที่ได้ไปแล้ว15 เหรียญทอง, ลีลาศ 10 เหรียญทอง และไตรกีฬา 3 ทอง, จักรยาน ตะกร้อ และ บาสเกตบอล 3×3 คน อย่าง2 ทอง วูซู, ยิมนาสติก, คูราช, ยกน้ำหนัก, ลอนโบว์ล ปันจักสีลัต, ทวิกีฬา อย่างละ 1 เหรียญทอง นั่นทำให้ถึงเวลานี้ ตัวเลขการคว้าทองดังกล่าว มากกว่าที่เคยทำได้ในการแข่งขันซีเกมส์ที่ประเทศ มาเลเซี เมื่อ2 ปีที่แล้วที่พวกเขาลงแข่งตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์และได้เพียง 38 เหรียญทองเท่านั้น
ทั้งนี้ทัพ ฟิลิปปินส์ คว้าเหรียญทองอเฉลี่ยในการแข่งขันซีเกมส์อยู่ที่ 19-57 เหรียญทอง แต่ยามที่เป็นเจ้าภาพ ฟิลิปปินส์ จะมีตัวเลขเหรียญทองที่ก้าวกระโดดอย่างมากอย่าง ซีเกมส์ปี 1981 ได้ 55 เหรียญทอง (ปีก่อนหน้า 1979 ได้ 24 ทอง) ซีเกมส์ ปี 1991 คว้า 91 เหรียญทอง เป็นอันดับ 2 เป็นรอง อินโดนีเซีย เจ้าเหรียญทอง และล่าสุดกับ ซีเกมส์ปี 2005 ที่ฟิลิปปินส์ได้มากถึง 112 เหรียญทอง คว้าเจ้าเหรียญทองไปได้สำเร็จ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี