การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในวันเสาร์ที่ 11 มกราคมนี้มีการดวลแข้งทั้งหมด 7 คู่ โดยสองทีมหัวตารางอย่าง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จ่าฝูง กับ “จิ้งจอกสีน้ำเงิน” เลสเตอร์ ซิตี้ รองจ่าฝูงจะลงสนาม โดยช่องว่างตอนนี้ ลิเวอร์พูล นำอยู่ 13 คะแนน และเล่นน้อยกว่า 1 เกม
อย่างไรก็ตาม เลสเตอร์ จะมีโอกาสกดดัน ลิเวอร์พูลอีกครั้ง เมื่อจะลงเตะก่อนในเวลา 22.00 น.ด้วยการเปิดสนามคิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม รับการมาเยือนของ “นักบุญ” เซาแธมป์ตัน ซึ่งการเจอกันในแรกของซีซั่น ปรากฏว่า เลสเตอร์ บุกชนะเป็นสถิติเกมเยือนสโมสรถึง 9-0 เลยทีเดียว
การจัดทัพนัดนี้น่าสนใจตรง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือที่อุตส่าห์นำทีมคืนฟอร์มชนะในลีก 2 นัดติด แก้ตัวหลังจากไม่ชนะใครมา 3 เกม แต่อยู่ๆ ก็จัดระบบ 3-4-2-1 ลงเล่นกลางสัปดาห์ทำให้เสมอ แอสตัน วิลล่า แบบน่าเขกกะโหลกตัวเอง 1-1 ในรอบตัดเชือกนัดแรกลีกคัพ ทำให้เกมนี้เชื่อว่า ร็อดเจอร์ส จะกลับมาเล่นระบบถนัด 4-4-2 หรือไม่ก็ 4-1-4-1 ด้วยการจัดให้ เจมี่ วาร์ดี้ ยืนหัวหอก แต่ไม่มี วินฟรีด เอ็นดีดี้ ห้องเครื่องตัวเอ้ที่เจ็บ และต้องรอลุ้น เจมส์ แมดดิสัน กองกลางจอมเทคนิคที่เจ็บอยู่
ฝั่งผู้มาเยือนที่กำลังฟอร์มดีชนะ 3 เสมอ 1 ไม่แพ้ใครตลอด 4 เกมหลัง เกมนี้ยังเล่นระบบมาตรฐาน 4-4-2 เดลสตีเฟ่นส์ ยืนเซ็นเตอร์คู่กับ แยน เบดนาเร็ค โดยมี เจมส์ วอร์ด-เพราส์ เดินเกมกับ สจ๊วร์ต อาร์มสตรอง โดยมี แดนนี่ อิงส์ ปักหอกกับนาธาน เร้ดมอนด์
ขณะที่ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จะยกพลลงใต้ทำศึกที่มหานครลอนดอน พบกับ “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ซึ่งเป็นคู่ชิงเจ้ายุโรปเมื่อซีซั่นที่แล้ว โดยปีนี้เจอกันที่แอนฟิลด์ในลีก ปรากฏว่า ลิเวอร์พูล เฉือนชนะไป 2-1
“หงส์แดง” หากคว้าชัยชนะนัดนี้ได้ จะทำสถิติใหม่ให้กับวงการฟุตบอลลีกยุโรประดับลีกหลัก 5 ลีกทันที หลังจากตอนนี้ออกสตาร์ท 20 นัด ชนะไปถึง 19 เสมอ 1 มี 58 คะแนน หากชนะจะมี 61 คะแนนทันที ในตอนนี้ ลิเวอร์พูล ทำสถิติออกสตาร์ทดีที่สุดเท่ากับที่ “เจ้าบุญทุ่ม”บาร์เซโลน่า เคยทำไว้ 2 ครั้ง เมื่อปี 2010-11 และ 2012-13 มี 58 คะแนน จาก 21 นัดแรก
ทั้งนี้สถิติการออกสตาร์ท 21 นัดแรกดีที่สุดของยุโรปมีทั้งหมด 4 ทีม ประกอบด้วย “หอคอยฝังเพชร” ปารีสแซงต์-แชร์กแมง เมื่อซีซั่น 2018-19 ด้วยการมี 59 คะแนน และประตูได้เสียบวก 52 ลูก ตามมาด้วย “เรือใบสีฟ้า”แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ปี 2017-18 มี 59 แต้ม ประตูบวก 49, “เสือใต้”บาเยิร์นมิวนิค ปี 2013-14 มี 59 แต้ม ประตูบวก 48 และ“ม้าลาย”ยูเวนตุส ปี 2018-19 ประตูบวก 31
อย่างไรก็ตาม การต้องดวลกับ โชเซ่ มูรินโญ่ ทีม อีกครั้งถือเป็นการท้าทายอย่างมาก ซึ่งการพบกันล่าสุดนั้น ลิเวอร์พูล ชนะ 3-1 ทำให้ มูรินโญ่ ต้องตกงานจากการคุมทัพ “ปีศาจแดง”แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2018 หรือ 1 วันหลังเกมแดงเดือด ซึ่งตอนนี้ มูรินโญ่ มาคุมทัพ สเปอร์ส โดยสถิติในการคุมทัพ พบกับ ลิเวอร์พูล นั้น มูรินโญ่ เหนือกว่าด้วยการดวลกัน 28 ครั้ง ชนะ 12 เสมอ 9 แพ้ 7
เจ้าถิ่นมีปัญหาเพิ่มที่ แฮร์รี่ เคน กองหน้าตัวเอ้เจ็บพักยาว 3 เดือน และมุสซ่า ซิสโซโก้ กองกลางคนสำคัญ ทำให้เพิ่มบัญชีบาดเจ็บอื้อซ่าทั้ง อูโก้ ยอริส, ตองกีย์ เอ็นดอมเบเล่ และเบนเดวิส พร้อมรอเช็ค แดนนี่ โรส กับ แฮร์รี่ วิงค์ส โดยเกมรุกต้องพึ่ง ซน ฮึง มิน กับ ลูคัส มูร่า
ฝั่งจ่าฝูงไม่มี 3 กองกลาง นาบี เกอิต้า, เจมส์ มิลเนอร์ และฟาบินโญ่ แต่มีข่าวว่า เดยัน ลอฟเรน กับ โฌแอล มาติ๊ป กลับมาซ้อมแล้วอาจมีชื่อลุยด้วย แต่ โจ โกเมซ ยังได้ยืนเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ กับ เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค ส่วนแนวรุก 3 ประสานลงพร้อมกันเหมือนเดิมคือ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และซาดิโอ มาเน่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี