“บังยี” นายวรวีร์ มะกูดี อดีตนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวขอความเป็นธรรมถึงกรณีที่ตนถูกตัดสิทธิ์ไม่ให้ลงชิงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ สมัยหน้าที่โรงแรม โกลเด้น ทิวลิป ซอฟเฟอริน เมื่อวันอังคารที่ 21 ม.ค. ที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ส่งหนังสือแจ้งไปยัง นายวรวีร์ มะกูดี ผู้ลงรับสมัครเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ชี้แจ้งว่าคุณสมบัติไม่ผ่านตามข้อบังคับที่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ กำหนด ทำให้ถูกตัดสิทธิ์ในการลงเลือกตั้งครั้งนี้ จากการที่เจ้าตัวเคยถูกฟ้องร้องโดยสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และเคยโดนสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟ่า ลงโทษแบน ซึ่งขัดต่อกฎระเบียบล่าสุดของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯที่ระบุเอาไว้อย่างชัดเจน ซึ่งในเรื่องนี้ “บังยี” ชี้แจงว่า
“หลังจากที่ผมได้ลงสมัครชิงตำแหน่งนายกสมาคมฯ ต่อมาสำนักเลขาธิการ ได้แจ้งตัดสิทธิ์ เนื่องจากขัดคุณสมบัติในข้อที่ว่า ต้องไม่เคยถูกสมาคมลูกหนัง ฟ้องร้อง ไม่ว่าคดีใด และถึงที่สุด แล้วหรือไม่ รวมทั้งต้องไม่เคยถูก สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ(ฟีฟ่า) พักการทำงาน เรื่องนี้ ความจริงแล้วมันไปขัดต่อพ.ร.บ.กีฬา ซึ่งถ้าเราถูกคดีอะไรต่างๆ คดีต้องมีคำพิพากษาถึงที่สุดเสียก่อน ไม่ใช่ว่าคุณจะฟ้องใคร เมื่อฟ้องแล้วก็ตัดสิทธิ์เขาได้เลย”
“หลายคนหาว่าผมทุจริต หรือไปยักยอกเงินสมาคมฯหรือเงินของฟีฟ่า จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย เอาสั้นๆ ผมเคยถูกศาลชั้นต้นพิจารณาว่าผมมีความผิด ให้รอลงอาญา ผมก็อุทธรณ์ผมชี้แจงกับฟีฟ่าว่ากระบวนการทางกฎหมายของประเทศไทยมี 3 ศาล คุณจะเร่งรัดมาตัดสิทธิ์ผมเลยคงไม่ได้ แต่ตอนนั้นฟีฟ่าเขาก็มีการเมืองภายในของเขา ซึ่งเมื่อมาถึงศาลอุทธรณ์ผมก็ชนะ ผู้ที่ร้องผมก็ไม่กล้าไปที่ศาลฎีกา ตอนนี้คดีเป็นที่สิ้นสุดแล้วผมไม่มีอะไรด่างพร้อยในบ้านเรา ซึ่งในเมื่อคดีต่างๆ ที่ดำเนินการฟ้องร้องกับผมมันยังไม่ถึงที่สิ้นสุด หรืออยู่ระหว่างการไต่สวนใดๆก็ตามแต่ ก็ไม่ควรจะมาตัดสิทธิ์แต่อย่างใด ตรงนี้ผมถือว่าเป็นการกีดกันเพื่อไม่ให้ผมเข้าไปลงเลือกตั้งนายกสมาคมฯ ในครั้งนี้่”
“ทั้งนี้ก็อยู่ที่การกีฬาแห่งประเทศไทย ที่ผมได้ยื่นเรื่องไป จะตรวจสอบหรือพิจารณาอย่างไร ถ้าเป็นไปได้ในเมื่อการเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ครั้งนี้อาจจะดูไม่โปร่งใส ผมก็อยากจะให้มีการเลื่อนเลือกตั้งออกไป หรือถ้าหากการกีฬาแห่งประเทศไทย พิจารณาเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็ว ก็คงเป็นเรื่องที่ดี”
ส่วนกรณีที่ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จะฟ้องร้อง เรื่องละเลยการชำระภาษี ทำให้สมาคมฯชุดปัจจุบัน ต้องเสียค่าเบี้ยปรับราว 27 ล้านบาท นายวรวีร์กล่าวว่า สมัยที่ตนอยู่ในตำแหน่งก็หารายได้มหาศาลเข้าสมาคม ที่เป็นนิติบุคคล ประเภทสมาคมกีฬาดังนั้นเมื่อมีรายจ่าย ก็จ่ายไป เป็นเรื่องปกติ เพราะหารายได้จากสิทธิประโยชน์มากมาย ซึ่งเรื่องนี้หากตนทำผิดจริง สมาคมฯคงยื่นฟ้องมานานแล้ว ไม่ใช่ช่วงเวลาหาเสียงเลือกตั้งแบบนี้
ทิ้งท้าย “บังยี” ได้เผยถึงสาเหตุที่ต้องกลับมาสู้เพราะไม่อยากเห็นฟุตบอลไทยตกต่ำเช่นนี้อีกต่อไป และหวังว่าจะได้กลับมาทำสิ่งที่ตัวเองรักอีกครั้ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี