สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จัดงานแถลงข่าว ต่อสัญญาฉบับใหม่กับ อากิระ นิชิโนะ หัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลชายทีมชาติไทยชุดใหญ่ และรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ออกไปถึงปี 2022 ที่ทำการสมาคมฯ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

โดยภายหลังการลงนาม พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ กล่าวว่าจากการพูดคุยและทำงานร่วมกัน ผมได้เรียนรู้และก็เข้าใจว่า โค้ชนิชิโนะ ไม่ใช่คิดที่จะพัฒนาแค่ U-23 หรือ ชุดใหญ่เท่านั้น เขาอยากจะวางระบบการฝึกสอน วิธีการเล่นของนักกีฬาตั้งแต่เยาวชน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี ถ้าหากการฝึกของนักฟุตบอลไทย ได้มีการวางระบบ ทำให้วันนี้ สมาคมฯ เห็นว่ามันเป็นเรื่องจำเป็นที่เราจะต้องวางระบบ ทำให้วันนี้
สมาคมฯ และ นิชิโนะ ได้บรรลุข้อตกลงในสัญญาร่วมกันไปอีก 2 ปี แต่การเซ็นสัญญาฉบับนี้ไม่ได้แปลว่าเราจะทำงานร่วมกันอีกแค่ 2 ปี ถ้าเราทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมองถึงประโยชน์ในวันข้างหน้า ทางสมาคมฯก็พร้อมที่จะต่อสัญญาต่อไป”

ทางด้าน นิชิโนะกล่าวว่า หลังจากที่ทำงานกับทีมชาติไทย มานานกว่า 7 เดือน ก็รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก แต่ก็ยังมีปัญหาเรื่องการสื่อสาร และการปรับตัวกับวัฒนธรรมไทยคิดว่าที่ผ่านมา ทีมก็มีการพัฒนาในระดับหนึ่ง ทั้งชุดใหญ่และรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ก็ทำให้ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก และภูมิใจที่ได้ขยายสัญญาการทำงานออกไปอีก 2 ปี แต่ก็ไม่ขอโฟกัสอะไรมาก เพราะหน้าที่หลักคือผมจะพยายามพัฒนาทีมไปให้ได้ไกลมากที่สุด

“ส่วนในกรณีที่เราจะดึงสต๊าฟโค้ชชาวญี่ปุ่นมา คนที่พร้อมและมุ่งมั่นอยากพัฒนาฟุตบอล ก็ไม่สะดวกที่จะมา และติดงานด้วยส่วนหนึ่ง ที่ญี่ปุ่น ผมเองก็มีสต๊าฟคู่ใจ แต่ด้วยจังหวะที่ยังไม่พอดีเท่าไหร่ และหลังจากที่ผมร่วมมือกับสต๊าฟโค้ชชาวไทย ทุกคนต่างก็มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาทีมชาติไทย และพร้อมที่จะเรียนรู้เพื่อพัฒนาตัวเอง ทำให้เราตัดสินใจใช้สต๊าฟโค้ชคนไทยต่อไป”

“เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมในการเจอกับอินโดนีเซีย ในช่วงเดือนมีนาคมนี้ก่อน ลำดับต่อมา ก็คือ เมื่อไทยลีกเปิดฤดูกาล ก็ต้องเฟ้นหาว่าใครสมควรได้รับโอกาส ขึ้นมาอยู่ในทีมชาติชุดใหญ่ สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้ เรามีทรัพยากรที่จำกัด ทำให้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่ มันก็เป็นหน้าที่ของผม ที่จะต้องพยายามเฟ้นหา ไม่ใช่แค่การแข่งขันอย่างเดียว และดูว่าชีวิตประจำวัน ตอนฝึกซ้อมกับสโมสร เป็นอย่างไรบ้าง เกมการแข่งขันอุ่นเครื่อง ใครมีแววบ้าง การขยายทีมให้ใหญ่ขึ้น มันก็จะทำให้การแข่งขันสูงขึ้น และทำให้นักเตะต้องกระตุ้นตัวเองในการพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ”

“เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ทาง การ์เลส โรมาโกซา ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคฯ ก็ได้เตรียมแผนทั้งสั้น กลาง และยาว มาอธิบาย ว่าอนาคตจะพัฒนาฟุตบอลไทยอย่างไร เราก็พยายามนำข้อมูลมาแชร์กัน เช่น ระบบฟุตบอลตรงไหนต้องจูนให้ดีขึ้น ก็จะพยายามทำงานควบคู่กันไป และพัฒนาฟุตบอลไทยต่อไปยิ่งขึ้น ทั้งนักเตะเอง และ ผู้ช่วยโค้ชเอง แม้ว่าจะได้ร่วมงานกันมาบ้าง แต่ก็จะพยายามเรียนรู้ และปรับตัวให้คุ้นเคยกับคนไทยมากยิ่งขึ้น”

สำหรับทีมชาติไทยชุดใหญ่ จะลงแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย กลุ่ม จี เปิดบ้านรับการมาเยือนของ อินโดนีเซีย ในวันที่ 26 มีนาคม 2563