ข่าวฝุ่นพิษ PM2.5 ที่คุกคามสุขภาพคนไทยยังไม่ทันจางก็มีเหตุการณ์ที่เราต้องกังวลและต้องเฝ้าระวังกับ “ไวรัสโคโรนา” ที่กำลังแพร่ระบาดทั่วประเทศจีน และแพร่ระบาดไปยังหลายประเทศรวมถึงประเทศไทยด้วย จุดเริ่มต้นของไวรัสชนิดนี้อยู่ที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ ประเทศจีนโดยปัจจุบันพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาหลายราย ซึ่งขณะนี้ทั่วโลกได้มีการเฝ้าระวังกันอย่างใกล้ชิด พร้อมหาแนวทางการรับมือเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสชนิดนี้
ไวรัสโคโรนา เป็นไวรัสที่มีขนาดใหญ่ที่สุดมีสารพันธุกรรมเป็นอาร์เอ็นเอ และมีเปลือกหุ้มด้านนอกประกอบด้วยโปรตีนคลุมด้วยกลุ่มคาร์โบไฮเดรตเป็นปุ่มๆ ยื่นออกไปจากอนุภาคไวรัส เมื่อดูด้วกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน จะเห็นเป็นเหมือนมงกุฎล้อมรอบ ติดเชื้อก่อโรคได้ทั้งในคนและสัตว์หลายชนิด เช่น สัตว์ปีก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม (ม้า วัว แมว สุนัข ค้างคาว กระต่าย หนู อูฐ และสัตว์ป่าอื่นๆ) และสัตว์เลื้อยคลาน เช่น งู เป็นต้น ซึ่งเชื้อไวรัสนี้เป็นสาเหตุของโรคปอดอักเสบติดเชื้อรวมไปถึงโรคปอดอักเสบรุนแรง
ไวรัสโคโรนามีหลายสายพันธุ์ โดยสายพันธุ์ที่เคยระบาดรุนแรงก็ได้แก่ ไวรัสซาร์ส (SARS-CoV) ที่เคยระบาดไปทั่วโลกในปี 2002 และไวรัสเมอร์ส (MERS-CoV) ในปี 2012 ทั้งนี้ ไวรัสโคโรนาที่กำลังระบาดอยู่ในช่วงนี้ เป็นสายพันธุ์ใหม่ อาจเรียกได้ว่าเป็น “ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019” หรือ “โรคปอดบวมอู่ฮั่น”
ไวรัสโคโรนา สามารถติดต่อได้ผ่าน “คนสู่คน” โดยติดต่อได้หลายทาง เช่น
l การสัมผัสน้ำมูก
l น้ำลาย
l เสมหะของผู้ป่วย
นอกจากนี้เชื้อไวรัสโคโรนา ยังสามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายช่องทาง เช่น เยื่อบุทางเดินหายใจ ตา จมูก ปาก อธิบายให้ชัดเจนก็คือ ถ้าอากาศโดยรอบมีเชื้อไวรัสโคโรนาลอยอยู่ ซึ่งอาจเกิดจากการที่ผู้ป่วยจามหรือไอออกมา เราสามารถติดเชื้อไวรัสโคโรนาผ่านทางการหายใจได้เช่นกัน แต่โอกาสจะน้อยกว่าการสัมผัสจาก
สารคัดหลั่ง (น้ำมูก น้ำลาย) โดยตรง เชื้อไวรัสโคโรนามีระยะฟักตัวประมาณ 2 สัปดาห์ ก่อนจะเริ่มออกอาการ โดยผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อจะมีอาการทางเดินหายใจ มีน้ำมูกไหลไอ เจ็บคอ ไปจนถึงมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ไข้สูง ปวดหัว ปวดเมื่อยตามตัว เนื่องจากเชื้อไวรัสโคโรนาชนิดนี้ก่อให้เกิดโรคใหม่ จึงไม่มียาต้านไวรัสใช้รักษา และไม่มีวัคซีนป้องกัน จึงมีสิทธิ์ที่จะติดเชื้อได้หากสัมผัสโรค
ไวรัสโคโรนา ป้องกันอย่างไร?
l หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีคนพลุกพล่าน
l สวมหน้ากากอนามัยเสมอเมื่อต้องออกไปยังที่สาธารณะ หรือต้องติดต่อกับผู้ที่มีอาการป่วย
l รับประทานอาหารปรุงสุก โดยเฉพาะเนื้อสัตว์
l ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น
l หมั่นล้างมือให้สะอาด และไม่นำมือมาสัมผัสที่ตา จมูก และปากโดยไม่จำเป็น
l พักผ่อนให้เพียงพอ
l หากมีอาการไข้ ระบบทางเดินหายใจมีปัญหา ให้รีบพบแพทย์โดยด่วน
การรู้เท่าทันสถานการณ์ พร้อมกับการศึกษาข้อมูลที่ถูกต้องและรอบคอบ ปฏิบัติตนตามหลักวิชาการและการป้องกันที่ถูกต้อง จะสามารถป้องกันตนเองและผู้อื่นให้ปลอดภัยจากสถานการณ์ในช่วงเวลานี้ ถือเป็นความจำเป็นที่ควรใส่ใจทั้งตนเองและส่วนรวม
……………………………………………
อ้างอิงและเรียบเรียง : https://thematter.co/brief/brief-1580050805/99030, http://bit.ly/2GtYulC, http://bit.ly/38LAiqF
กองประชาสัมพันธ์
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี