จากการที่มีข่าวว่า พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กำลังหารือกับ เน็ตฟลิกซ์เพื่อให้ระบบสตีมมิ่งนี้ให้บริการถ่ายทอดสดฟุตบอล พรีเมียร์ลีก ซึ่งการทดลองนี้จะอยู่ในรูปแบบ “โอเวอร์ เดอะ ท็อป” (OTT)ซึ่งเป็นบริการหนึ่งที่ให้ผู้คนสามารถรับชมภาพยนตร์หรือเนื้อหาต่างๆ ทางอินเตอร์เนต โดยไม่ต้องเสียค่าบริการแบบรายเดือนเพื่อรับชมผ่านทีวีดาวเทียม โดยคาดว่าจะเริ่มในช่วงต้นปี 2022 และหากเป็นไปได้ด้วยดีก็จะทำให้ถือเป็นการปฏิวัติการรับชมฟุตบอลนั้น
ล่าสุด ริชาร์ด มาสเตอร์ส ผู้บริหารระดับสูงคนใหม่ของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่เพิ่งรับตำแหน่งเมื่อกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา กล่าวว่า พรีเมียร์ลีกพิจารณาเปิดบริการระบบดิจิทัลด้วยตัวเอง ในแบบเดียวกับ เน็ตฟลิกซ์ หรือ (Netflix-style channel) เพื่อเป็นการขายตรงไปสู่มือผู้บริโภค
อย่างไรก็ตาม การจัดทำระบบนี้ขึ้นมายังไม่เกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้ แต่จะเริ่มต้นได้หลังปี 2022 เนื่องจากในตอนนี้ พรีเมียร์ลีก มีสัญญาในการขายลิขสิทธิ์ต่างๆ ออกไปทั่วโลกไปจนสิ้นสุดฤดูกาล 2021-2022 โดยแนวคิดนี้จะช่วยให้พรีเมียร์ลีก สามารถเรียกเก็บเงินได้โดยตรงผ่านช่องของ “Premfix” แทนที่จะขายลิขสิทธิ์ต่างๆ ให้กับบริษัท, โทรทัศน์ ซึ่งตามสัญญาเดิมแล้วจะมีการประมูลครั้งใหม่ 3 ปี ระหว่างฤดูกาล 2022-2025
ในปัจจุบัน พรีเมียร์ลีก ทำเงินได้ทั้งสิ้น 3,100 ล้านปอนด์ต่อปีในการขายลิขสิทธิ์ทางโทรทัศน์ ซึ่ง 1,400 ล้านปอนด์เป็นการจำหน่ายไปยังทั่วโลก โดยตัวอย่างชัดเจนที่สุดก็คือ ประเทศสิงคโปร์ ได้ซื้อลิขสิทธิ์ปีละ 70 ล้านปอนด์ต่อฤดูกาลแต่นำไปทำรายได้ถึง 175 ล้านปอนด์ต่อปี โดยสมาชิกต้องจ่ายเงิน35 ปอนด์ต่อเดือนสำหรับดูการถ่ายทอดสด แต่ถ้าหาก พรีเมียร์ลีก ทำเอง จะสร้างรายได้ให้ตัวเอง จาก 70 ล้านปอนด์ มาเป็น 100 ล้านปอนด์เลยทีเดียว
“เรามีเหตุผลในการทำงาน และเราเชื่อมั่นถึงการวางอนาคตด้านลิขสิทธิ์ต่างๆ ของเรา ผมไม่คิดว่าฟองสบู่ทางธุรกิจนี้จะแตกอย่างที่หลายคนให้ความสงสัย เพราะเรามีการป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพทั้งในและนอกประเทศไม่ให้การถ่ายทอดสดรั่วไหลออกไป” มาสเตอร์ส กล่าว
ทั้งนี้การรับชมในประเทศอังกฤษ ที่ถ่ายทอดสดผ่านทาง 3 ช่องทาง ประกอบด้วย สกายสปอร์ต ที่มีสมาชิก 6 ล้านคน ราคา 44 ปอนด์ต่อเดือน,บีที ที่มีสมาชิก 2 ล้านคน ราคา 25 ปอนด์ต่อเดือนและแอมะซอน 7 ปอนด์ต่อเดือน ทำให้ผู้ชมในประเทศต้องจ่ายรายเดือนกับการชมบอลอังกฤษอยู่ที่ 76 ปอนด์ต่อเดือน หรือ 912 ปอนด์ต่อปี ประมาณ 36,000 บาท
ขณะเดียวกัน มาสเตอร์ส กล่าวต่อไปว่า ประเด็นสำคัญจากนี้ก็คือ การเข้าเจรจา 3 ฝ่าย หลังจากการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร (เบร็กซิต) ประกอบด้วย พรีเมียร์ลีก,สมาคมฟุตบอลอังกฤษ และสหภาพยุโรป เพื่อเจรจาต่อรองสำหรับสโมสรในพรีเมียร์ลีก โดยจะขออนุญาตให้มีผู้เล่นต่างชาติ 16 คน จากนักเตะชุดใหญ่รวม 25 คน
“เรื่องนี้รัฐบาลเข้าใจดีถึงแนวนโยบายบนหน้ากระดาษ กับการปฏิบัติจริงที่พยายามทำงานกันอย่างเป็นระบบ และเต็มที่เพื่อให้ไปในจุดหมายเดียวกัน แต่ทุกคนรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยที่จะมาเปลี่ยนพื้นฐานสโมสรต่างๆ ในระยะเวลารวดเร็วขนาดนี้เรื่องดังกล่าวนี้ รัฐบาลเองก็ให้สิทธิ์ในการตัดสินใจกับเราเต็มที่”
ขณะนี้ เอฟเอต้องการให้มีนักเตะท้องถิ่นหรือ home-grown players (HGPs) รวม 12 คน และมีนักเตะจากที่อื่น 13 คน ในทีมชุดใหญ่ ขณะเดียวกันนักเตะชุดเยาวชนตั้งแต่ 16-21 ปีก็พยายามเน้นย้ำว่าผู้เล่นควรมีคุณสมบัติเป็นนักเตะอังกฤษ จะได้สิทธิ์ก่อนนักเตะจากประเทศอื่นๆ
สำหรับผู้เล่นท้องถิ่นนั้น เปิดซีซั่นนี้ยอดทะลุมาคิดเป็น 47 เปอร์เซ็นต์ของนักบอลทั้งหมดในทีมชุดใหญ่ ขณะเดียวกันนักเตะเยาวชนอังกฤษก็มีตัวเลขขยับขึ้นมาอยู่ที่ 35 เปอร์เซ็นต์ ถือเป็นเรื่องที่ เอฟเอ พึงพอใจเป็นอย่างมาก
ในส่วนของวงการฟุตบอลยุโรปที่จะมีการเพิ่มทีมในศึกแชมเปี้ยนส์ลีก ซีอีโอบอลผู้ดี กล่าวว่า วงการฟุตบอลลูกหนังเมืองผู้ดีถึงเวลาการเปลี่ยนแปลงวิถีดั้งเดิมของการแข่งขัน หากหลายๆ ทีมเลือกที่จะไปให้ความสำคัญกับฟุตบอลยุโรป โดยจะส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนในระยะเวลาอันใกล้นี้
“การเปลี่ยนแปลงปฏิทินใหม่ของฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ทำให้ปฏิทินการแข่งขันไม่เพียงพอ มันไม่ใช่เรื่องสมบูรณ์แบบอย่างแน่นอน เพราะการไปเล่นในบอลยุโรป จะส่งผลเสียต่อถ้วยคาราบาว คัพ หรือลีกคัพ แบบไม่ต้องสงสัย มันจะเป็นการเปลี่ยนแปลงวิถีของฟุตบอลไปเลย เราจะเสียพื้นฐานของวงการฟุตบอลในประเทศทันที มันจบจริงๆ นะ ถ้าหากสถานการณ์เป็นแบบนี้”
ทั้งนี้เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป หรือยูฟ่าและสมาคมสโมสรยุโรป หรืออีซีเอ (The European Clubs’ Association)กำลังบรรลุข้อตกลงชิ้นสำคัญของศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2024-25
ระบบการแข่งขันจะเปลี่ยนไปโดยทีมที่ได้เล่นในรอบแบ่งกลุ่ม อาจจะต้องมีโปรแกรมใหม่เพิ่มขึ้นอีก 4 นัด จากเดิมคือ 6 นัด แม้ว่าจะไม่มีการยืนยันออกมา ณ เวลานี้ว่า จะเดินตามแนวทางอย่างไร...4 เกมที่เพิ่มมาจะต้องไปในทิศทางไหน
อย่างไรก็ตาม แผนการนี้มีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดปัญหา เนื่องจากตารางฟุตบอลที่แน่นของฟุตบอลอังกฤษ จะกระทบกระเทือนต่อฟุตบอลลีกคัพ หรือ คาราบาว คัพ แบบเลี่ยงหลีกไม่พ้น เพราะจากเดิมรอบแรก 6 จะมาเป็น 11 และทีมที่จะเป็นแชมป์ได้ต้องเล่น 17 นัด เพิ่มจากเดิมที่เตะกันอยู่คือ 13 เกม
ตอนนี้โลกลูกหนังจับตาในเรื่องของ Extra group stage กับเส้นทางนี้จะเป็นอย่างไรเพราะถ้าไม่เปลี่ยนแปลงรายการนี้ แว่วว่า ศึกลีกลูกหนังโลก หรือ World Super League กำลังมาท้าทาย เหมือนสมัยที่ ยูฟ่า ต้องเปลี่ยน ยูโรเปี้ยน คัพ มาเป็น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในนาทีปัจจุบัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี