ใครทำอะไรก็ต้องได้อย่างนั้น
ท้ายที่สุดแล้วประเด็นการขับออกจากถ้วยยุโรป สุดยอดการปรารถนาของหลายๆ ทีมก็เกิดขึ้นจนได้
สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป หรือ ยูฟ่าสั่งแบน “เรือใบสีฟ้า” แมนฯซิตี้ ไม่ให้เทียบท่าในวงการฟุตบอลยุโรป 2 ฤดูกาลซ้อน เริ่มตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป พร้อมปรับเงิน25 ล้านปอนด์ ข้อหาฉ้อโกงและไร้สปิริตต่อเพื่อนร่วมอาชีพ
.......พวกเขาทำผิดละเมิดกฎควบคุมการเงิน หรือ “ไฟแนนเชี่ยล แฟร์ เพลย์” (เอฟเอฟพี) ของ สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ซึ่งมีการสืบสวนสอบสวนมานานนับปี จนกระทั่งได้ข้อสรุปเมื่อช่วงเวลาประมาณ 01.30 น. คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา
เหตุการณ์จาก 10 เดือนก่อนแมนฯซิตี้ ถึงกับเขียนแถลงการณ์ตอบโต้กรณีดังกล่าวนี้ว่า สโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้พร้อมให้ความร่วมมือเต็มที่กับ เจ้าหน้าที่สืบสวนกฎควบคุมด้านการเงินยูฟ่า หรือ ซีเอฟซีบี ไอซี ในการสืบสวนอย่างต่อเนื่องสโมสรให้ความไว้วางใจกับการทำงานอย่างมีอิสระของซีเอฟซีบี ไอซี และคณะกรรมการเกี่ยวกับกระบวนการสืบสวน ซึ่งเราจะไม่มีการแสดงความเห็นเพิ่มเติมขณะที่เรื่องยังอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนอย่างต่อเนื่อง
หน่วยงานอิสระได้สอบสวนเรื่องนี้และพบว่าเงินสปอนเซอร์จากสายการบินเอติฮัด มูลค่า 59.5 ล้านปอนด์ ถูกจ่ายโดย อาบูดาบี ยูไนเต็ด กรุ๊ป (Abu Dhabi United Group) ซึ่งเป็นเจ้าของสโมสร ซึ่ง ชีค มานซูร์ เจ้าของสโมสร ได้อ้างมาตลอดว่า มีสปอนเซอร์มาจากกลุ่มนักธุรกิจในอาบูดาบี แต่จริงๆ แล้วเป็นเงินจากกิจการอื่นของตนเอง ถือว่าเป็นการเอาเปรียบเพื่อนร่วมอาชีพอย่างไม่น่าให้อภัย
ก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2014 แมนฯซิตี้เคยถูกตั้งข้อหาละเมิดกฎควบคุมด้านการเงิน แต่ว่ารอดไปได้เพราะการพิจารณามองว่าไม่รุนแรงพอจึงถูกปรับเงินแค่ 49 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 2,000 ล้านบาทและไม่ถูกลงโทษห้ามแข่งแต่อย่างใด
ครั้งนี้ แมนฯ ซิตี้ ถูกตัดสินว่า ได้กระทำการปลอมแปลงรายได้ด้านสปอนเซอร์ให้สูงกว่าความเป็นจริง หรือโกหกปกปิดผิดกฎนี่แหละ เพื่อให้ทุกฝ่ายได้เห็นว่า บัญชีสโมสรดี มีรายได้เท่ากับรายจ่ายในช่วงปี 2012-16
ที่ต้องทำอย่างนั้นเพื่อที่จะได้รอดจากการโดนลงโทษ หรืออย่างน้อยก็เพื่อให้ดูว่าพวกเขาไม่ได้ขาดทุน ในการซื้อนักบอลดีๆ เข้ามาจนล้นทีม ซึ่งจริงๆ ถ้าจะนับเฉพาะเงินรายได้กับที่ออกไป รับรองว่าติดลบบานทะโร่แน่นอน
ตามกฎที่กำหนดไว้ก็คือ ยูฟ่า ให้สิทธิ์ทุกสโมสรในทวีปยุโรปที่ลงแข่งรายการระดับนานาชาติของ ยูฟ่า ต้องมีการเงินที่สมดุลกัน จุดย้ำคือ คุณต้องมี “รายรับมากกว่ารายจ่าย” เป็นระยะเวลา 3 ปี เนื่องจากความเหลื่อมล้ำเรื่องการเงินที่ ยูฟ่า ไม่ต้องการให้เกิดขึ้น
เมื่อสั่งให้มีรายรับมากกว่ารายจ่าย หรือห้ามมีรายจ่ายมากกว่ารายรับ เพื่อป้องกันให้แต่ละทีม “เป็นหนี้เน่า” ในการไปกู้ยืมเงินมาทำทีม เพราะมันเสี่ยงต่อการล้มละลาย โดยกฎนี้เริ่มใช้จริงจังเมื่อซีซั่น 2011-12
รายได้ทั้งหมด จะต้องเป็นเงินที่สโมสรหามา เริ่มจากเงินที่ได้จากแมทช์เดย์,รายได้จากค่าลิขสิทธิ์ถ่ายถ่ายทอดสดทุกทาง, ผู้ให้การสนับสนุน, การโฆษณา,เงินจากการบริหารตลาดซื้อขายนักฟุตบอลเป็นอาทิ
ประเด็นต่อจากนี้ ก็คือ ความสูญเสียหลายด้านกำลังจะเกิดขึ้นกับพวกเขา
ถ้วยใบนี้คือสุดยอดปรารถนาของ ชีค มานซูร์ ดังนั้น พวกเขาจึงทุ่มเทอย่างมากเพื่อให้ได้เพื่อแชมป์ยุโรป แต่บางครั้งต้องไม่ลืมว่า ทีมเลือกถ้วยได้
ถ้วยก็เลือกทีมได้เช่นกัน
เมื่อเช็คผลงานในบอลยุโรป ยุคชีคปรากฏว่า พวกเขาไร้เงาความสำเร็จ แม้กระทั่งนัดชิงสักครั้งก็ไม่เคยสัมผัสเลย........
2008-09 ตกรอบคัดเลือกยูฟ่า คัพ
2010-11 ตกรอบ 16 ทีมยูโรป้า ลีก
2011-12 ตกรอบ 16 ทีมยูโรป้า ลีก
2012-13 ตกรอบแบ่งกลุ่มแชมเปี้ยนส์ลีก
2013-14 ตกรอบ 16 ทีมแชมเปี้ยนส์ลีก
2014-15 ตกรอบ 16 ทีมแชมเปี้ยนส์ลีก
2015-16 ตกรอบรองชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีก
2016-17 ตกรอบ 16 ทีมแชมเปี้ยนส์ลีก
2017-18 ตกรอบ 8 ทีมแชมเปี้ยนส์ลีก
2018-19 ตกรอบ 8 ทีมแชมเปี้ยนส์ลีก
เมื่อไม่ได้ไปแข่งขัน แมนฯซิตี้ จะสูญเงินแน่นอนถึง 170 ล้านปอนด์ ตลอด 2 ปี ที่ไม่ได้ไปเล่นฟุตบอลยุโรป เพราะการไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีก พวกเขารับเงิน 86 ล้านปอนด์จากเมื่อซีซั่นที่แล้ว
ทีนี้ก็คือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็เป็นคำถามตัวเบ้อเริ่มว่า จะอยู่ต่อหรือไม่ กับสัญญาที่ยังมีอยู่ แต่ก็ไหลไปแค่ปี 2021ยังไม่มีการเจรจากันใหม่แต่อย่างใด
อยู่ๆ วันก่อน เป๊ป ก็ให้สัมภาษณ์ว่า เขาอาจจะถูกไล่ออกจากทีมก็ได้ หากแพ้ เรอัล มาดริด ในการเตะรอบ 16 ทีมที่จะเริ่มอยู่รอมร่อ เหมือนกับเป็นการ “ส่งสัญญาณ” เป็นนัยๆ ให้กับทุกคนได้ทราบเช่นกัน
ตอนนี้มีการปรับอัตราให้ เมาริซิโอโปเช็ตติโน่ จะเข้ามาทำงานในซีซั่นหน้าแรงแซงโค้งมาอยู่ที่ 5-2 ตามมาด้วย เบรแดนร็อดเจอร์ส 9-2 และยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ 7-1
สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาอีกก็คือ การสะสมนักเตะระดับคุณภาพมากมายในทีมอาจจะไม่มีทางเกิดขึ้นอีกหรือไม่ เพราะทีมจะต้องสูญเงินมากมาย และคงจะไม่กล้านำเงิน “นอกระบบ” มาตกแต่งบัญชีอีกต่อไป
การลงทุนอาจเปลี่ยนไป อาจกลับไปอยู่ในทิศทางเดิมแบบยุคแรกที่ทำงานก็เป็นได้
ค่าเหนื่อยที่มามัดใจนักบอล หรือการทุ่มเงินซื้อนักเตะใหม่อาจจะไม่เหมือนเดิม อีกทั้งแรงจูงใจของนักบอลในการมาร่วมทีมที่ “ไม่ได้ไปแชมเปี้ยนส์ลีก” มันยิ่งโน้มน้าวยากกันไปใหญ่
คืออาจจะจ่ายได้ แต่อนาคตขยะใต้พรม
จะเพียบ เหมือนหลายๆ ทีมที่เคยเป็นมา
ที่สำคัญก็คือ การลุ้นไปยุโรปจะมีลุ้นไปจนถึงอันดับที่ 5 ของ 2 ฤดูกาลในการไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีก เพราะเชื่อกันว่า ยังไง แมนฯซิตี้ เองก็จะอยู่ในท็อปไฟว์ไม่มีพลาดอยู่แล้ว
ทั้งหมดทั้งมวล พวกเขายังมีสิทธิ์ที่จะอุทธรณ์ต่อศาลอนุญาโตตุลาการกีฬา ......แต่ถึงขั้นนี้แล้ว ยังจะกล้าอีกเหรอ เพราะที่ผ่านมาถือว่าเป็นการเอาเปรียบเพื่อนร่วมอาชีพมากเกินไป
ตกลงใครว่าคนรวย....ไม่โกง....!!!!
โธ่.....ชีค อยากจะประสบความสำเร็จจนตัวสั่น แต่ไร้ซึ่งสปิริตสิ้นดี
ภาพนี้ไม่มีทางลบเลือนจริงๆ
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี