‘หงส์แดง’ทัพใหญ่!บุกรังตราหมี

เจ้าถิ่นเจ็บอื้อรับมือแชมป์เก่า

‘ฮาแลนด์’วัดคม‘เอ็มบัปเป้’

สื่อกระทิงเชื่อ‘เป๊ป’ไม่ทิ้งทีม

‘สตีวี่จี’ไม่สนเรื่องริบแชมป์

การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ซีซั่น 2019-20กลับมาดวลแข้งกันอีกครั้งในรอบน็อกเอาท์ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก ประเดิมดวลแข้งคืนวันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ 2020 ทั้งหมด 2 คู่แข่งขันในเวลา 03.00 น.

เกมระหว่าง “ตราหมี” แอตเลติโก มาดริด ทีมดังแห่งสเปน เปิดสนามว่านต๋า เมโทรโปลิตาโน่ ชนกับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เอฟซี แชมป์เก่า จากอังกฤษ ที่ได้แชมป์ ณ สนามแห่งนี้เมื่อซีซั่นก่อน ด้วยการคว่ำ สเปอร์ส 2-0

“ตราหมี” ของ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ผู้จัดการทีมที่ได้รับค่าเหนื่อยมากที่สุดในโลกลูกหนัง นำทีมเข้ารอบเป็นอันดับ 2 สายดีซึ่งเขาเคยพาทีมเข้าชิงถ้วยนี้มาแล้ว 2 สมัย เมื่อซีซั่น 2014 กับ 2016 นับตั้งแต่ได้แชมป์บอลซูเปอร์คัพของสเปน เมื่อ 13 มกราคมที่ผ่านมา ปรากฏว่าพวกเขาฟอร์มค่อนข้างฝืดมากๆ เพราะ 6 เกมต่อมา ชนะแค่นัดเดียว และแพ้ไปถึง 3 เกม รวมถึงตกรอบ 32 ทีม โคปา เดอ เรย์ เมื่อแพ้ เลโอเนซ่า ทีมจากเซกุนด้า เบ เนื่องจากปัญหาสำคัญคือนักเตะมีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวน

เกมนี้ชูเอา เฟลิกซ์ ดาวรุ่งค่าตัวกว่า 113 ล้านปอนด์ บาดเจ็บอดลงสนามเช่นเดียวกับ คีแรน ทริปเปียร์ แบ๊กขวาทีมชาติอังกฤษ และดีเอโก้ คอสต้า หัวหอกจอมป่วนที่มีปัญหาที่คอ แต่จะได้โฆเซ่ ฆิเมเนซ ปราการหลังจอมลุย หายเจ็บกลับมาลุ้นคืนตัวจริง ขณะที่แผนการเล่นนั้น ซิเมโอเน่ เลือกเล่น 4-4-2 ไดม่อนด์อยู่แล้ว โดยช่วงหลังเขาต้องแก้สถานการณ์เกมรุกที่ฝืดและเจ็บโดยให้ อังเคลคอเรียอา กับ บิโตโล่ ลงยืนคู่กัน สลับกับ อัลบาโร่ โมราต้า

ทางฝั่ง “หงส์แดง” แชมป์เก่า และแชมป์ 6 สมัย ที่กำลังคั่วแชมป์พรีเมียร์ลีก ในซีซั่นนี้ เข้ารอบมาในฐานะแชมป์กลุ่มอีจะส่ง ซาดิโอ มาเน่ แกนรุกคนสำคัญทีมชาติเซเนกัล กลับมายืนตัวจริง หลังจากหายเจ็บและลงสำรองมาซัดประตูชัยในเกมลีกเมื่อวันเสาร์ ขณะที่แดนกลาง ฟาบินโญ่ มีโอกาสได้กลับมาเป็นตัวคุมเกมแดนกลาง แล้วดัน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมที่กำลังฟอร์มสด ขยับขึ้นเล่นบ็อกซ์ ทู บ็อกซ์ ร่วมกับ จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุมโดย นาบี เกอิต้า จะหลุดไปสำรอง รวมถึง อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน

ส่วนที่เหลือนั้น เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่มีปัญหาในการจัดทีม จะเลือกผู้เล่นทัพใหญ่ลงสนามทั้งหมด หลังจากในลีกเพิ่งได้ชัยชนะที่ต้องการและนำห่างอยู่ 25 คะแนน เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค, โมฮาเหม็ดซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และ อลิสซอน เบ๊คเกอร์ พร้อมลุย

11 ตัวจริงที่คาดว่าจะลงในาม แอต.มาดริด (4-4-2)ยาน โอบลัค-ซานติอาโก้ อาเรียส, โฆเซ่ ฆิเมเนซ, สเตฟานซาวิช, เรนาน โลดี้-โกเก้, โตมัส ปาร์เตย์, ซาอูล ญีเกซ-บีโตโร่ มาชิน, อังเคล กอร์เรอา และอัลบาโร่ โมราต้า

ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซอน เบ็คเกอร์-เทรนท์อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โจ โกเมซ, เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค,แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน-จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม,ฟาบินโญ่ (อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน)-โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ ซาดิโอ มาเน่

สำหรับสถิติการเจอกัน ปรากฏว่า แอต.มาดริด เหนือกว่าด้วยการชนะ 2 ลิเวอร์พูล ชนะ 1 และเสมอกัน 2 นัด

อีกคู่ที่สนามเวสฟาเล่น สตาดิโอน “เสือเหลือง” โบรุสเซียดอร์ทมุนด์ รองแชมป์บุนเดสลีกา เยอรมนี จะดวลกับ “หอคอยฝังเพชร”ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (เปแอสเช) ทีมแชมป์ลีก เอิง ฝรั่งเศสโดยทั้งสองทีมมีหัวหอกดาวรุ่งแห่งวงการอยู่พร้อมกันทั้ง เออร์ลิ่งเบราท์ ฮาแลนด์ของดอร์ทมุนด์ กับ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ของผู้มาเยือน

เจ้าถิ่นปรับมาเล่น 3-4-3 ไม่มี มาร์โก้ รอยส์ กัปตันทีม กับ ยูเลี่ยน บรันท์ สองแกนรุกคนสำคัญ ที่บาดเจ็บ รวมไปถึงต้องเช็คฟิต โธมัส เดลานี่ย์ มิดฟิลด์ที่ออดๆ แอดๆ ในปีนี้ ส่วนเกมรุกจะส่ง เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาแลนด์ หัวหอกฟอร์มแรงวัย 19 ปีจะปักหลักยืนหัวหอก ร่วมกับ จาดอน ซานโซ่ ปีกดาวโรจน์ทีมชาติอังกฤษ และ ธอร์ก็อง อาซาร์ ดาวโรจน์เบลเยียม

ทางด้าน โทมัส ทูเคิล กุนซือเปแอสเช วัย 46 ปี จะได้กลับมาถิ่นเดิมอีกครั้ง หลังจากเคยทำงานที่นี่ระหว่างปี 2015-17พาทีมได้แชมป์เดเอฟเบโพคาล 1 รายการ รอลุ้น 2 หอกเกมรุกเนย์มาร์ กับ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ พร้อมปรับทัพหลายตำแหน่งและมาเล่น 4-3-3 ไม่ใช้ 4-2-2-2 เหมือนเกมเสมอ อาเมียงส์ มโหฬารถึง 4-4

11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม ดอร์ทมุนด์ (4-3-3) : โรมัน เบอร์กี้-ลูคัส พิสซ์เซ็ค, มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์, ดาน อักเซล ซากาดู-อาชราฟ
ฮาคิมี่, อักเซล วิตเซล, เอ็นเร่ ชาน, ราฟาแอล เกร์เรยโร่, ธอร์ก็องอาซาร์, เออร์ลิง เบราท์ ฮาแลนด์ และจาดอน ซานโช่

เปแอสเช (4-3-3) เคย์ลอว์ นาวาส-โธมัส มูนิเยร์, ติอาโก้ซิลวา, มาควินญอส, แบร์นาต-อิดริสซ่า กาน่า เกย์, อังเคลดิ มาเรีย, มาร์โก้ แวร์เร็ตติ-เนย์มาร์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ และเมาโร่ อิการ์ดี้

ขณะที่เรื่องการสั่งแบนจากสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป หรือยูฟ่า ที่สั่งให้ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ห้ามไปแข่งขันยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 ปีติดต่อกัน หลังจากในฤดูกาล 2013-14ทำผิดกฎ ไฟแนนเชียลแฟร์เพลย์ โดยปลอมแปลงตัวเลขบัญชีเพื่อหวังให้พ้นผิด แต่ก็ถูก รุย ปินโต้ แฮกเกอร์ชาวโปรตุเกสไปเอาข้อมูลเปิดเผยต่อสื่อมวลชน ทำให้ แมนฯซิตี้ ต้องชดใช้กรรมโดยที่พวกเขาจะมีเวลา 10 วัน ในการยื่นอุทธรณ์โทษแบนดังกล่าวนั้น

หลังจากกระแสครั้งนี้ออกไปแรงขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับมีการนำเสนอเรื่องราวที่ว่า แมนฯ ซิตี้ อาจจะถูกริบแชมป์พรีเมียร์ลีก 2014 ซึ่งปีนั้น ลิเวอร์พูล ได้ตำแหน่งรองแชมป์นั้น สื่อมวลชนของอังกฤษ ได้สอบถาม สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีมลิเวอร์พูลชุดนั้น ซึ่งปัจจุบันเป็นกุนซือของ “เดอะ ไลท์บลูส์” กลาสโกว์ เรนเจอร์ส โดยเจ้าตัวยืนยันว่า ไม่ขอพูดถึงเหตุการณ์นี้จนกว่าจะมีการตัดสินอย่างเป็นทางการจากพรีเมียร์ลีก

“ผมเพิ่งมีโอกาสได้อ่านข่าวนี้เมื่อเช้า ทั้งหมดก็ต้องรอดูว่าจะมีผลอะไรตามมาอีกหรือไม่ หลังจาก ยูฟ่า ที่ลงโทษ แมนฯซิตี้ ถือว่าหนักมากเลยทีเดียว แสดงว่าบอร์ดบริหาร แมนฯซิตี้ ทำผิดกฎร้ายแรง ซึ่งตัวผมจะให้ความเห็นก็ต่อเมื่อ พรีเมียร์ลีก ได้มีการตัดสินเรื่องนี้แล้ว เพราะที่ทุกคนพูดกันอยู่ในตอนนี้ มันเป็นเรื่องสมมุติเท่านั้น” สตีวี่ จี กล่าว

ในส่วนของข่าวลือต่างๆ ที่ออกมาหลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ โดยเฉพาะ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือชาวสเปน ที่เป็นประเด็นให้หลายคนจับตามองว่า เป๊ป จะอยู่กับทีมต่อไปหรือไม่ หลังจากลือกันหนาหูว่า เขาน่าจะไปคุมทีมอื่นที่ไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีก

เรื่องนี้ “สปอร์ต” สื่อของสเปน ระบุว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่าไม่ได้คิดเกี่ยวกับการแยกทางกับทีมก่อนที่สัญญาจะหมดลงแต่อย่างใด โดยข้อตกลงในสัญญาของ เป๊ป กับ แมนฯซิตี้ ยังมีไปจนถึงช่วงซัมเมอร์ ปี 2021

“เป๊ป มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับการทำงานที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เนื่องจากมีความสนิทสนมกับ เฟร์ราน โซเรียโน่ และ ซิกิ เบกิริสไตน์2 ผู้บริหารระดับสูงที่เคยร่วมงานกับ เป๊ป ที่บาร์เซโลน่า รวมไปถึงยังมีสายสัมพันธ์อันดีกับ คัดลูน อัล-มูบารัค กับ ชีค มานซูร์ รวมถึงกลุ่มนักธุรกิจจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่เป็นเจ้าของทีมด้วย”สื่อดังแดนกระทิง กล่าว