เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2563 ที่ห้องประชุม ชั้น 11 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท.เป็นประธานในการประชุมหารือเกี่ยวกับมาตรการดูแลและเฝ้าระวัง COVID - 19 ของคณะนักกีฬามวยสากลทีมชาติไทยและเจ้าหน้าที่สมาคมฯ ชุดเข้าร่วมแข่งขันคัดเลือกเป็นตัวแทนทวีปเอเชีย ครั้งที่ 1 เพื่อรับสิทธิ์เข้าแข่งขันมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีกำหนดจะเดินทางจากประเทศจอร์แดนกลับมายังประเทศไทย ในวันที่ 12 และ 13 มีนาคม 2563 นี้ โดยมี พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ โชติมา เลขาธิการสมาคมกีฬามวยสากลแห่งประเทศไทย, นายธัชนาถ ทองประกอบ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศ, นายเจริญศรี สุวรรณศรี ผู้อำนวยการกองบริหารงานกีฬาภูมิภาค, นายสุวิทย์ เกิดบำรุง ผู้อำนวยการกองกีฬาเวชศาสตร์ ร่วมประชุม
ที่ประชุมให้ความเห็นชอบจัดมาตรการดูแลและเฝ้าระวัง COVID - 19 ในคณะนักกีฬามวยสากลทีมชาติไทยและเจ้าหน้าที่สมาคมฯ ชุดเข้าร่วมแข่งขันคัดเลือกเป็นตัวแทนทวีปเอเชีย ครั้งที่ 1 เพื่อรับสิทธิ์เข้าแข่งขันมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 โดยจัดเตรียมทีมเจ้าหน้าที่จากฝ่ายวิทยาศาสตร์การกีฬา และฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศ ของ กกท. ให้ความดูแล เริ่มจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิหลังจากผ่านขั้นตอนการตรวจต่างๆแล้ว จะรับคณะเดินทางไปยังศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี ซึ่งได้เตรียมที่พักสำหรับการเก็บตัวไว้ที่อาคาร 2 ภายในศูนย์ฝึกกีฬามวกเหล็ก จำนวน 14 วัน ตามมาตรการเฝ้าระวัง และมีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำวิธีการป้องกันตัวจาก COVID - 19
“คณะนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ชุดมวยสากลนี้ เดินทางกลับมาจากประเทศจอร์แดน ซึ่งไม่ใช่ประเทศในกลุ่มเสี่ยง และยังสามารถคว้าสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2020 ได้ถึง 4 คน นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามเราก็ต้องปฏิบัติตามมาตรการดูแลและเฝ้าระวังจาก COVID - 19 อย่างเคร่งครัด กกท.ได้ประสานงานกับจังหวัดสระบุรี รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แจ้งเรื่องดังกล่าวเพื่อทราบและร่วมมาตรการดูแลเฝ้าระวังร่วมกัน นักกีฬาจะพักภายในอาคารเดียวกัน แต่แยกห้องของแต่ละคน และนักกีฬาสามารถฝึกซ้อมตามตารางฝึกซ้อมได้ โดยจะจัดพื้นที่ซ้อมแยก ไม่มีการชกกัน เป็นการฝึกซ้อมด้วยตัวเอง โดยสมาคมมวยฯ และฝ่ายวิทยาศาสตร์การกีฬา ของ กกท. ช่วยกันจัดโปรแกรมการฝึกซ้อมของนักมวย ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้รูปแบบการเสริมสร้างสมรรถภาพทางกายในด้านความเร็ว ความอดทน และการเคลื่อนไหว โดยไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ในการฝึกร่วมกับบุคคลอื่น ทั้งนี้ โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อคงสภาพร่างกายของนักกีฬาในการที่จะเตรียมเข้าสู่แผนการฝึกที่มีความเฉพาะเจาะจงต่อไป หลังจากที่เฝ้าดูอาการระยะเวลา 14 วันแล้ว รวมถึงการป้องกันไม่ให้นักกีฬาสัมผัสใกล้ชิดหรือเกี่ยวข้องกับบุคคลอื่น ซึ่งจะมีการตรวจวัดอุณหภูมิ และการดูแลตลอด 14 วัน โดยระหว่างการเก็บตัว กกท.ยังคงให้การสนับสนุนค่าที่พัก ค่าเบี้ยเลี้ยง ให้กับนักกีฬา ตามโครงการเตรียมนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ อีกด้วย”
ผู้ว่าการ กกท.กล่าวเพิ่มเติมว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เน้นย้ำและกำชับมาว่า ขอให้ กกท.ดูแลนักกีฬาทีมชาติไทยที่เดินทางไปแข่งขันกีฬาในต่างประเทศเป็นอย่างดี หากเดินทางกลับถึงประเทศไทยแล้วก็ขอให้ช่วยดูแลและเฝ้าระวังตามมาตรการป้องกันดูแลฯ คือเก็บตัวในระยะเวลา 14 วัน โดยให้จัดทีมแพทย์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดูแลในเรื่องที่พักและอาหาร ให้เรียบร้อย ถือเป็นนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่สำคัญที่ต้องการดูแลนักกีฬาทีมชาติไทยในฐานะที่เป็นตัวแทนคนไทยไปรับใช้ชาติในด้านกีฬา
ทั้งนี้ นักกีฬามวยสากลทีมชาติไทยชุดคัดเลือกโอลิมปิก 2020 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย ที่ กรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน ระหว่างวันที่ 3 - 11 มีนาคม 2563 จะเดินทางกลับประเทศไทย ในวันที่ 12 มีนาคม 2563 รอบแรก เป็นนักกีฬาทีมหญิงและเจ้าหน้าที่ และรอบที่ 2 ในวันที่ 13 มีนาคม 2563 เป็นนักกีฬาทีมชายและเจ้าหน้าที่ ซึ่งนักมวยสากลทีมชาติไทยสามารถคว้าสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่ ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 24 กรกฎาคม - 9 สิงหาคม 2563 ได้จำนวน 4คน ประกอบด้วย รุ่น 52 กก. ฐิติสรรค์ ปั้นโหมด , สุดาพร สีสอนดี รุ่น 60 กก.หญิง , ใบสน มณีก้อน จากรุ่น 69 ก.ก.หญิง และ ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี รุ่น 57 กก.ชาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี