โลกใบนี้ทุกอย่างเกี่ยวพันกันหมด อยู่ที่ว่าจะเกี่ยวข้องกันมากหรือว่าน้อย
นาทีนี้กลายเป็นว่า ไวรัสจากแผ่นดินใหญ่กลายเป็นปัญหาของโลก ที่เรียกกันในปัจจุบันว่า “โควิด-19” หรือที่ต่างประเทศจากเรียกกันว่า โคโรนาไวรัส
ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าจะลุกลามใหญ่โตได้ถึงขนาดนี้ จนเป็นเหตุให้โลกกำลังจะถูก “แช่แข็ง” ด้วยไวรัสตัวนี้เพียงตัวเดียวเท่านั้น
ขอใช้คำว่าการมาของ “โควิด-19” คือเจ๊งทุกระบบ พังทุกองคาพยพอย่างแท้จริง
ทุกคนตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน!!!
กีฬาทุกชนิดแรกทีเดียว ก็มีการเขียนโปรแกรมกันว่าใครต้องหยุดพักบ้างแต่ตอนนี้ไม่มีความจำเป็นต้องมาจำแนกรายละเอียดตรงนั้นอีกแล้ว เมื่อมาถึงวันนี้ 15 มีนาคม 2020 ทุกอย่างจบหมด
ไม่ใช่แค่กีฬา แต่จบแทบจะทั้งโลก
ถามกันไปมาว่า บ้านนี้เมืองนั้นถึงระดับไหนแล้ว การป้องกันและมาตรการเป็นอย่างไร นี่คือสิ่งที่ประชาชนตาดำๆ ไม่สามารถที่จะสั่งการอะไรได้ มีหน้าที่คือ
ก้มหน้าดูแลตัวเอง
แต่ขอร้องว่า อย่าก้มหน้ารับชะตาโดยเด็ดขาด
ก้าวต่อไปจากนี้น่าสนใจนั่นก็คือ กีฬาที่ยังแข่งขันกันอยู่ และมหกรรมใหญ่ๆที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น โดยเฉพาะในปีนี้ทุกคนทราบดีว่ามีมหกรรมระดับโลก รออยู่ถึง 2 รายการ
โอลิมปิกเกมส์ ฤดูร้อน ครั้งที่ 32 (The 2020 Summer Olympics) กับฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ครั้งที่ 16(The 2020 UEFA European Football Championship)
โอลิมปิกเกมส์ อยู่ภายใต้การรับรองและดูแลจาก โอลิมปิกสากล หรือ ไอโอซี (THE INTERNATIONAL OLYMPIC COMMITTEE)
ยูโร อยู่ภายใต้การรับรองและดูแลของ สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป หรือ ยูฟ่า (The Union of European Football Associations)
ตามปฏิทินแล้ว ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2020 จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 12 มิถุนายน-12 กรกฎาคมนี้ กลับนิ่งสนิทไม่มีข่าวแบบรายวันออกมาเลย ผิดกับ โอลิมปิกเกมส์ ที่จะจัดที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น วันที่ 24 กรกฎาคม-9 สิงหาคมมีประเด็นต่อเนื่องตลอด
ทั้งการจัดได้จัดไม่ได้ การให้การรับรองจาก คณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ ไอโอซี, การยื่นมาจาก ลอนดอน และแอลเอที่ถูกมองว่าหวังดีแต่ประสงค์ไม่ดี จนถึงวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ก็มีการจุดคบเพลิงที่มหาวิหารแห่งเฮรา ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ที่โอลิมเปีย ประเทศกรีซ
ลงท้าย 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทั้งศึกโอลิมปิก และยูโร ยังคงเป็นปริศนาต่อไปว่า จะจัดแข่งขันได้หรือไม่ ก็เพราะไวรัสวายร้ายตัวนี้
แต่ภาพเริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ
เริ่มจากการประชุมด่วนเมื่อวันพฤหัสบดีของ ยูฟ่า ผ่านทางวีดีโอ กับสมาชิกสมาคมฟุตบอลยุโรป 55 แห่ง, สโมสร, ลีก และตัวแทนของผู้เล่น เพื่อหารือเกี่ยวกับการแข่งขันฟุตบอลทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นในประเทศ, ถ้วยยุโรป 2 รายการ รวมถึงยูโร 2020 เพื่อตอบสนอง และหาทางออก แม้ทุกอย่างจะมีข้อสรุปในวันอังคารนี้ก็ตาม
พร้อมทั้งยืนยันกันไปแล้วว่า ศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และยูโรป้าลีก สัปดาห์หน้า ยกเลิกทั้งหมดไปก่อน พร้อมกับว่าเมื่อกลับมาเตะกันอีกครั้งในรอบต่อไป อาจจะใช้ระบบแบบ “เกมเดียวน็อก” เพื่อย่อระยะเวลาซีซั่นนี้
ทั้งหมดนี่คือแผนของยูฟ่า
อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญสุดๆก็คือ แนวนโยบายของแต่ละประเทศยังไม่ไปในทางเดียวกัน กับการรับมือไวรัส ทำให้การข้ามไปเตะในแต่ละประเทศเป็นไปได้ยากมาก
สะท้อนออกมาให้เห็นเงาชัดเจนว่า ยูโร 2020 ที่หมายมั่นเอาไว้ตั้งแต่ยุคของมิเชล พลาตินี่ ว่า จะเป็นเจ้าภาพทั่วยุโรป 12 ประเทศให้เป็น “ยูโร โรแมนซ์” นั้น
ตามทรงแล้วน่าจะ “จัดไม่ได้” ในปฏิทินปีนี้!!!
นับเฉพาะเวลานี้ปิดประเทศแล้วอย่าง กรุงโรม อิตาลี, แคว้นบาสก์ สเปน หรือโคเปนเฮเกน เดนมาร์ก ถือว่าเส้นทางเริ่ม “ตีบตัน” ทุกขณะ
เกมเพลย์ออฟเพื่อหาอีก 4 ทีมเข้ารอบก็ยังคงเตะไม่ได้ สอดคล้องกันกับข่าวที่ว่า อาจจะเลื่อนแข่งไปอีก 1 ปีเป็น “ยูโร 2021” ก็มีสิทธิ์เกิดขึ้นได้เช่นกัน.......
ขณะที่ พิธีวิ่งไฟโอลิมปิก หรือคบเพลิงที่จุดนั้นก็เกิดเหตุไม่คาดคิด เมื่อตำรวจต้องเข้ามาเบรกกลางอากาศ ที่ย่านสปาร์ต้า เนื่องจากหวั่นเกรงคนจะติดเชื้อ
เส้นทางดังกล่าวถูกเบรกเอาไว้เนื่องจาก มีฝูงชนมารวมตัวกันเพื่อมาชมความยิ่งใหญ่ของไฟโอลิมปิก พร้อมกับมีดาราคนดังอย่าง บิลลี่ เซน จาภาพยนตร์ Titanic และเจอราร์ด บัตเลอร์คนดังจากเรื่อง 300 มาร่วมวิ่ง ทำให้ยิ่งเพิ่มบรรยากาศให้คึกคัก
ระเบียบของกรีซตอนนี้ก็คือ จะไม่มีการชุมนุมกัน หลังจากมีผู้ติดเชื้อกว่า 117 คนและมีเสียชีวิตไปแล้ว ทำให้ภาครัฐที่เอาใจใส่ดูแลประชาชนอย่างจริงจัง เร่งออกมาตรการที่เข้มงวดออกมา โดยเฉพาะในพิธีจุดไฟนั้น ก็ไม่ได้ให้คนเข้ามาเยอะ และไม่อนุญาตให้นำเด็กเข้าร่วม
คบเพลิงตอนนี้จะต้องผ่าน 31 เมือง กับอีก 15 แหล่งโบราณคดีในกรีซ เป็นระยะทาง 3,200 กิโลเมตร ซึ่ง อาธานาซิออสวาซิเลอิอาดิส ประธานคณะกรรมการคบเพลิงโอลิมปิก ในฐานะตัวแทนรัฐบาลกรีก ให้ทุกคนออกมาฉลองได้ในจุดที่กำหนดไว้
อย่างไรก็ดี ไม่มีใครบอกได้เลยว่า ญี่ปุ่น จะจัดการแข่งขันครั้งนี้ได้หรือไม่ แม้การแสดงออกในท่าทีอันแข็งกร้าวจากทุกฝ่ายแดนซามูไร และการไว้ใจจาก ไอโอซี ว่า ยังไงก็จัดได้ตามกำหนด
ขาใหญ่อย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ได้ร้องขอไปยัง ชินโสะ อาเบะ ผู้นำญี่ปุ่น ว่าอยากจะให้เลื่อนการแข่งขันออกไป แต่เพื่อความเหมาะสม ก็เชื่อมือ อาเบะ ว่า จะรับมือกับสถานการณ์นี้ได้
ที่ผ่านมา รัฐบาลญี่ปุ่น แสดงจุดยืนที่ชัดเจน และไม่เปลี่ยนแปลง พร้อมยืนยันว่า ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับ ไอโอซี มาโดยตลอด
แล้วหากว่าต้องเลื่อนล่ะ?!?!?!?!?
การเลื่อนการแข่งขันไม่ดีอยู่แล้ว แต่เมื่อเป็นแบบนี้เห็นได้ชัดว่า ยูโร 2020 จะเลื่อนได้ง่ายกว่า โอลิมปิกเกมส์
เนื่องจากเจ้าภาพ 12 ชาติ ไม่ได้ลงทุนอะไรเยอะแยะเหมือนชาติเดียว แต่ปรับปรุงสนามไว้แล้ว ไม่เหมือนโอลิมปิกเกมส์ ที่สร้างอะไรใหม่เยอะแยะมากมาย
จริงอยู่ที่ ไม่มีนโยบายเลื่อนการแข่งขันมาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว แต่ลงท้ายกีฬาที่มีมูลค่าและมีผู้ติดตามสูงสุดอย่าง “ฟุตบอล” ก่อนเลื่อนกันยกกระบิ โดยเฉพาะ
“พรีเมียร์ลีก อังกฤษ” ที่มีคนเฝ้าติดตามกันทั่วทุกมุมโลก
ภาพปรากฏก็คือ การแข่งขันได้ถูก “เลื่อนออกไป” โดยกำหนดเอาไว้ว่าจะพักถึงวันที่ 3 เมษายน แล้วกลับมาเตะกันใหม่ ตามโปรแกรมในวันนั้นเลย
ประเด็นก็คือ ระยะเวลาตีออกมาประมาณครึ่งเดือน เมื่อมองกับแนวทางการตรวจรักษา และการแพร่กระจายของโรคนี้ คงได้แค่ “ภาวนา” เท่านั้นจึงจะเตะได้
คือมันจะหายไปเลยเหมือนกับไข้หวัดสเปน เมื่อ 100 ปีก่อน หรือไม่ก็มีวัคซีนฉีดปุ๊บ ไวรัสตายห่า(น)ปั๊บนั่นแหละ!!!!
หากยังมีนักฟุตบอลที่ติดเชื้อเพิ่มขึ้น หรือประชากรติดเชื้อเพิ่มขึ้น และเสียชีวิตมากขึ้น เวลาที่กำหนดเอาไว้คงไม่เพียงพอแน่นอน
ประเด็นที่ถกเถียงกันก็คือ หากต้องจบซีซั่นเลยจะทำอย่างไร ทำได้หรือเปล่า
มันมีแนวทางไปได้หลายเรื่อง
แต่เรื่องของการ “โมฆะ” ควรตัดไป เพราะมันแค่เรื่องสนุกปาก และไม่เมกเซ้นส์เมื่อเทียบกับระบบอาชีพ
เรื่องแชมป์หรือไม่แชมป์ มันไม่วุ่นวายเท่ากับ “เลื่อนชั้นหรือตกชั้น” มันเป็นเรื่องความสำคัญมากๆ เพราะพรีเมียร์ลีกได้มีหุ้นให้กับทีมฟุตบอลในระบบ หากตกชั้นต้องคืนหุ้น เพื่อทีมขึ้นชั้นจะได้หุ้น แล้วเตะกันมาขนาดนี้โอกาสที่ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน กับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ขึ้นชั้นมีสูง พร้อมกับเงินจำนวนมหาศาลการันตีไม่ต่ำกว่า 150 ล้านปอนด์
รับรองว่า พวกเขาไม่ยอมแน่นอน
หากเล่นกันต่อไปไม่ได้ สมมุติฐานมันออกไปได้หลายทาง เป็นไปได้ที่จะตัดให้ 2 ทีม อันดับ 19 กับ 20 จากพรีเมียร์ลีกตกชั้นไปเลย แล้วให้ 1-2 ของเดอะ แชมเปี้ยนชิพขึ้นชั้น
หรือไม่ต้องมีใครตกชั้น แต่นำ 2 ทีมของแต่ละดิวิชั่นขึ้นมาเลย โดยพรีเมียร์ลีก ซีซั่นหน้าจะเป็น 22 ทีม แล้วตกชั้น 5 ทีมเพื่อกลับไปเป็นระบบเก่าในปีเดียว
หากจะให้พูดเรื่องแชมป์ ไม่เกี่ยวกับว่า ลิเวอร์พูล เอฟซี นำ 25 คะแนน หรือด้วยการที่รอแชมป์มานาน 30 ปี เหตุผลเหล่านี้ไม่มีสิทธิ์มาคัดกรองแชมป์
เพราะเชื่อว่า ไม่ว่า “ใครจะเป็นทีมนำ”หรือว่า “นำอยู่กี่คะแนน” เหตุผลในการตัดสินคือ คนที่อยู่อันดับ 1 คือ ทางเดียว ต่อให้นำ 1 คะแนน ก็คืออันดับ 1
ขณะที่การไปเตะฟุตบอลยุโรปในซีซั่นหน้า ก็นับตามลำดับที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนำมาใช้
หรือไม่ก็พักกันต่อไป บอลกลับมาเตะเดือนพฤษภาคมก็ไม่ได้เสียหายอะไร เพราะ ยูโร 2020 รอที่จะกลายเป็น ยูโร 2021อยู่แล้ว
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ คือการคาดการณ์ แต่ทุกอย่างมาจากการตั้งอยู่บนเหตุผล และที่สำคัญตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญกว่า “ชีวิต”
โคโรนาไวรัส ประจำปี 2020 ภายใต้ชื่อ โควิด-19
ร้ายกว่า Y2K เมื่อปี 2000
โหดกว่าข่าวว่าอวสานวันสิ้นโลก 2012 เป็นไหนๆ
หรือนี่มันคือช่วงเวลาโลกาจะวินาศ หรือ DoomsDay แต่อย่างที่บอกไว้.............
ยังไงก็ต้องไปกันต่อ!!!!!
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี