สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เตรียมทำแผนเสนอรัฐบาล เพื่อกลับมาแข่งขันฟุตบอลไทยลีก ได้อีกครั้ง หลังจากต้องหยุดยาวตั้งแต่ต้นเดือน มี.ค. โดยคาดว่าจะเตะแบบสนามปิดแต่มีการถ่ายทอดสดทางทีวีทั่วประเทศ
โดยเวลานี้ โคโรนาไวรัส หรือ โควิด-19 ที่ระบาดในเมืองไทย และมีผู้ติดเชื้อไปแล้วกว่า 2,000 ราย ทำให้เวลานี้ฟุตบอลลีกไทย นั้นต้องหยุดชะงักลงมาตั้งแต่เดือน มี.ค. ที่ผ่านมา และจากการที่ รัฐบาลได้ประกาศใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค.-30 เม.ย. ทำให้สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และบริษัท ไทยลีก จำกัด ต้องเลื่อนการแข่งขันฟุตบอลลีกไทย ออกไปอีกถึงวันที่ 2 พ.ค. เป็นอย่างน้อย
ล่าสุด “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เผยถึงเรื่องนี้ว่าหากเทียบสถานการณ์กับหลายๆ ประเทศ อย่างฟุตบอลญี่ปุ่น สามารถกลับมาลงทีมอุ่นเครื่อง เป็นการแข่งขันแบบปิด(ไม่ให้แฟนบอล และผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าสนาม) ได้แล้ว ดังนั้นคิดว่า ถ้าประเทศไทยสามารถหามาตรการที่เข้มข้น ก็น่าจะกลับมาแข่งขันได้ ยิ่งสนามฟุตบอลนั้นเป็นแบบเปิด ไม่ใช่ที่ร่มหรือที่อับ ความเสี่ยงก็จะน้อยกว่าอยู่แล้ว
“เรากำลังร่างรูปแบบสอบถามความคิดเห็นส่งไปให้สโมสร ว่าจะเดินหน้าแข่งขันต่ออย่างไรบ้าง ถ้าจะเตะกันในสนามปิด จะร่างกฎระเบียบอะไรออกมาบ้าง เมื่อร่างกฎนี้ขึ้นมาก็นำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี ซึ่งเชื่อว่าการพิจารณาจะต้องนำไปปรึกษากระทรวงสาธารณสุขอย่างแน่นอน และก็น่าจะมีคำแนะนำอะไรเพิ่มเติมมา”
“มาตรการนี้จะต้องเข้มข้น ทำได้จริง หากรัฐบาลอนุมัติให้แข่งขันแบบปิดแล้ว สโมสรหรือนักเตะต้องทำตามกติกา เพราะมีผลกับตัวเอง หากขอความร่วมมือ กำหนดกฎเกณฑ์ มันมีความเป็นไปได้ที่จะกลับมาจัดการแข่งขันอีกครั้ง ถ้าหากมีโอกาสก็อยากจะเสนอกับรัฐบาลว่า ในยามที่อยากให้คนไทยเก็บตัวอยู่บ้านกันนานๆ ฟุตบอลนั้นอาจจะเป็นแม่เหล็กที่ทำให้คนอยู่ในบ้านได้ อาจจะมองว่าเป็นความคิดเห็นที่เห็นแก่ตัวอยู่บ้างแต่เชื่อว่าถ้ามีฟุตบอลจะทำให้คนอยู่ในบ้านได้ และถ้าหากรัฐบาลมีข้อกำหนดอะไรมาก็พร้อมจะปฏิบัติตามทุกอย่าง” นายกลูกหนังไทยกล่าว
ทั้งนี้หากกลับมาแข่งขันกันอีกครั้งในฤดูกาลที่เหลือแบบปิดสนามแข่ง ศึกฟุตบอลไทยลีกจะต้องสูญเสียรายได้มากถึง 117 ล้านบาท โดยอ้างอิงจากรายได้เมื่อฤดูกาล 2019 ที่ผ่านมา ซึ่งเม็ดเงินส่วนใหญ่มาจาก ค่าบัตรเข้าชมการแข่งขัน และรายได้จากการจำหน่ายสินค้าที่ระลึก เฉลี่ยสัปดาห์ละ 4.7 ล้านบาท และหากเฉลี่ยเป็นรายสโมสรจะเสียโอกาสไปทีมละ 7.3 ล้านบาทเลยทีเดียว
ขณะเดียวกัน สหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน (เอเอฟเอฟ) ประกาศเลื่อนแข่งขัน ในทัวร์นาเมนท์ที่จะจัดขึ้น ในช่วงระหว่างเดือนพฤษภาคม ถึงสิงหาคม ที่อยู่ภายใต้การดูแลของสหพันธ์ฯ ออกไป ทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ ซึ่งรายการฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรอาเซียน ที่จะแข่งขันในช่วงเดือนพฤษภาคม 2020 ถูกเลื่อนออกไปเป็น ปี 2021 ทั้งนี้ จะมีการแจ้งกำหนดการแข่งขันใหม่ให้ทราบอีกครั้ง
ขณะที่ ฟุตบอลหญิงชิงแชมป์อาเซียน ที่จะจัดขึ้นในเดือนพฤษภาคม ณ ประเทศฟิลิปปินส์ รวมถึงฟุตบอลหญิงชิงแชมป์อาเซียน รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี, ฟุตบอลชายชิงแชมป์อาเซียน รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี และฟุตบอลชายชิงแชมป์อาเซียน รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ที่จะมีขึ้นในเดือนมิถุนายน, กรกฎาคม และสิงหาคม ตามลำดับณ ประเทศอินโดนีเซีย ก็ถูกเลื่อนออกไปเป็นช่วงปลายปี ซึ่งจะมีการระบุวันเวลาที่แน่นอนอีกครั้ง
ในส่วนของฟุตบอลชายชิงแชมป์อาเซียน รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ทางเอเอฟเอฟจะพยายามให้จัดภายในเดือนกันยายน ก่อนการแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปีณ ประเทศอุซเบกิสถาน จะมีขึ้นในเดือนตุลาคม 2020
สำหรับรายการแข่งขันที่ยังคงกำหนดการเดิม ได้แก่ ฟุตบอลหญิงชิงแชมป์อาเซียน รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี ที่จะมีขึ้นในเดือนกันยายน ณ ประเทศอินโดนีเซีย เช่นเดียวกับ ฟุตซอลชิงแชมป์อาเซียน,ฟุตซอลชิงแชมป์สโมสรอาเซียน และฟุตบอลชายหาดชิงแชมป์อาเซียน ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในช่วงปลายปี
ขณะที่รายการแข่งขัน เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ของนักฟุตบอลชายทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ก็จะยังยึดตามกำหนดการเดิมในเดือนพฤศจิกายน 2020 ทั้งนี้จะมีการจับตาดูสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างใกล้ชิด และหากมีการเปลี่ยนแปลง จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
กาลอป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี