ข่าวคราวการ “เทคโอเวอร์” สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของอังกฤษ อย่าง “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ลยูไนเต็ด กลับมาแรงฤทธิ์อีกครา
หลังจากยื้อเวลากันมานานนับปี และมันก็อาจจะ“ไม่จริง” ไม่ใช่แค่ฝ่ายเดียว
แต่มันยักแย่ยักยันพอกันทั้งสองฝ่าย ทั้งคนจะขายและคนจะซื้อ
หนก่อนมันเป็นเรื่องของ “เจ้าของ” ไมค์ แอชลี่ย์ กับ“คนจะซื้อ” ชีค คาเล็ด บิน ซาเยด อัล เนฮายาน และ“นายหน้า” อแมนด้า สเตฟลี่ย์
หนนี้ อแมนด้า สเตฟลี่ย์ จากเดิมคือ “นายหน้า” พลิกกลับมาเป็น “คนจะซื้อ” พร้อมกับแหล่งทุนมาจากที่ใหม่แต่คาดว่าเป็นหน้าเก่าจาก ซาอุดีอาระเบีย ส่วนคนจะขายก็คือเจ้าเดิม แอชลี่ย์ ที่ตอนนี้กำลังสะมีเรียด ออฟ เฟียด อิน เดอะเครียดดดดดดดดดดดดด
ภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยบอยคอตต์ และไวรัส!!!!
เจ้าของจอมตืดเลือดไทน์ไซน์
การได้คนท้องถิ่น และเป็นเลือดแท้เข้ามาบริหารฟุตบอล ถือเป็นสิ่งที่แฟนบอลโหยหา เพราะในสถานการณ์จริง ๆ ยุคปัจจุบัน แทบจะไม่มี”คนพื้นที่”ที่จะรักฟุตบอล และมีเงินถุงเงินถังพอที่จะบริหารจัดการ
ยิ่งในพรีเมียร์ลีก ที่มีมูลค่าขนาดนี้ยิ่งยากเข้าไปใหญ่
แอชลี่ย์ ที่เป็นชาว “จอร์ดี้” ขนานแท้ และมีเลือด “เดอะ แม็คไพร์” แบบเต็มข้อ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากแฟนฟุตบอลทูน อาร์มี่ มันมีแสงสว่างเห็นได้ชัดเจน เมื่อได้คนท้องถิ่นมาบริหารทีมที่รัก
เขาสร้างอาณาจักรหมื่นล้านด้วยตัวเอง หลังออกจากโรงเรียนตั้งแต่ 16 ขวบ ก่อนจะเป็นเจ้าของกิจการขายอุปกรณ์กีฬา ชื่อดังอย่าง สปอร์ต ไดเรคท์ และขยายสาขาธุรกิจเสื้อผ้ากีฬาไปเรื่อยๆ Sports Direct International plcไปทั่วประเทศ ทั้งลดแลกแจกแถมแบบยาใจคนจน
น่าเสียดายที่ แอชลี่ย์ ในภาพผู้บริหารที่ไปนั่งเชียร์ในกลุ่มแฟนบอล ไม่ได้ทำอะไรที่เหมือนกับสาวกทีมแห่งไทน์ไซด์เขาคิดกันเอาไว้เลย
เขาเล็งเหลี่ยมไปที่ผลประโยชน์, กำไร, ยอดบัญชีในธนาคาร มากกว่าผลงานของทีมรัก ซึ่งเป็นทีมที่อยู่ในมือของเขาเองแท้ๆ
แอชลี่ย์ เลือกที่จะทำอะไรสร้างความไม่พอใจให้กับแฟนบอล เหมือนกับเขาไม่รู้จักเนื้อแท้และตัวตนของทีม โดยเฉพาะเปลี่ยนชื่อสนามจาก “เซนต์ เจมส์ พาร์ค” มาเป็น“สปอร์ต ไดเรคท์ อารีน่า” ทำให้แฟนบอลโกรธจัด เพราะชื่ออยู่กับทีมมากกว่า 119 ปี
ทำสัญญาตกลงเงินสปอนเซอร์ จาก วองก้า บริษัทเงินกู้ ชื่อดัง และมีแผนจะเปลี่ยนชื่อสนาม เป็น วองก้าสเตเดี้ยม แน่นอนว่า โดนประท้วงเละเทะอีกครั้ง
การเป็นทีมใหญ่ และเป็นทีมเดียวของเมือง ทำให้แฟนบอลเจ็บปวด มาตลอด นับตั้งแต่เขาเข้ามาถือหุ้นใหญ่ของสโมสรตั้งแต่ปี 2007
อย่างไรก็ตาม หลังจาก แอชลี่ย์ ทำให้แฟนบอลไม่พอใจ (อีกแล้ว) ในการไม่ต่อสัญญา ราฟา เบนิเตซ แล้วไปเอา สตีฟ บรู๊ซ ที่เคยคุมคู่ปรับอย่าง ซันเดอร์แลนด์มาทำงานแทน แม้ว่า บรู๊ซ จะเป็นสาวกนิวคาสเซิ่ล ตั้งแต่รุ่นพ่อก็ตามแต่
เขาก็ทำให้เสียงวิจารณ์เบาบางไปพอสมควร เมื่อทุ่มเงินถึง 65 ล้านปอนด์ ซื้อนักเตะหน้าใหม่เข้ามาเสริมทัพทั้งอแล็ง แซงต์-แม็กซิแมง, โชลินตอน หรือจะเป็นการดึง แอนดี้แคร์โรลล์ กลับคืนทีม
แต่นั่นแหละ ตอนนี้ไม่มีใครสนใจเอาแกแล้ว!!!
กลุ่มทุนคนละฝั่งจากครั้งที่แล้ว
เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมปีที่แล้ว ชีค คาเล็ด บิน ซาเยดอัล เนฮายาน วัย 62 ปี มหาเศรษฐี และเป็นเครือราชวงศ์ของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นผู้ปกครองกรุงอาบูดาบีกำลังจะซื้อนิวคาสเซิ่ล ได้สำเร็จ 350 ล้านปอนด์ แต่สุดท้ายก็ดีลล่ม!!!
ท่านชีคแห่ง “บิน ซาเยด กรุ๊ป” เป็นลูกพี่ลูกน้องของ ชีค มันซูร์ บิน ซาเยด อัล นาห์ยาน เจ้าของทีม แมนเชสเตอร์ซิตี้ ดังนั้นในเรื่องของความร่ำรวยนั้น ไม่มีการยืนยันว่า ระหว่าง ชีค คาเล็ด กับ ชีค มันซูร์ ใครมีสะตุ้งสตางค์มากกว่ากัน แต่การทำงานในฐานะนักลงทุนนั้น ชีค คาเล็ด คือบุคคลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของประเทศ
ก่อนหน้านี้เมื่อปลายปี 2017 ชีค คาเล็ด เคยพยายามที่จะเข้ามาเทคโอเวอร์ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูลมาแล้ว โดยจะทุ่มเงินถึง 2,000 ล้านปอนด์ หรือกว่า 80,000 ล้านบาท แต่ถูกปฏิเสธ ก่อนจะนำมาสู่การซื้อนิวคาสเซิ่ล แล้วก็ล่มอีก
……เมื่อกลุ่ม “บิน ซาเยด กรุ๊ป” จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ถอนทัพไป หนนี้กลายเป็นอีกส่วน นั่นก็คือจากฟากฝั่งของซาอุดีอาระเบีย
โมฮัมหมัด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งประเทศซาอุดีอาระเบีย ที่ทรงสนพระทัย ที่จะเข้าเทคโอเวอร์ แมนฯ ยูไนเต็ด โดยจะให้ตัวแทนของพระองค์ทำการเข้าซื้อเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว
ซึ่งเป็น “คนละกลุ่ม” ที่เคยติดต่อ ดีลกับ ลิเวอร์พูล นั่นคือ เจ้าชาย ไฟซาล บิน ฟาฮัด อับดุลลาห์ อัล ซาอุด แห่งซาอุดีอาระเบีย เหมือนกัน
“ดิฉัน”เป็นแฟนบอลของนิวคาสเซิ่ล
สุภาพสตรีคนหนึ่งถูกจับภาพได้ว่า เข้ามาชมเกมระหว่าง นิวคาสเซิ่ล กับ ลิเวอร์พูล เมื่อ 1 ตุลาคม 2017 ในเกมที่เสมอกัน 1-1 ทั่วๆ ไปคงไม่ได้สนใจอะไรมาก คงแปลกใจว่า กล้องลืมสวิตช์หรือเปล่า ทำไมจับภาพผู้หญิงผมสั้นสีบลอนด์คนนี้นานมาก แต่ “สหายสายบอล” เคร่งคิดเครียดกันว่า ตกลงสตรีผู้นี้มาทำอะไรที่นี่
จะซื้อ ลิเวอร์พูล หรือจะซื้อนิวคาสเซิ่ล กันแน่ เพราะชื่อของ อแมนด้า สเตฟลี่ย์ ไม่ธรรมดา
เธอคือบุคคลสำคัญในการดีลระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ ชีค มันซูร์ บิน ซาเยด อัล นาห์ยาน
3 เดือนต่อมา ชื่อของเธอถูกนำไปตีข่าวหน้า 1 ว่ากำลังดีลธุรกิจให้กับกลุ่มทุนตะวันออกกลาง เพื่อมาซื้อสโมสรนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด พร้อมกับพันธมิตรหลัก “รอยเบนบราเธอร์ส” บริษัทอสังหาริมทรัพย์ และเป็นภาพชัดเจนอย่างมากเมื่อปีที่แล้ว แต่ดีลของ ชีค กับ แอชลี่ย์ ไม่จบ
ครั้งนี้มากันในมาดใหม่ ไม่ใช่กองทุนจาก “บิน ซาเยด กรุ๊ป”
สเตฟลี่ย์ นักธุรกิจหญิงวัย 47 ปี ถูกฉาบให้เป็น “เศรษฐินี” แบบเต็มรูปแบบ เป็นผู้ถือเงินมาเทคโอเวอร์ แน่นอนที่สุด เธอมาในนักบริหารจาก “พับลิค อินเวสท์เมนต์
ฟันด์” กลุ่มทุนของ ซาอุดีอาระเบีย มาซื้อทีม
กลุ่มนี้จะถือหุ้น 80 เปอร์เซ็นต์ และ “รอยเบน
บราเธอร์ส” ที่จะถือหุ้นอีก 20 เปอร์เซ็นต์
ว่ากันถึงตอนนี้กระทั่ง “บีบีซี” ยังตีข่าวว่า ขั้นตอนการเหลือเพียงตรวจสอบเรื่องเอกสารต่างๆ ของทางพรีเมียร์ลีกเท่านั้น ก็จะทำให้ นิวคาสเซิ่ล หลุดจากมือของ แอชลี่ย์ และยุติการครอบครองทีมรักยาวนานเอาไว้ที่ 13 ปี
แต่จะ “ดีลล่ม” อีกหรือเปล่า นี่สิปัญหา!!!
ใครบ้างอยากได้ทีมดังแห่งผู้ดีอีสาน
ไม่ใช่ครั้งแรก และคนแรกๆ ที่อยากจะได้ นิวคาสเซิ่ล
ไปครอบครอง.............
การเทคโอเวอร์ นิวคาสเซิ่ล เป็นประเด็นต่อเนื่องกันมาเป็นปีๆ นับตั้งแต่ แอชลี่ย์ ประกาศจะขายหุ้นทั้งหมด เมื่อ 19 ตุลาคม 2017 ภายใต้สนนราคาที่ 400 ล้านปอนด์
จากนั้นก็มากันสารพัดทั่วทิศ และแต่ละคนก็ยื่นมาแล้วทั้งนั้น แต่ถูกปฏิเสธไป
ชีค คาเล็ด บิน ซาเยด อัล เนฮายาน จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
“จีเอซีพี สปอร์ตส์” กลุ่มทุนสหรัฐ นำโดย ปีเตอร์ เคนย่อน อดีตซีอีโอแมนยูฯ-เชลซี ก็จะสนใจซื้อ
เจมส์ ปัลล็อตต้า ประธานสโมสรโรม่า ก็สนใจจะขายหุ้นมาลงทุนที่นี่
ขนาด “พริตตี้บอย” ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ยอดกำปั้นไร้พ่ายชาวอเมริกัน ก็ยังมีข่าวจะซื้อมาแล้ว
หนนี้เป็น “พับลิค อินเวสท์เมนต์ ฟันด์” กลุ่มทุนของ ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งยังไงซะ มนุษย์อย่าง แอชลี่ย์ ไม่ธรรมดา แม้ตอนนี้สถานการณ์ของโคโรนาไวรัส จะบีบให้เขาขาดทุนย่อยยับจากการขายชุดกีฬา
แต่การปล่อย “สาลิกา” ออกจากกรง....คงยากหน่อย!!!
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี