ถึงแม้ว่า “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เอฟซี จะประกาศศักดาคว้าแชมป์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลนี้ไปครองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เกมบิ๊กแมทช์ประจำค่ำคืนวันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม 2563 ที่สนามเอติฮัดสเตเดี้ยม ของ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเวลา 02.15 น.
ยังไงก็ยังเป็นเกมที่สำคัญ
มันมีความสำคัญยิ่งตั้งแต่เกมยังไม่เริ่มด้วยซ้ำไป!!!
ที่สำคัญก็คือไม่มีแชมป์เก่าทีมไหนอยากจะพ่ายแพ้โดยตรงกับให้กับแชมป์ใหม่ และในทางกลับกัน แชมป์ใหม่ก็ไม่อยากจะพ่ายให้กับแชมป์เก่าเช่นกัน...
l A Guard of Honour
ช่วงเวลาแห่งความจดจำจะเริ่มตั้งแต่ต้นเกม เมื่อ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือของแมนฯซิตี้ ยืนยันว่าทีมของเขาพร้อมที่จะยืนปรบมือเพื่อเป็นเกียรติให้กับกองทัพลูกหนังจากแอนฟิลด์ จนได้รับเสียงแซ่ซ้องจากทั่วทุกสารทิศถึงความเป็น “มืออาชีพ” ที่พร้อมจะยอมรับความสำเร็จของคู่แข่ง
ปกติแล้ว เป๊ป เป็นคนแบบนี้ตั้งแต่สมัยเป็นนักบอล นั่นคือมีความเป็นมืออาชีพสูงมาก เขาพร้อมที่จะชนะ ชนะ และชนะ เพราะนั่นคืออาชีพของเขา แต่เมื่อแพ้ เมื่อต้องเสียแชมป์ เป๊ป จะเข้าใจโลก และยอมรับกับความเป็นผู้แพ้ที่ดีอยู่เสมอ
เรื่องความเป็นมืออาชีพ และรู้จักยอมรับความจริงเป็นสิ่งที่สอนกันได้ยาก อีกทั้งมันบ่งชี้ให้เห็นถึงระดับความคิด ระดับจิตใจ แม้จะเป็นเรื่องของตัวบุคคลก็ตาม แต่การแสดงออกต่อหน้าธารกำนัล ก็ไม่ควรมาแบไต๋ความไม่เข้าใจโลกในที่สาธารณะและโล่งแจ้งแต่อย่างใด
l ไม่มีใครอยากเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
ลิเวอร์พูล มีซีซั่นที่พิเศษสุดๆ ด้วยการชนะได้ถึง 28 นัด จาก 31 นัด ในลีก จนเป็นแชมป์ด้วยจำนวนนัดที่เร็วที่สุด แม้ว่าเรื่องเวลาจะล่าช้าที่สุดก็มาจากเหตุผลที่ทุกคนทราบกันดีต่อไวรัสที่ระบาดทั่วโลก และมีหลายต่อหลายสถิติที่กำลังจะทำลาย ซึ่งสถิติเหล่านั้นสร้างเอาไว้โดย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในยุคของ เป๊ป นี่แหละ
อย่างที่กล่าวไปว่า การเจอกันในลักษณะแบบนี้ แมนฯ ซิตี้ ย่อมเจ็บปวดก่อนเล่น เพราะพวกเขาเสียแชมป์ปุ๊บ ก็ต้องมาเจอกับทีมแชมป์ใหม่ในถิ่นของตัวเองทันทีดังนั้นแม้ เป๊ป จะบอกว่า จากนี้คงเน้นในพรีเมียร์ลีกน้อยลง ไม่ได้หมายว่า พวกเขาจะไม่ตั้งใจเล่น พวกเขาอยากที่จะแพ้
เอาเข้าจริง แมนฯซิตี้ ตอนนี้เรื่องใจจะน่ากลัวมากๆที่ต้องการจะกำราบ “แชมป์ใหม่”
มองไปอีกฝั่ง ลิเวอร์พูล โล่งอกได้ฉลองแชมป์กันแล้ว ตอนนี้คิดให้ง่ายที่สุดก็คือ มีแค่สองทางเลือกก็คือ ไปต่อให้สุด กับปล่อยแบบสบายๆ
แต่เมื่อมองเห็นหน้าของผู้จัดการทีมแล้ว คุณคิดเหรอว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ จะยอมให้ทุกอย่างจบลงไปเลยในซีซั่นนี้
หากว่า เป๊ป จริงจังแก้ไขบอลแบบหลาต่อหลาแล้ว
คล็อปป์ เองก็พร้อมจะล้งเล้งลูกทีมทุกเวลาเหมือนกัน
l ความพร้อมของ “เรือใบ-หงส์แดง”
“แชมป์เก่า” ไม่มี เซร์คิโอ อเกวโร่ หัวหอกทีมชาติอาร์เจนตินา ที่บาดเจ็บ และแฟร์นานดินโญ่ ห้องเครื่องชาวแซมบ้า ที่ถอยตัวเองเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟอาชีพไปแล้วในซีซั่นนี้ เนื่องจากติดแบนจากใบแดงนัดเสียแชมป์ที่บุกไปพ่ายเชลซี ทำให้ นิโกลัส โอตาเมนดี้ จะยืนหลังกับ อายเมอริค ลาปอร์กต์ ส่วน กาเบรียล เฮซุส จะได้ยืนกองหน้าตัวจริง
“แชมป์ใหม่” หมดสิทธิใช้บริการ โฌแอล มาติ๊ปปราการหลังแคเมอรูน ที่เจ็บต้องปิดเทอมไปแล้วเช่นเดียวกับ เจมส์ มิลเนอร์ กับ เซอร์ดาน ชากิรี่ ที่ยังไม่พร้อมเช่นเดียวกัน แต่ตำแหน่งอื่นๆ คาดว่า คล็อปป์ ยังคงใช้ทัพใหญ่ลงเล่น เนื่องจากต้องการเก็บทุกคะแนนในซีซั่นแห่งความทรงจำนี้ต่อไป
l สถิติการพบกัน-ดาวยิง-ผู้นำทีม
สถิติการพบกันของคู่นี้ทุกรายการ ลิเวอร์พูล เหนือกว่าด้วยการชนะ 90 นัด เสมอ 48 แมนฯ ซิตี้ ชนะ 46 หากนับเฉพาะในลีก ลิเวอร์พูล ก็ยังดีกว่าด้วยการชนะ 82 เสมอ 42 แพ้ 43 ซึ่งการเจอกัน 10 นัดหลังสุด ซิตี้ ชนะได้แค่ 2 นัดเท่านั้นในเวลาปกติ ส่วนการพบกันซีซั่นนี้ ลิเวอร์พูล ชนะ 3-1 ที่แอนฟิลด์
นักเตะที่มีคะแนนเฉลี่ยดีที่สุดในลีกปีนี้ของ แมนฯซิตี้คือ เควิน เดอ บรอยน์ 7.88 คะแนน ตามมาด้วย ริยาด มาห์เรซ 7.57 คะแนน และ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง 7.2 คะแนน ขณะที่ดาวซัลโว คือ เซร์คิโอ อเกวโร่ 16 ประตู, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง 12 ประตู และเควิด เดอ บรอยน์ 10 ประตู ซึ่ง เดอ บรอยน์ เป็นคนที่แอสซิสต์มากที่สุดที่ 16 ประตู, ริยาด มาห์เรซ 8 ประตู และดาบิด ซิลบา 7 ประตู
ฝั่งของ ลิเวอร์พูล นั้น ซาดิโอ มาเน่ เป็นนักเตะที่ค่าเฉลี่ยในบอลลีกดีที่สุดของทีม 7.53 คะแนน ตามมาด้วยโมฮาเหม็ด ซาลาห์ 7.5 และเฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค 7.4 ขณะที่ดาราซัลโว โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซัดไปแล้ว17 ประตู, ซาดิโอ มาเน่ 15 ประตู และโรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ 8 ประตู ส่วนการแอสซิสต์ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์คือเบอร์ 1 ทีม เมื่อทำไป 12 ลูก, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน 8 ลูก และโรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ 7 ลูก
11 ตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : เอแดร์ซอน โมราเอส-ไคล์ วอล์คเกอร์, นิโกลัสโอตาเมนดี้, อายเมอริค ลาปอร์กต์, เบนฌาแม็ง เมนดี้-โรดรี้, เควิน เดอ บรอยน์, อิลคาย กุนโดกัน-ราฮีม สเตอร์ลิ่ง,ริยาด มาห์เรซ และกาเบรียล เฮซุส
ลิเวอร์พูล : อลิสซอน เบ๊คเกอร์-เทรนท์อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โจ โกเมซ, เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค,แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน-ฟาบินโญ่, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม-โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ และโรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่
อัตราต่อรอง : แมนฯซิตี้ ต่อ เสมอควบครึ่ง
บี แหลมสิงห์ ฟันธง : แบ่งแต้ม
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี