การวางมือของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ถือเป็นเรื่องที่สะท้านโลกเป็นอย่างมาก

            แฟนผีแดงหลายคน เกิดอาการกินไม่ได้นอนไม่หลับ กระส่ายกระสับตับพิการอาหารไม่ย่อย เพราะหวั่นเกรงในหัวใจว่า มันอาจจะถึงเวลา

            ที่ไปทั้งเซอร์ ไปทั้งผี!

            อย่างไรก็ตาม เมื่อสังขารเป็นสิ่งที่เหนี่ยวรั้งอะไรไว้ได้ลำบาก ก็ต้องยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น วันนี้ แนวหน้าออนไลน์ นำไทม์ไลน์ของท่านเซอร์ผู้ยิ่งใหญ่

            มาฝากเอาไว้ในความทรงจำ!

1941: เกิดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม ที่ โกแวน กลาสโกว์ ประเทศสก็อตแลนด์

1957: เริ่มต้นเล่นฟุตบอลอาชีพกับสโมสร ควีนส์ปาร์ค เอฟซี ในสก็อตแลนด์

1960: ย้ายไปค้าแข้งให้กับ เซนต์ จอห์นสโตน

1964: เลือกย้ายไปอยู่กับ ดันเฟิร์มลิน และสามารถแจ้งเกิดได้

1967: ย้ายไปร่วมทีมดังอย่าง “เดอะ ไลท์บลูส์” กลาสโกว์ เรนเจอร์ส ด้วยค่าตัว 65,000 ปอนด์

1969: ย้ายมาอยู่กับ ฟัลเคิร์ก ด้วยราคา 20,000 ปอนด์

1973: 3 ปีต่อมาย้ายมาสิ้นสุดอาชีพการค้าแข้งฟุตบอลกับ อายร์ ยูไนเต็ด

1974: เริ่มงานคุมทีมฟุตบอลอาชีพครั้งแรกกับสโมสร เอิร์ธ สเตอร์ลิ่งไซน์ และ 3 เดือนต่อมา ย้ายไปอยู่กับ เซนต์ เมียร์เรน

1978: ถูกปลดออกจากตำแหน่งกุนซือของ เซนต์ เมียร์เรน ทำให้เขาย้ายมารับงานคุมทีม อเบอร์ดีน แทนที่ของ บิลลี่ แม็คนีล

1980: พา อเบอร์ดีน คว้าแชมป์ สก็อตติช แชมป์เปี้ยนชิพ สมัยแรก

1982: พา อเบอร์ดีน ชนะ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส 4-1 คว้าแชมป์บอลถ้วยไปครอง

1983: พา อเบอร์ดีน คว้าดับเบิ้ลแชมป์บอลถ้วย โดยการชนะ เรนเจอร์ส และ ชนะ เรอัล มาดริด 2-1 ในศึกคัพ วินเนอร์ส คัพ

1984: พา อเบอร์ดีน คว้าดับเบิ้ลแชมป์ด้วยการล้ม เซลติก และ คว้าแชมป์ลีก ทำให้เขาได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้น “โอบีอี”

1985: ได้รับโอกาสคุมทีมชาติสก็อตแลนด์แทนที่ของ จ๊อก สตีน ไปลุยศึกฟุตบอลโลก 1986

1986: พาทีมชาติสก็อตแลนด์ลุยศึกฟุตบอลโลก 1986 ที่เม็กซิโก

1986 : อาร์เซนอล ติดต่อทาบทามไปคุมทัพ แต่สุดท้าย “ปืนใหญ่” เลือก จอร์จ เกรแฮม ไปทำงานแทน

1986 : 9 พฤศจิกายน เข้ามาคุมทีม “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แทนที่ รอน แอ๊ตกินสัน กุนซือจอมโอ่อ่า

1989: ทำลายสถิติการซื้อนักเตะที่สูงในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ด้วยการคว้าตัว แกรี่ พัลลิสเตอร์ จาก มิดเดิ้ลโบรช์ 2.3 ล้านปอนด์

1990: พา แมนฯยู คว้าแชมป์รายการแรกได้สำเร็จ โดยการเอาชนะคริสตัล พาเลซ 1-0 ในศึก เอฟเอ คัพ อังกฤษ นัดรีเพลย์ หากไม่ได้แชมป์นี้จะถูกปลดจากตำแหน่ง

1991: พา “ยูไนเต็ด” คว้าแชมป์ คัพ วินเนอร์ คัพ ด้วยการล้ม บาร์เซโลน่า 2-1

1992: คว้าแชมป์ ยูโรเปี้ยน ซูปเปอร์คัพ ด้วยเอาชนะ เรด สตาร์ เบลเกรด 1-0

1993: พา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ หลังจากที่ต้องรอมานานถึง 26 ปี ซึ่งในปีนี้ เขาได้คว้าตัว รอย คีน ยอดมิดฟิลด์จอมโหดมาจาก น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ด้วยราคาสูงที่สุดในเกาะอังกฤษ 3.75 ล้านปอนด์

1994: ยูไนเต็ด เป็นหนึ่งใน 6 ทีมที่สามารถคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้สำเร็จ

1995: ทำลายสถิติซื้อตัวนักเตะมากที่สุดในเกาะอังกฤษ ด้วยการซื้อตัว แอนดี้ โคล จาก นิวคาสเซิ่ลด้วยราคา 7 ล้านปอนด์

1996: แมนฯยูไนเต็ด สโมสรแรกที่สามารถคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้ 2 ครั้ง

1997: คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 4 ครั้ง ใน 5 ฤดูกาล

1998: พาทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้อีกครั้ง

1999: พา “ปีศาจแดง” คว้า ทริปเปิ้ลแชมป์ ด้วยการล้ม บาเยิร์น มิวนิค ในนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก โดยยิง 2 ประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ

2000: เป็นแชมป์ลีก ด้วยการทิ้งห่าง อาร์เซน่อล ถึง 18 คะแนน

2001: ทำสถิติพาทีมชนะติดต่อกัน 7 นัดในรอบ 9 ปี ประกาศว่าจะรีไทร์ ก่อนเปลี่ยนใจคุมทัพต่อเพราะบอร์ดบริหารห้ามไว้

2002: ขยายสัญญากับทีมออกไปอีก 3 ปี

2003: เตะสตั๊ดใส่คิ้วของ เดวิด เบ็คแฮม และต่อจากนั้น เขาตัดสินใจขาย หนุ่มเบ๊คส์ ให้กับ เรอัล มาดริด เนื่องจากไม่ชอบการจุ้นจ้านของ วิคตอเรีย เมียเบ๊คแฮม

2004: พาทีมคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ และ ซื้อ เวย์น รูนีย์ จาก เอฟเวอร์ตัน ด้วยค่าตัว 27 ล้านปอนด์

2005: แพ้ อาร์เซน่อล ในรอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ในการดวลจุดโทษ

2007: คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แต่พ่ายให้กับ เชลซี ในรอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ช่วงต่อเวลา

2008: เอาชนะ เชลซี ด้วยการดวลจุดโทษในศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก รอบชิงชนะเลิศ

2009: เข้าชิง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่พ่ายให้กับ บาร์เซโลน่า 0-2

2011: ถูกปรับ 30,000  ปอนด์ หลังจากที่ไปด่าผู้ตัดสิน มาร์ติน แอ็ตกินสัน และพ่าย บาร์ซ่า อีกครั้งชวดเจ้ายุโรป

2012: เสียแชมป์ลีกในเกมสุดท้ายให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

2013: พาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก สมัยที่ 20 และวางมือหลังจบฤดูกาล ปิดตำนานด้วยการคว้า 38 แชมป์ตลอดการคุมทีม 26 ปี 6 เดือน