การที่เราจะมีผิวพรรณที่สดใส สุขภาพดีเรียบตึง ชุ่มชื้น ดูอ่อนเยาว์ ไร้รอยเหี่ยวย่นได้นั้น เราต้องเพิ่มสารตัวหนึ่งคือ คอลลาเจน เพื่อเสริมสร้างคอลลาเจนให้กับผิวหนัง แล้วคอลลาเจนเกี่ยวข้องอย่างไรกับการลดรอยเหี่ยวย่น เรามาทำความรู้กับคอลลาเจนกันดีกว่า
คอลลาเจน (Collagen) หรือ Kolla เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งในร่างกาย ทำหน้าที่ประสานโครงสร้างต่างๆ ของร่างกายเข้าด้วยกัน ร่างกายของคนเราประกอบด้วยคอลลาเจนมากถึง 1 ใน 3ของโปรตีนทั้งหมดที่มีอยู่ในร่างกาย พบมากที่ผิวหนัง กล้ามเนื้อ เส้นเอ็นกระดูกและอวัยวะอื่นๆ ของร่างกาย โดยผิวหนังมีคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบถึง 70% จึงทำให้ผิวพรรณดูสดใส เรียบตึงชุ่มชื้น ดูอ่อนเยาว์ไม่หย่อนคล้อย
คอลลาเจนพบได้ทุกแห่งในร่างกาย จากการศึกษาพบว่ามีทั้งสิ้น 28 ชนิด และกว่า 90% ของคอลลาเจนที่พบในร่างกายเป็นชนิดที่ 1 ซึ่งเกี่ยวพันกับผิวหนัง กระดูก ฟัน เอ็นข้อต่อส่วนห่อหุ้มร่างกาย
ในวัยเด็ก ร่างกายสามารถสร้างคอลลาเจนได้เอง แต่การสร้างเริ่มลดลงเมื่ออายุ 20 ปี และพบว่าในผู้หญิงจะลดลงมากกว่าผู้ชาย เมื่อระดับของคอลลาเจนลดลงก็จะทำให้ความยืดหยุ่นและสภาพความแข็งแรงของโครงสร้างอวัยวะต่างๆ ของร่างกายลดลงด้วย ส่งผลให้สูญเสียความแข็งแรงของผิวหนัง จึงทำให้เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่น ผิวแห้งกร้าน และอวัยวะต่างๆ เกิดการหย่อนคล้อย
อย่างไรก็ตามเราสามารถเสริมสร้างคอลลาเจนให้แก่ร่างกาย เพื่อลดรอยเหี่ยวย่นได้ด้วยการรับประทาน หรือวิธีการฉีดคอลลาเจนเข้าใต้ชั้นผิวหนังแท้ แต่วิธีการฉีดนั้นค่อนข้างยุ่งยาก เนื่องจากต้องใช้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
คอลลาเจน เป็นโปรตีนที่มีโครงสร้างโมเลกุลใหญ่ร่างกายดูดซึมได้ยาก จำเป็นต้องผ่านกระบวนการให้ความร้อนและย่อยสลายด้วยเอ็นไซม์ เพื่อให้ได้คอลลาเจนที่มีขนาดโมเลกุลเล็กลงในรูปของไดเปปไทด์ ไตรเปปไทด์ หรือกรดอะมิโน เพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมเข้าทางลำไส้เล็กได้และให้ร่างกายได้ประโยชน์สูงสุด ซึ่งกระบวนการย่อยสลายนี้จะทำให้ได้คอลลาเจน 3 ประเภท ได้แก่ คอลลาเจนไฮโดรไลเซท คอลลาเจนเปปไทด์ คอลลาเจนไตรเปปไทด์ ซึ่งคอลลาเจนไตรเปปไทด์สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีที่สุด เนื่องจากมีขนาดโมเลกุลเล็กสุด
การย่อยสลายคอลลาเจนด้วยเอ็นไซม์จะได้คอลลาเจนที่มีโมเลกุลเล็กลง แต่ก็จะมีบางส่วนถูกทำลายไปทำให้ร่างกายไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งปัจจุบันได้มีการค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับการสกัดคอลลาเจนให้ได้โครงสร้างที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างสูงสุด ซึ่งคือการสกัดเย็นนั้นเอง ซึ่งเป็นการสกัดที่อุณหภูมิ 4-8 องศาเซลเซียส ด้วยกระบวนการพิเศษ ทำให้ได้คอลลาเจนที่มีโครงสร้างสมบูรณ์ครบ 30 สายตามธรรมชาติ เรียกว่า คอลลาเจนสด
แหล่งอาหารที่มีคอลลาเจน จะมีทั้งในพืชผัก ผลไม้ และในสัตว์ตัวอย่างในพืช เช่น สาหร่ายทะเล เทา (สาหร่ายน้ำจืดชนิดหนึ่ง) ถั่วเหลืองเห็ดทุกชนิด หัวบุก เซเลอรี พริกหวานสีแดง หน่อไม้ฝรั่ง มะม่วงหิมพานต์ มะเขือเทศ บลูเบอรี่ อะโวคาโด ส้มโอ แอปเปิ้ล แก้วมังกร แตงกวา ผักโขม แครอท ขึ้นฉ่าย เป็นต้น
ตัวอย่างในสัตว์ เช่น ปลาทะเลน้ำลึก ปลาทู ปลากระเบน เป็นต้น แต่ในสัตว์จะมีคอลลาเจนมากกว่าในพืช และเพื่อให้การกินเพิ่มคอลลาเจนของเราได้ผลอย่างที่ตั้งใจ ต้องกินอาหารที่มีวิตามินซีร่วมด้วย จำพวกผัก ผลไม้ เช่น ฝรั่ง ส้ม ส้มโอ มะม่วง มะละกอสุก ขี้เหล็ก มะรุม สะเดา คะน้า บร็อกโคลี มะเขือเทศ เป็นต้น เพราะช่วยให้ร่างกายเราสามารถดูดซึมวิตามินซีมาใช้ในการเสริมสร้างคอลลาเจนให้แข็งแรง
แหล่งของคอลลาเจนในปัจจุบันที่ใช้มากที่สุดคือคอลลาเจนจากวัว แต่เมื่อเกิดการระบาดของโรควัวบ้า ทำให้ผู้บริโภคหันไปให้ความสนใจคอลลาเจนจากแหล่งอื่นๆ มากขึ้น โดยเฉพาะคอลลาเจนสกัดเย็นจากเห็ดเป๋าฮื้อ (Abalone collagen)
การชะลอการสลายตัวของคอลลาเจน แม้ว่าคงก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีจะทำให้มีสารพัดวิธีในการเพิ่มคอลลาเจนเข้าสู่ร่างกายเพียงใด แต่หากเรายังใช้ชีวิตในแบบที่เร่งการสลายตัวของคอลลาเจน ก็ยากที่จะยื้อผิวสวยใสเอาไว้ได้ วิธีที่ดีที่สุดคือต้องใช้หลายวิธีควบคู่กันไป อาทิ 1.กินอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ เน้นผักผลไม้ให้มาก เลี่ยงอาหารจำพวกแป้ง และน้ำตาลที่เป็นตัวการของผิวแก่ก่อนวัย 2.กินอาหารที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่ เบต้าแคโรทีน วิตามินซี วิตามินอี 3.รักษาความชุ่มชื้นให้ผิวพรรณ ด้วยการดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ และใช้ผลิตภัณฑ์เพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิว 4.หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง โดยเฉพาะแดดในช่วงเที่ยง และบ่าย 5.ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ เพื่อให้เลือดลมไหลเวียนดี และ 5.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ พยายามอย่านอนดึก และงด หรือลดบุหรี่ แอลกอฮอล์
ประโยชน์ของการเพิ่มอาหารที่มีคอลลาเจนยังมีผลดีอีกคือ ลดอาการเจ็บและเมื่อยล้าของข้อต่อ ทำให้เคลื่อนที่ได้อย่างอิสระโดยไม่มีอาการเจ็บ รวมทั้งช่วยให้รับแรงกระแทกจากการเดินและกิจกรรมต่างๆ ได้ดี
ภัทรนันท์ กมลนัทธ์
ศูนย์ทดสอบและมาตรวิทยา
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี