ศึกฟุตบอลยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2020 ประจำคํ่าคืนวันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม กลุ่ม A2“สิงโตคำราม” อังกฤษ ที่ชนะ 1 เสมอ 1มี 4 แต้ม จะเปิดถิ่นเวมบลีย์ สเตเดี้ยม รับการมาเยือนของจ่าฝูงอย่าง “ปีศาจแดงแห่งยุโรป”เบลเยียม ที่ชนะมา 2 นัดรวด เตะในเวลา 23.00 น.
สภาพความพร้อมเจ้าถิ่น อังกฤษ ชุดนี้ไม่ได้เรียก ราฮีม สเตอร์ลิ่ง แนวรุกจากแมนฯซิตี้ เข้ามาติดทีมเนื่องจากมีปัญหาอาการบาดเจ็บส่วนในรายของ เบน ชิลเวลล์, ยังกักตัวมีความสุ่มเสี่ยงว่าจะติดโควิด-19 ทำให้ในตำแหน่งวิงซ้ายคีแรน ทริปเปียร์ ต้องไปประจำการแทน ส่วนแทมมี่ อบราฮัม และจาดอน ซานโช่ ที่ตอนแรกถูกกักตัวเกมนี้จะพร้อมใช้งานแล้ว นอกนั้นบรรดาแข้งตัวหลักที่ได้พักจากเกมอุ่นเครื่องที่ถล่ม เวลส์ 3-0 จะคืนตัวจริงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นแฮร์รี่ แม็คไกวร์, จอร์แดน พีคฟอร์ด, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, มาร์คัส แรชฟอร์ด และแฮร์รี่ เคน
ทางฝั่งผู้มาเยือน เบลเยียม เกมล่าสุดอุ่นเครื่องเสมอกับ ไอวอรี่ โคสต์ 1-1 แต่ไม่น่าแปลกใจเพราะขนสำรองลงเล่นแบบยกชุด แต่เกมนี้เบื้องต้นไม่มี ธีโบต์ กูรก์ตัวส์ และเอแดน อาซาร์สองดาวเตะจาก เรอัล มาดริด ที่บาดเจ็บส่วนในรายของ ดรีส์ เมอร์เท่นส์ ต้นสังกัดอย่าง นาโปลี ในอิตาลี นั้นสุ่มเสี่ยงกับการติดโควิด-19ไม่น่ามีส่วนร่วมกับทีมชุดนี้ ทำให้ชุดนี้จะหวังพึ่ง เควิน เดอ บรอยน์ และยานนิค การ์ราสโก้ คอยทำเกมรุกสนับสนุนหน้าเป้าอย่าง โรเมลู ลูกากู
สถิติการพบกันของทั้งสองทีมเจอกันมา5 ครั้ง ถือว่าสูสีกันเป็นอย่างมากผลัดกันชนะได้ทีมละ 2 ครั้ง และเสมอ 1 ครั้ง ส่วนเกมล่าสุดที่เจอกันเป็นในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบชิงอันดับ 3 เบลเยียม เอาชนะไปได้ 2-0 จากการทำประตูของ โธมัส มูนิเยร์ และเอแดน อาซาร์
อีกเกมที่น่าสนใจขยับมาที่กลุ่ม A3 เป็นการดวลกันของสองชาติที่ครองแชมป์โทรฟี่ใหญ่อย่าง แชมป์โลก “ตราไก่” ฝรั่งเศส จะเปิดถิ่นสต๊าด เดอ ฟร้องซ์ รับการมาเยือนของแชมป์ยูโร “ฝอยทอง” โปรตุเกส ซึ่งทั้งคู่ต่างชนะมา 2 เกมรวด มี 6 คะแนนเท่ากัน แถมเป็นเกมรีแมทช์นัดชิงชนะเลิศยูโร 2016 ด้วย
สภาพความพร้อมเจ้าถิ่น ฝรั่งเศส เกมนี้ตามรายงานจะไม่มี ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ ที่แม้จะมีชื่อแต่ไม่สมบูรณ์ ขณะที่ ลีโอ ดูบัวส์ ถอนตัวออกไปเพราะตรวจเจอติดเชื้อโควิด-19 นอกนั้นไม่น่ามีปัญหาอะไร เชื่อว่า ดิดิเย่ร์ เดสชองส์เตรียมกลับมาใช้นักเตะตัวหลักในเกมนี้ หลังจากที่โรเตชั่นทีมในเกมอุ่นเครื่องที่ถล่ม ยูเครน มา 7-1เอ็นโกโล่ ก็องเต้ จะยืนคู่กับ ปอล ป๊อกบา ในแดนกลาง แนวรุกใช้ อองตวน กรีซมันน์, คิลิยัน เอ็มบัปเป้ และโอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ เป็นสามประสาน
ทางฝั่งทีมเยือน โปรตุเกส เพิ่งลงอุ่นเครื่องเสมอกับ สเปน มาแบบไร้สกอร์ 0-0 ชุดนี้ไม่มี อองโตนี่ โลเปส และโชเซ่ ฟอนต์ ที่ติดโดวิด-19 ส่วนแบ๊กซ้ายอย่าง มาริโอ รุย บาดเจ็บ ซึ่งดูแล้วคงไม่ส่งผลอะไร เพราะแกนหลักถูกเรียกเข้ามาถือว่าฟูลทีม คาดว่ากุนซือ เฟอร์นานโด ซานโต๊ส เตรียมจัดชุดใหญ่เต็มสูบวาง ดานิโล่ เปเรยร่า คุมแดนกลางร่วมกับ ชูเอา มูตินโญ่ และบรูโน่ แฟร์นันด์สส่วนแนวรุกใช้ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ประสานงานกับ ชูเอา เฟลิกซ์ และคริสเตียโน่ โรนัลโด้
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 5 ครั้ง หลังสุดฝรั่งเศส เหนือกว่าชนะได้ถึง 4 ครั้ง ส่วนอีก 1 ครั้งเป็นการเจอกันเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 รอบชิงชนะเลิศ เสมอกันในเวลาปกติ 0-0 ต้องต่อเวลาพิเศษ โปรตุเกสมาได้ประตูชัยจาก เอแดร์ คว้าแชมป์ยูโรไปครอง ดับฝันเจ้าภาพคาถิ่น สต๊าด เดอ ฟร้องซ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี