การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กลับมาดวลแข้งกันอีกครั้งในสัปดาห์ที่ 5 หลังจากหมดช่วงพักเบรกทีมชาติ ซึ่งการเตะในวันเสาร์นี้มีทั้งสิ้น 4 คู่ ประเดิมด้วยเกมเมอร์ซ่ีย์ไซด์ ดาร์บี้ครั้งที่ 288 ระหว่าง “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน ทีมจ่าฝูงของตาราง เปิดกูดิสัน พาร์ค ต้อนรับการมาเยือนของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ทีมแชมป์เก่า ในเวลา 18.30 น. โดยเกมคู่นี้ถ่ายทอดสดผ่านทางช่องพีพีทีวี เอชดี 36
ความพร้อมเจ้าถิ่นที่ชนะมา 4 เกมรวดนำจ่าฝูงของตารางกดไป 12 ประตู ยังรอเช็คฟิต เยอร์รี่ มิน่า เจ็บมาจากการไปรับใช้ทีมชาติโคลอมเบีย ทำให้ เบน ก็อดฟรีย์ กองหลังตัวใหม่ที่ได้มาจากนอริช มีลุ้นลงประเดิมสนามทันที นอกนั้นไม่มีอะไรให้ คาร์โล อันเชล็อตติ ต้องกังวลใจแถมยังได้ อัลลัน ที่หายเจ็บกลับมาคุมแดนกลางร่วมกับ อับดูลาย ดูคูเร่ และอันเดร โกเมส ส่วนแนวรุกวาง ฮาเมส โรดริเกวซ เล่นกับโดมินิค คัลเวิร์ต-เลวิ่น และริชาร์ลิซอน
ทีมเยือน “หงส์แดง” แชมป์เก่า ภายใต้การคุมทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องเรียกสติกลับมาอย่างเร่งด่วนหลังจากไปโดน แอสตันวิลล่า ถล่มเละ 7-2 ก่อนเบรกทีมชาติ ได้รับข่าวดีเมื่อนักเตะที่ติดโควิด-19 อย่าง ซาดิโอ มาเน่ และธิอาโก้ อัลคันทาร่า กลับมาซ้อมแบบเต็มสูบได้แล้ว พร้อมกันนี้เชื่อว่า คล็อปป์ จะเข็น จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมที่เจ็บไปสองสัปดาห์ แต่กลับมาเล่นทีมชาติได้แล้ว 15 นาที ลงเป็นตัวจริงในแดนกลาง เพื่อช่วงชิงพื้นที่และปิดช่องว่างในเกมด้านข้าง ส่วนที่เล่นไม่ได้คือ อลิสซอน เบ็คเกอร์ นายด่านมือหนึ่งที่บาดเจ็บ ทำให้ในตำแหน่งผู้รักษาประตูยังคงเป็นเครื่องหมายคำถามว่าจะใช้ใครระหว่าง อาเดรียน ที่ผิดพลาดแบบโจ๋งครึ่มในเกมล่าสุด กับดาวรุ่งมือสามอย่าง ควีวีน เคลเลเฮอร์
11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนามของทั้งสองทีม
เอฟเวอร์ตัน (4-3-3): จอร์แดน พีคฟอร์ด, เซมุส โคลแมน,ไมเคิ่ล คีน, เบน ก็อดฟรีย์, ลูก้าส์ ดีญ, อันเดร โกเมส, อัลลัน,อับดูลาย ดูคูเร่, ฮาเมส โรดริเกซ, โดมินิค คัลเวิร์ต-เลวิ่น และริชาร์ลิซอน
ลิเวอร์พูล (4-3-3): อาเดรียน, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โจ โกเมซ, เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ธิอาโก้ อัลคันทาร่า, จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม,โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และซาดิโอ มาเน่
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 287 ครั้ง ลิเวอร์พูล เหนือกว่าชัดเจนด้วยการชนะ 121 นัด เสมอ 84 เอฟเวอร์ตัน ชนะ 82 โดยที่ “หงส์แดง” ไม่เคยปราชัยในทุกรายการนับตั้งแต่ 17 ตุลาคม2010 หรือไม่แพ้เลย 22 เกมที่ดวลกัน โดยตลอด 10 เกมหลังสุดที่พบกัน “หงส์แดง” ชนะได้ 6 ครั้ง และเสมอ 4 ครั้ง ซึ่งทั้งสองทีมเพิ่งเจอกันไปเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน เป็นเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ หลังพักเบรกจากโควิด-19 ร่วม 3 เดือน เล่นที่กูดิสัน พาร์ค เสมอกันไป 0-0 ส่วนครั้งสุดท้ายที่ เอฟเวอร์ตัน ชนะคือสกอร์ 2-0
ทั้งนี้ เอฟเวอร์ตัน เป็นจ่าฝูงก่อนเตะเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้หนแรกนับตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน ปี 1989 หรือ 31 ปีที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นพวกเขาสตาร์ท 6 นัดแรกชนะไป 4 แพ้แค่นัดเดียว ก่อนจะพ่ายให้ ลิเวอร์พูล 1-3
ขณะที่คู่ปะทะเวลา 23.30 น. เป็นอีกหนึ่งบิ๊กแมทช์ ประจำวัน “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดรังเอติฮัต สเตเดี้ยม ต้อนรับการมาเยือนของ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ซึ่งจะเป็นการปะทะฝีมือกันระหว่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือเรือ กับอดีตมือขวาสามัคคี มิเกล อาร์เตต้า ที่ปัจจุบันรับงานถือบังเหียนกันเนอร์ส
แมนฯซิตี้ ฟอร์มแปลกๆ สามวันดีสี่วันป่วย อยู่อันดับที่ 14 เจอปัญหาใหญ่เมื่อต้องเช็คความฟิตของ เควิน เดอ บรอยน์ และราฮีม สเตอร์ลิ่ง สองคีย์แมนสำคัญในเกมรุก โดยหลังเพิ่งเจ็บจากเกมทีมชาติจนต้องถอนตัวออกมา ส่วนที่เจ็บอยู่ก่อนหน้านี้มีโอเล็กซานเดอร์ ชินเชนโก้, เซร์คิโอ้ กุน อเกวโร่ และกาเบรียลเฮซุส 5 ถ้าหาก เดอ บรอยน์ ลงไม่ได้ อิลคาย กุนโดกัน ที่หายจากโควิด-19 จะเสียบแทน ที่เหลือไม่มีปัญหาอะไรโดยเฉพาะแนวรับที่อยู่กันครบ
ทีมเยือนหมดสิทธิ์ใช้งาน คัลลั่ม แชมเบอร์ส, กาเบรี่ยล มาร์ติเนลลี่ และปาโบล มารี ส่วน คีแรน เทียร์นีย์ ที่ต้องแยกกักตัวในแคมป์ทีมชาติต้องรอดูว่าจะลงเล่นได้หรือไม่ ถ้าหากลงไม่ได้ คาดว่า มิเกลอาร์เตต้า อาจจะเลือกปรับทัพวุ่นอีกครั้ง ขณะที่ตัวใหม่อย่าง โธมัส ปาร์เตย์ ลุ้นมีชื่ออยู่ในม้านั่งสำรองไปก่อน โดยตัวคุมแดนกลางหวยน่าจะออกที่ โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ กับ กรานิต ชาก้าส่วนแนวรุกมี วิลเลี่ยน เล่นกับอเล็กซองดร์ลากาแซตต์ และปีแอร์-เอเมอริค โอบาเมยังที่น่าจะผ่านความฟิต
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 10 ครั้งหลังสุด แมนฯซิตี้ เหนือกว่าเยอะเอาชนะได้ถึง7 ครั้ง เสมอ 1 ส่วน อาร์เซนอล ชนะ 2 ครั้ง โดยเกมล่าสุดที่พบกันคือนัดชิงเอฟเอ คัพ ฤดูกาลที่แล้วเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2020 อาร์เซนอล ชนะได้ 2-0 จากการเหมาของ ปีแอร์ เอเมอริค-โอบาเมยัง
ทางด้าน “สิงห์บลูส์” เชลซี ที่รั้งอันดับ 7 ของตารางจากผลงานชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 1 เกมล่าสุดฟอร์มร้อนแรงถล่ม คริสตัล พาเลซ มา 4-0 สภาพความพร้อมได้รับข่าวดีเมื่อ ฮาคิม ซีเย็ค และคริสเตียน พูลิซิซ หายเจ็บกลับมาซ้อมได้แล้ว มีลุ้นลงสนามในเกมนี้ ส่วน เบน ชิลเวลล์ และเอ็นโกโล่ ก็องเต้ ตามรายงานบาดเจ็บเล็กน้อย ขณะที่ เอดูอาร์เมนดี้ ก็เดี้ยงมาจากการรับใช้ทีมชาติเซเนกัล ทำให้เกมนี้มีแนวโน้มว่า เกปา อาร์ริซาบาลาก้า จะกลับมาเฝ้าเสา ที่เหลือไม่มีปัญหาอะไรจอร์จินโญ่ คุมแดนกลางร่วมกับ มัตเตโอ โควาซิซ แนวรุกอาจมีชื่อของ พูลิซิซ ที่จะลงมาประสานงานร่วมกับ ไค ฮาแวร์ตซ์, เมสัน เมาท์ และติโม แวร์เนอร์
ทีมเยือน “นักบุญแห่งแดนใต้” ขาดตัวจี๊ดอย่าง มุสซ่า เฌเนโป ที่บาดเจ็บ ส่วนสจ๊วต อาร์มสตรอง เพิ่งจะกลับมาซ้อมได้ไม่ถึง 2 วัน แต่ข่าวดีได้ นาธาน เรดม่อนด์ หายเจ็บกลับมาประจำการทางกราบซ้าย ส่วนตรงกลางเป็นหน้าที่ของ โอริโอล โรเมอู และเจมส์ วอร์ด-พราว์ส ทางด้านปีกขวา ธีโอ วัลค็อตต์น่าจะได้ลงประเดิมสนามเกมแรกทันที คอยป้อนบอลให้กับคู่หัวหอกอย่าง เช อดัมส์ และแดนนี่ อิงส์
ส่วนคู่ดึกสุด 02.00 น. “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ที่ผลงานใช้ได้ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 1 มี 7 คะแนนรั้งอันดับ 9 ของตาราง เกมนี้สตีฟ บรูซ ยังหมดสิทธิ์ใช้งาน มาร์ติน ดูบราฟก้านายด่านมือหนึ่งที่บาดเจ็บ เช่นเดียวกับ ดไวท์ เกลย์ และแมตต์ ริชชี่ ส่วนข่าวดี อแลง แซงต์-มักซิแม็ง น่าจะสมบูรณ์พร้อมเป็นตัวจริงประสานงานกับ โชเอลินตอน และคัลลั่ม วิลสันในแนวรุก
ทีมเยือน “ปีศาจแดง” ที่กำลังย่ำแย่หนัก เล่นมา 3 นัด ชนะ 1 แพ้ไปถึง 2 จนหล่นไปรั้งอันดับ 16 ของตาราง เกมล่าสุดโดน สเปอร์ส ถลุงคารังโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 6-1 ความพร้อมไม่มี อองโตนี่ มาร์กซิยาล แนวรุกที่ติดโทษแบน ทำให้เกมรุกอาจจะต้องให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด ไปยืนหน้าเป้า แล้วขนาบด้วย แดเนี่ยลเจมส์ กับ เมสัน กรีนวู้ด นอกนั้นไม่มีปัญหาอะไรตัวหลักอย่าง ปอล ป๊อกบา และบรูโน่ แฟร์นันด์ส พร้อมลงเล่นได้หมด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี