ต้องยอมรับว่าปัจจุบัน “โรคซึมเศร้า” หรือ Clinical depression เป็นปัญหาสุขภาพที่กำลังคุกคามคุณภาพชีวิตของคนไทย จากรายงานของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พบว่า ขณะนี้ประชากรโลกป่วยเป็นโรคซึมเศร้ารวมกันมากกว่า 300 ล้านคน ส่งผลเสียต่อการดำเนินชีวิตในหลายๆ ด้าน ทั้งความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง อาชีพการงาน สุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตให้แย่ลง เนื่องจากผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้าจะมีอารมณ์เศร้าเกือบตลอดเวลา เริ่มสนใจการทำงานและกิจกรรมที่เคยให้ความสำคัญลดลง นอนไม่หลับหรือนอนหลับนานกว่าปกติ รู้สึกวุ่นวายกระวนกระวายใจ เก็บตัว รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีสมาธิ ขาดความมั่นใจ ลังเลโลเลอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อารมณ์และพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลง ความทรงจำแย่ลง ขาดสมาธิในการทำกิจกรรมประจำวัน รวมไปถึงทัศนคติในด้านลบต่อตนเองที่อาจรุนแรงจนถึงขั้นนำไปสู่การฆ่าตัวตายได้ซึ่งแน่นอนว่าหากได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วก็จะช่วยให้อาการดีขึ้น
สำหรับการรักษาโรคซึมเศร้าในปัจจุบัน ขั้นแรกผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการประเมินความรุนแรงของอาการเพื่อเข้ารับการรักษาด้วยยาและการทำจิตบำบัดจากจิตแพทย์ โดยส่วนใหญ่จิตแพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าออกกำลังกาย เดินทางไปท่องเที่ยวเพื่อผ่อนคลาย หรือทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่นให้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญไม่น้อยกว่าการทานยาต่อเนื่องและการฟื้นฟูสภาพจิตใจคือ “อาหาร” ตัวช่วยที่จะทำให้การฟื้นฟูสำหรับกลุ่มอาหารที่
นักวิชาการโภชนาการแนะนำประกอบไปด้วย
1.อาหารที่มีโอเมก้า-3 กรดไขมันไม่อิ่มตัว เพราะมีส่วนช่วยในการยับยั้งการสร้าง Prostaglandin 2 (PGE2), Cytokine IL-1, Cytokine IL-6, TNF-α และ IFN-g ซึ่งเป็นสารสำคัญที่ก่อให้เกิดการอักเสบของเซลล์ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคซึมเศร้า แต่ในทางตรงข้ามหากร่างกายได้รับโอเมก้า 3 ไม่เพียงพอ จะส่งผลให้การทำงานของเซโรโทนิน นอร์เอพิเนฟริน และโดปามีนในสมองทำงานผิดปกติ สำหรับอาหารที่มีโอเมก้าสูงและคนไทยหารับประทานได้ง่าย ได้แก่ ปลานิล ปลาช่อน ปลาสวาย ปลากราย ปลาทูปลาอินทรี ปลากะพง ปลาแซลมอน ปลาแมคเคอเรล ปลาทูน่าเมล็ดฟักทอง เมล็ดเจีย น้ำมันถั่วเหลือง ถั่วแระ นมแพะ นมแกะผักใบเขียว ผักโขม เป็นต้น
2.อาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโพด ลูกเดือย เผือก มัน ฟักทอง โดยเฉพาะข้าวกล้องงอก เนื่องจากมี GABA หรือ Gamma-Aminobutyric acid ปริมาณสูงที่มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มปริมาณสาร BDNF หรือ Brain-Derived Neurotrophic Factor และเซโรโทนีนในสมอง ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคซึมเศร้าและกระตุ้นกระบวนการจดจำ
3.อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารอนุมูลอิสระ จากการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์พบว่า สังกะสี ซีลีเนียม วิตามินบี12 วิตามินซี วิตามินอี อัลบูมิน ทริปโตเฟน ไทโรซีน โคเอนไซม์ คิว10 แอนโทไซยานิน กรดแกลลิก ในอาหารจะช่วยบรรเทาอาการของโรคซึมเศร้าทางด้านเซลล์ประสาท กระตุ้นการทำงานของสารสื่อสมอง ลดการอักเสบของเซลล์ได้ นอกจากนี้ อาหารที่มีแมกนีเซียมสูงยังแสดงประสิทธิภาพการรักษาผู้ป่วยภาวะต้านยารักษาโรคซึมเศร้าได้อีกด้วย สำหรับอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารอนุมูลอิสระที่นักโภชนาการแนะนำให้ผู้ป่วยโรคซึมเศร้ารับประทาน ได้แก่ ไข่ กล้วย เห็ด น้ำอัญชัน น้ำลำไย
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมีอาหารสำหรับผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่ควรรับประทานแล้วก็ต้องมีอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่ควรแตะต้องโดยเด็ดขาด ได้แก่
1.อาหารที่มีปริมาณน้ำตาลสูง เช่น ขนมไทย เบเกอรี่ น้ำหวาน น้ำอัดลม ธัญพืชขัดสี เพราะนอกจากจะส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงแล้ว ยังทำให้ร่างกายเกิดภาวะเครียด ไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า นอกจากนี้ ยังเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานตามมาอีกด้วยซึ่งการเป็นโรคเรื้อรังยังเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคซึมเศร้ามากกว่าคนปกติถึง 2 เท่าอีกด้วย
2.อาหารประเภทไส้กรอกและถั่วปากอ้า เนื่องจากอาหารทั้ง 2 ประเภทนี้มีปริมาณสารไทรามีนสูง ซึ่งจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของยารักษาโรคซึมเศร้า
3.อาหารที่มีส่วนผสมของกาเฟอีนสูง เพราะจะทำให้ตื่นตัว รู้สึกกระวนกระวายใจ นอนไม่หลับ สุดท้ายจะทำให้อาการซึมเศร้าแย่ลง
4.อาหารที่มีสารทดแทนความหวาน มีการศึกษาพบว่า เครื่องดื่มที่มีสารทดแทนความหวานจะทำให้อาการของโรคซึมเศร้าแย่ลง ในขณะที่ผู้ที่ไม่มีภาวะซึมเศร้าดื่มเครื่องดื่มประเภทนี้จำนวน 4 แก้วต่อวัน จะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคซึมเศร้าได้มากกว่าปกติถึง 3 เท่า
5.น้ำผลไม้บางชนิด ได้แก่ น้ำในตระกูลส้ม เสาวรส น้ำองุ่นหรือเกรฟฟรุต เป็นต้น เนื่องจากทำให้ยาโรคซึมเศร้าบางชนิดมีประสิทธิภาพในการรักษาลดลง
จะเห็นได้ว่าอาหารหลายชนิดมีความสัมพันธ์กับการรักษาโรคซึมเศร้า แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีภาวะโรคซึมเศร้าการเลือกรับประทานอาหารก็มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคซึมเศร้า เนื่องจากการศึกษาเปรียบเทียบข้อมูลการรับประทานอาหารของอาสาสมัครข้าราชการวัยกลางคนจำนวน 2 กลุ่ม เป็นเวลา 5 ปี โดยนักวิจัยของมหาวิทยาลัยคอลเลจ ลอนดอนพบว่า อาสาสมัครที่รับประทานปลา ผัก และผลไม้มีความเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้าน้อยที่สุดเพียง 28% ต่างจากอาสาสมัครที่รับประทานอาหารแปรรูป ธัญพืชขัดสี อาหารที่มีรสชาติหวานมีความเสี่ยงน้อยที่สุดถึง 58% แสดงให้เห็นว่าการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ อุดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามินนั้น นอกจากจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงห่างไกลจากโรคเรื้อรังอื่นๆ แล้ว ยังมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคซึมเศร้าได้ในอนาคตอีกด้วย
วัชรี กัลยาลัง
ศูนย์ความหลากหลายทางชีวภาพ
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี