“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เอฟซี ทีมแชมป์เก่าพรีเมียร์ลีกและแชมป์ยุโรป 6 สมัย ระเบิดบุกไปทะลวงไส้ อตาลันต้า แหลกคาแบร์กาโม่ 5-0 ในการเตะฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกรอบแบ่งกลุ่ม 32 ทีมสุดท้าย นัดที่ 3 เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมาที่ประเทศอิตาลี ทำให้ ลิเวอร์พูล กำชัยได้ทั้ง 3 นัดมี 9 คะแนนเต็ม
นัดนี้ ลิเวอร์พูล ได้ 5 ประตู จาก ดีโอโก้ โชต้า กดคนเดียวรัวแฮททริก นาทีที่ 16, 33 และ 54 ขณะที่ โมฮาเหม็ดซาลาห์ กับ ซาดิโอ มาเน่ ทำคนละประตูนาทีที่ 47 และ 49 ตามลำดับ ยังผลให้ “หงส์แดง” ครองจ่าฝูงกลุ่มดี จากผลงานชนะรวดทั้ง 3 นัด มี 9 คะแนนเต็ม
อย่างไรก็ตาม เจอร์เก้น คล็อปป์ ได้ให้สัมภาษณ์หลังเกมได้อย่างน่าสนใจว่า ลูกทีมของผมโดยเฉพาะ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ถึงเขาจะยิงไม่ได้แต่มีส่วนสำคัญกับการเดินทางของทีม และแฟนบอลพันธุ์แท้เท่านั้นถึงจะเข้าใจสถานการณ์ต่างๆ ภายในทีมของเรา
“บางครั้งโลกก็เป็นสถานที่ที่เลวร้าย ในช่วงเวลาที่ใครบางคนกำลังยอดเยี่ยม เหมือนกับคนคนนั้นเล่นให้ทีมมา 500 เกมติดต่อกันในทันที แต่ถ้าใครพลาดหรือฟอร์มตกไปบ้าง
บางคนก็จะลืม มันเจ็บปวดมากกับคนที่คิดแบบนี้ ดังนั้น ผมบอกทุกคนได้เลยว่า ถ้าไม่มี โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ เราจะไม่มีโอกาสได้เล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกด้วยซ้ำไป”
ทางด้าน ดีโอโก้ โชต้า ที่เล่นได้อย่างร้อนแรงและเป็นคนที่ 9 จากทั้งหมด 10 ครั้งที่มีนักเตะทำแฮททริกในแชมเปี้ยนส์ลีกให้กับสโมสรลิเวอร์พูล กล่าวว่า การยิงประตูเป็นแนวทางการเล่นฟุตบอลของผม ดังนั้น ผมมีความสุขมากๆ ที่ทำแบบนี้ได้ แต่ชัยชนะของทีมดีกว่าการทำแฮททริกที่ทำได้
สำหรับ โชต้า ซัดไปแล้วถึง 7 ประตูจากการลงสนาม 10 นัด ให้กับ ลิเวอร์พูล นับตั้งแต่ย้ายมาจาก วูล์ฟส์ เมื่อต้นซีซั่นราคา 41 ล้านปอนด์
ทางด้าน โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ปีกชาวอียิปต์ ที่ทำประตูได้ในเกมนี้เช่นกัน ก็สามารถทำยิงประตูในฟุตบอลยุโรปให้กับสโมสร รวมทั้งสิ้น 21 ประตู เท่ากับสถิติของ สตีเว่น เจอร์ราร์ดตำนานกัปตันทีม ที่สร้างเอาไว้ในรายการนี้ นอกจากนี้ เจอร์เก้นคล็อปป์ ยังทำสถิติคว้าชัยในอิตาลีได้สำเร็จเป็นครั้งแรกหลังจากก่อนหน้านี้ไม่เคยชนะเลยแม้แต่นัดเดียว
ขณะเดียวกัน “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมเต็ง 1ในรายการนี้เปิดบ้านไล่ต้อน โอลิมเปียกอส จากกรีซ ไปได้สบายแข้ง 3-0 ทำให้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นำทัพเก็บ 9 คะแนนจากการลงสนาม 3 นัด และไม่แพ้ใครมา 8 เกม
โดยที่ กาเบรียล เฮซุส มีส่วนร่วมกับประตูถึง 9 ลูกจาก 7 เกมหลังสุดที่ลงเล่นในแชมเปี้ยนส์ลีก 6 ประตู 3แอสซิสต์ ส่วน เฟร์ราน ตอร์เรส เป็นนักบอลอายุน้อยที่สุดอันดับ 3 ในประวัติศาสตร์ ที่ทำประตูต่อเนื่อง 4 นัดติดต่อกันด้วยวัย 20 ปี 248 วัน เป็นรองแค่ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ที่ทำได้อายุ 18 ปี 120 วัน และ เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาลันด์ 19 ปี 107 วัน
ส่วน “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค แชมป์เก่ารายการนี้จากเยอรมนี ยังคงเดินหน้าสร้างประวัติศาสตร์ต่อไป เมื่อเป็นทีมแรกในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่สามารถทำได้ถึง 4 ประตูภายในช่วง 15 นาทีสุดท้ายของเกม หลังจากที่พวกเขาบุกไปถล่ม “กระทิงน้อย” เรดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก 6-2 ที่ประเทศออสเตรีย
ทั้งนี้ บาเยิร์นฯ ได้ชนะเกมเยือนใน แชมเปี้ยนส์ ลีก ติดต่อกันถึง 15 นัด ขึ้นเป็นอันดับ 2 ตลอดกาล โดยตามหลังเจ้าของสถิติคือ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ทำเอาไว้ 16 เกม ระหว่างปี 2007-2010
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี