การแข่งขันฟุตบอลอุ่นเครื่องทีมชาติ  18 แมตซ์  เมื่อค่ำวันพุธที่  11 พ.ย.ที่ผ่านมา    มีผลการแข่งขันที่น่าสนใจดังนี้คือ

ที่นครลิสบอน  ประเทศโปรตุเกส    คริสเตียนโน่  โรนัลโด้  วัย  35  ปี  กัปตันทีมชาติโปรตุเกสแดนฝอยทอง  ได้ลงสนามในนามทีมชาติเป็นแมตซ์ที่ 168  มากที่สุดในโลกพบทีมชาติอันดอร่า   แล้วในฐานะผู้เล่นตัวสำรองและในนัดนี้โปรตุเกสต้อนอันดอร่าไปสบายๆ7-0 ประตู 

เขายิงประตูที่102 ให้ทีมชาติในนาทีที่ 85  โดยโค้ชทีมชาติโปรตุเกสในปัจจุบันคือนายเฟร์นงโด  ซังตูรส์  ได้เปลี่ยนเอาเขาลงสนามในนาทีที่ 75  ทีมชาติโปรตุเกสนั้นเป็นแชมป์ฟุตบอลยูโรในปี 2016 และในชุดนั้น  มีโรนัลโด้เป็นกัปตันทีมและทำหน้าที่ผู้ช่วยหัวหน้าโค้ชในแมตซ์ชิงชนะเลิศไปด้วยโดยชนะคู่ชิงชนะเลิศคือฝรั่งเศสแชมป์โลกในปี 2018  ที่รัสเซีย

สำหรับผู้ที่ทำประตูคนอื่นๆมี  เปโดร เนโต้ยิงได้ในนาทีที่ 8เปาลินโญ่  ยิงได้2ประตูในนาทีที่  29และ61  เรนาโต้ ซานเชสยิงได้1ประตูในนาทีที่ 56  เอมิลี่  การ์เซีย กองหลังของอันดอร่าทำเข้าประตูทีมตัวเองในนาทีที่56 และปิดท้ายในนาทีที่ 88 จากฝีเท้าของฌูเวา แฟลิกซ์ในนาทีที่ 88    โรนัลโด้นั้นจะต้องยิงอีก7ประตูจึงจะทำสถิติเท่ากับอาลี ดาอีร์ อดีตกัปตันทีมชาติอิหร่านที่ทำสถิติยิงประตูในนามทีมชาติได้สูงที่สุดในโลกคือ109 ประตู    

ผลคู่อื่นๆ  ทีมชาติฝรั่งเศสแชมป์โลก2สมัยใต้การคุมทีมโดยโค้ชดิดิเยร์ เดสชอมป์ เปิดบ้านที่สนามสต๊าดเดอฟรองซ์เมืองแซงต์เดอนีส์ใกล้กรุงปารีสพบฟินแลนด์แต่กลับทำประตูไม่ได้แพ้ทีมเยือนฟินแลนด์ไป  2-0    โดยมาร์กุส ฟรอสส์กับออนนี่  ลาวาคารี่ ยิงให้ทีมได้คนละประตู  ที่สนามสตาดิโอ อาเตมิโอฟรังคี่  นครฟิออเรนติน่า  อิตาลี่เจ้าบ้านต้อนหมูสนามเอสโตเนียไป4-0  โดยได้ประตูจากฝีเท้าของวินเซนโซ่ กรีโฟ่ 2 ประตู ที่เหลือได้จากฝีเท้าของเฟเดริโก แบร์กนาเดสคี่และริคาร์โด ออโซลินี่

ที่สนามโยฮันครัฟฟ์ อารีน่ากรุงอัมสเตอร์ดัม  เนเธอร์แลนด์เจ้าถิ่นเสมออดีตแชมป์โลก 1 สมัยในปี 2010  สเปน  1-1  ฝั่งสเปนยิงนำได้ก่อนจากเซคิโอ การ์นาเลส  แล้วเป็นดอนนี่  ฟานเดอเบ็คยิงตีเสมอให้อัศวินสีส้มเป็น 1-1  ที่สนามกระทิงแดงเรดบูลล์อารีน่า นครไลป์ซิก  เยอรมนี  แชมป์โลก4สมัย  เปิดบ้านพบกับสาธารณรัฐเช็ก  ก่อนจะเอาชนะไปแบบหืดจับ1-0จากฝีเท้าของดาวรุ่งลูกา  วัลชมิดท์ในนาทีที่13    อีกนัดที่บรัสเซลล์  เบลเยี่ยมปีศาจแดง ทีมอันดับ 1 ของโลกจากฟีฟ่าแรงกิ้ง  เปิดบ้านชนะทีมเยือน  สวิตเซอร์แลนด์ไปได้ 2-1  นาทีที่12  อัดเมียร์  เมห์เมดี้  ยิงให้นักเตะแดนนาฬิกาดังออกนำไปก่อน 1-0  จนถึงนาทีที่49  ครึ่งหลัง  มิชี่  บาตชูอายี่   ยิงให้ตีเสมอก่อนที่เขาจะมายิงประตูชัยได้ในนาทีที่  70

ผลคู่อื่นๆ โปแลนด์ชนะยูเครน  2-0  สโลเวเนียเสมออาเซอร์ไบจาน 0-0   ลิทัวเนียชนะเกาะแฟโร  2-1  มอลต้าชนะลิทเช่นสไตน์ 3-0 มอนเตเนโกรเสมอกับคาซักสถาน 0-0โรมาเนียชนะเบลารุส 5-3   แลตเวียชนะซานมารีโน่ 3-0  บัลแกเรียชนะยิบรอลต้า 3-0  ออสเตรียชนะลักเซมบวร์ก  3-0  ตุรกีเสมอโครเอเชีย 3-3  กรีซชนะไซปรัส 2-1  เดนมาร์กชนะสวีเดน2-0