ทีมชาติเบลเยียม ถูกยกเป็นเต็ง 1 ที่จะครองแชมป์ยูโร ปีหน้า
“ปีศาจแดงแห่งยุโรป” ทีมชาติเบลเยียม ถุกบริษัทพูลของอังกฤษ ยกให้เป็นเต็ง 1 ที่จะครองแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ที่จะเตะกันในปีหน้าระหว่างวันที่ 11 มิถุนายน-11กรกฎาคม 2021
เบลเยียม ถูกยกให้เป็นเต็งด้วยอัตราต่ำสุด 11-2 ตามมาโดย “ไก่ทองคำ” ฝรั่งเศส ทีมแชมป์โลก ที่อัตราอยู่ที่ 5-1 ถือว่าสูสีกันอย่างที่สุด ขณะที่อันดับอื่นๆ นั้นถือว่ามีความสูสีกันอย่างมาก อังกฤษ ขยับมายึดเป็นเต็ง 3 อัตรา 6-1, เต็ง 4 “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี ที่พุ่งมาอยู่ที่ 7-1, เต็ง 5 “กระทิงดุ” สเปน 8-1, เต็ง 6 “อัศวินสีส้ม” เนเธอร์แลนด์ 8.5-1 และเต็ง 7 “มะกะโรนี” อิตาลี 10-1
สำหรับการเตะรอบสุดท้ายปีหน้า ความพิเศษในศึกยูโร 2020 จะมีเจ้าภาพร่วมถึง 12 ชาติ เพื่อเป็นการฉลอง 60 ปี หรืออายุครบ 5 รอบของรายการนี้ แบบไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
ชาติเจ้าภาพทั้งหมด ประกอบด้วย เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี, กรุงโรมประเทศอิตาลี, กรุงบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน,กรุงบูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนีย, กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี, กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์, กรุงดับลิน ประเทศสาธารณรัฐไอร์แลนด์, กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก,กรุงกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์, เมืองบิลเบา ประเทศสเปน, เมืองเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย และมหานครลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยรอบรองชนะเลิศ และรอบชิงฯจะเล่นที่นิว เวมบลีย์ อังกฤษ
สรุปการแบ่งกลุ่มมีดังนี้ กลุ่ม เอ : อิตาลี, สวิตเซอร์แลนด์, ตุรกี, เวลส์, กลุ่ม บี : เบลเยียม, รัสเซีย, เดนมาร์ก, ฟินแลนด์, กลุ่ม ซี : ยูเครน, เนเธอร์แลนด์, ออสเตรีย, นอร์ท มาซิโดเนีย, กลุ่ม ดี : อังกฤษ, โครเอเชีย, สาธารณรัฐเช็ก, สกอตแลนด์, กลุ่ม อี : สเปน, โปแลนด์, สวีเดน, สโลวะเกีย และกลุ่ม เอฟ : เยอรมนี, ฝรั่งเศส, โปรตุเกส, ฮังการี
ทางด้าน การแข่งขันฟุตบอลเนชั่นส์ลีก คืนวันอาทิตย์นี้ กลุ่ม เอ 2 คู่เอก “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” เบลเยียม จะเปิดบ้านรับการมาเยือนของ “สิงโตคำราม” อังกฤษ ในเวลา 02.45 น.
แฮร์รี่ เคน นำทัพทีมชาติอังกฤษ จะยกพลไปเตะกับ เบลเยียม ในเกมเนชั่นส์ลีก
เจ้าถิ่น เบลเยียม ชุดนี้ไม่มี เอแดน อาซาร์ แนวรุกคนสำคัญจาก “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ที่ติดไวรัสโควิด-19 เช่นเดียวกับ อเล็กซิส ซาเลแมร์เกอร์ส และเลอันโดร ทรอสซาร์ บาดเจ็บ ส่วนแนวรับไม่มีปัญหาอะไร โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ เป็นพี่ใหญ่คอยประคองน้องๆ อย่าง เจสัน เดนาเยอร์ และเดริค โบยาต้า ในระบบ 3-4-2-1 แนวรุกได้ ดรีส์ เมอร์เท่นส์ กลับมาประสานงานกับเควิน เดอ บรอนย์ พร้อมวาง โรเมลู ลูกากู เป็นหัวหอกตัวเป้า
“สิงโตคำราม” ที่เพิ่งเล่นในถิ่นอุ่นแข้งถล่มแหลก “ยักษ์เขียว”ไอร์แลนด์ มา 3-0 แต่ไม่มี โจ โกเมซ, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, มาร์คัส แรชฟอร์ด และเจมส์ วอร์ด-พราว์ส ที่บาดเจ็บรวมไปถึงแนวรับอย่าง รีซ เจมส์ และแฮร์รี่ แม็คไกวร์ ติดโทษแบน ทำให้ ไทโรน มิงค์ส จะได้เล่น ขณะที่แดนกลางใช้ จอร์แดนเฮนเดอร์สัน คุมเกมร่วมกับ เดแคลน ไรซ์ โดยมี เมสัน เมาท์, แฮร์รี่เคน และราฮีม สเตอร์ลิ่ง เป็นสามประสานในเกมรุก
11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนามของทั้งสองทีม เบลเยียม (3-4-2-1) : ธีโบต์ กูร์กตัวส์, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, เจสัน เดนาเยอร์, เดริค โบยาต้า, โทมัส มูนิเยร์, อักเซล วิตเซล, ยูรี ตีเลมองส์, ธอร์ก็อง อาซาร์, เควิน เดอ บรอยน์, ดรีส์ เมอร์เท่นส์ และโรเมลู ลูกากู
อังกฤษ (3-4-3) : จอร์แดน พีคฟอร์ด, ไคล์ วอล์คเกอร์, เอริค ดายเออร์, ไทโรน มิงค์ส, คีแรน ทริปเปียร์, เดแคลน ไรซ์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เบน ชิลเวลล์, เมสัน เม้าท์, แฮร์รี่ เคน และราฮีม สเตอร์ลิ่ง
สถิติการพบกันของทั้งสองทีมดวลกันมาทั้งหมด 6 ครั้ง สูสีกันแบบสุดๆ ชนะฝั่งละ 2 ครั้ง และเสมอ 2 ครั้ง โดยเกมล่าสุดที่พบกันคือเดือนตุลาคมที่ผ่านมาในรายการนี้ อังกฤษ เปิดเวมบ์ลีย์ พลิกแซงเอาชนะได้ 2-1
ทางฝั่ง “อัศวินสีส้ม” เนเธอร์แลนด์ เล่นในบ้านพบกับ บอสเนีย และ เฮอร์โซโกวีน่า โดย เจ้าถิ่น ต้องเสีย นาธาน อาเก้ ปราการหลังจาก แมนฯซิตี้ บาดเจ็บจากเกมอุ่นเครื่องที่เสมอกับสเปน 1-1 ถอนตัวออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนนายด่านมือหนึ่งอย่าง ยาสเปอร์ ซิเลสเซ่น ก็บาดเจ็บ ทำให้ ทิม ครูล จะได้ลงเฝ้าเสา แดนกลางมี จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม ที่ได้รับความไว้วางใจจาก แฟร้งค์ เดอ บัวร์ ให้ทำหน้าที่กัปตันทีมคนใหม่ในระหว่างที่เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค เจ็บยาว จะเล่นร่วมกับ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบคและเฟรงกี้ เดอ ยองก์ แนวรุกใช้ ควินซี่ โพรเมส ประสานงานกับ ลุค เด ยองก์ และเมมฟิส เดปาย
จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม เป็นกัปตันนำทัพเนเธอร์แลนด์ บดกับ บอสเนีย
ทีมเยือน ที่รั้งอันดับบ๊วยของกลุ่มมี 2 คะแนน เกมนี้ไม่มี อเนล อาห์เหม็ดฮ็อดซิซ ปราการหลังเนื้อหอมที่กำลังมีข่าวกับเชลซีลงไม่ได้เพราะติดโทษแบน ส่วนสตาร์ดังอย่าง เอดิน เชโก้ ติดไวรัสโควิด-19 ทำให้เกมรุกต้องหวังพึ่ง เอดิน วิซก้า แนวรุกจากอิสตันบูล บาซัคเซเฮียร์ ที่ยิง แมนฯยูไนเต็ด มาแล้วในเกม UCL เล่นร่วมกับ ราเด้ ครูนิช, อาเมอร์ โกยัค และอาร์มิน ฮ็อดซิซโดยมี มิราเล็ม ปานิช เป็นตัวคุมจังหวะเกมแดนกลาง
ในขณะที่ทีมดังอย่าง “มะกะโรนี” ทีมชาติอิตาลี จะเปิด มาเปย์ สเตเดี้ยม รังเหย้าของซัสซูโอโล่ ต้อนรับการมาเยือนของทีมจ่าฝูงของกลุ่มอย่าง โปแลนด์ เตะในเวลา 02.45 น.
อิตาลี มีสถิติเหนียวแน่นมากไม่แพ้ใครมา 20 เกมติดต่อกันในทุกรายการ ทีมชุดนี้ไม่มี ดานิโล่ ดัมโบรซิโอ้ ฟูลแบ๊กจากอินเตอร์ มิลาน ที่ติดโทษแบน รวมไปถึงบรรดานักเตะจากโรม่าอย่าง ไบรอัน คริสตานเต้ และลอเรนโซ่ เปเยกรินี่ ที่สุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เหลือไม่น่ามีปัญหาอะไร ตัวหลักที่ได้พักจากเกมอุ่นเครื่องกับเอสโตเนียจะคืนตัวจริง มาในระบบ 4-3-3 จอร์จินโญ่ คุมเกมแดนกลางร่วมกับ โรแบร์โต้ กาญาร์ดินี่ และ นิโกโล่ บาเรลล่า แนวรุกเลือกใช้ เฟเดริโก้ แบร์นาร์เดสคี่, อันเดรียเบร็อตติ และ ลอเรนโซ่ อินซินเญ่ เป็นสามประสาน โดยมี ชิโร่อิมโมบิเล่ คอยสแตนด์บาย
ทีมเยือนไม่มี มาเตอุสซ์ คลิค กองกลางจากลีดส์ ยูไนเต็ด ที่ติดโทษแบน ที่เหลือไม่มีปัญหาอะไรแกนหลักอยู่กันครบ เล่นในระบบ 4-2-3-1 เกอร์เซกอร์ซ ครีโชเวี๊ยค คอยตัดเกมตรงกลางร่วมกับ ยาเซ็ค โกราลสกี้ แนวรุกเลือก เซบาสเตียน ซีมานสกี้,ปีโอเตอร์ ซีลินสกี้ และคามิล โกรซิคกี้ คอยป้อนบอลให้กับหน้าเป้า โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 5 เกมหลังสุด อิตาลี ชนะได้ 2 ครั้ง เสมอ 2 และโปแลนด์ ชนะ 1 ครั้ง ส่วนการเจอกันหนล่าสุดเสมอกันไปแบบไม่มีสกอร์ 0-0
อีกคู่ที่น่าสนใจ “โคนม” เดนมาร์ก ลงเตะในเวลา 02.45 น.“โคนม” เดนมาร์ก ที่ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 1 มี 7 คะแนนรั้งอันดับสองของกลุ่มจะเล่นในบ้านพบกับ ไอซ์แลนด์ ทีมบ๊วยของกลุ่มที่เพิ่งอกหักอดไปเล่นยูโร 2020 รอบสุดท้าย หลังพ่ายให้กับ ฮังการี 2-1 เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
เดนมาร์ก จะหมดสิทธิ์ใช้งาน ปีแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์ กองกลางคนสำคัญจากสเปอร์ส ที่ติดโทษแบน เช่นเดียวกับลูคัส เลราเกอร์ และโรเบิร์ต สคอฟ ที่บาดเจ็บ ทำให้ในตำแหน่งแบ๊กซ้าย โยอาคิม เพเดอร์เซ่น จะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง แดนกลางใช้ มาติอัส แยนเซ่น เล่นกับโธมัส เดลานีย์ ส่วนสามแนวรุกเลือก ยุสซูฟ โพลเซ่น ประสานงานกับ คริสเตียน เอริคเซ่น และมาร์ติน เบรธเวท โดยมี แคสเปอร์ ดอลเบิร์ก ปักหลักเป็นตัวเป้า
ทางฝั่งทีมเยือน ที่น่ากังวลเรื่องของสภาพจิตใจ หลังจากพลาดการไปเล่นยูโรรอบสุดท้าย ชนิดที่พวกเขานำมาตลอดทั้งเกมมาโดน 2 ประตูภายในระยะเวลา 4 นาที เกมนี้ไม่มีปัญหาในการจัดทัพ คาดว่า กิลฟี่ ซิกูร์ดสสัน น่าจะถอยตัวเองลงมาปั้นเกมในแดนกลาง ร่วมกับบีร์เคียร์ บียาร์นาสัน และโยฮัน เบิร์ก กุดมุนด์สสันคอยสนับสนุนคู่หัวหอกอย่าง อัลเบิร์ต กุดมุนด์สสัน และโคลเบน ซิกธอร์สสัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี