อย่างที่ทุกคนรู้กันดีว่าขณะนี้ประเทศไทยกำลังดำเนินโครงการนำ “กัญชา” มาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ซึ่งจากข้อมูลจากแพทย์สภาได้อธิบายไว้ว่า สารสกัดกัญชานั้นมีประโยชน์ในการรักษาโรคเจ็บปวดในผู้สูงอายุ ลดอาการคลื่นไส้ อาเจียนและผลข้างเคียงหลังได้รับเคมีบำบัด ลดอาการกล้ามเนื้อหดเกร็งในผู้ป่วยปลอกประสาทเสื่อมแข็ง บรรเทาอาการลมชักในเด็กลมชักดื้อยา และภาวะปวดที่ปลายประสาท นอกจากนี้มีการคาดการณ์ว่าน้ำมันกัญชาน่าจะมีประโยชน์ในการบรรเทาอาการโรคอื่นๆ อีกมากมายเพียงแต่ต้องมีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมทั้งโรคพาร์กินสัน โรคอัลไซเมอร์ มะเร็งระยะสุดท้าย โรควิตกกังวลทั่วไป ลดอาการตื่นเต้น ลดการสูญเสียน้ำหนักในผู้ป่วยเอสไอวี ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดในผู้ป่วยที่ต้องการการดูแลแบบประคับประคองอาการ อย่างไรก็ตามนอกจากกัญชาแล้ว “กระท่อม” ยังเป็นพืชในบัญชียาเสพติดอีกชนิดหนึ่งที่กำลังได้รับการถอดถอนออกจากบัญชียาเสพติดเร็วๆ นี้ เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์เช่นเดียวกัน หลังจากถูกกฎหมายกำหนดให้เป็นยาเสพติดมานานกว่า 70 ปี
“กระท่อม” (Kratom, Krathom) ถูกจัดเป็นพืชในวงศ์ Rubiaceae (วงศ์เข็ม) มีชื่อวิทยาศาสตร์ Mitragyna speciosa (Korth.) Havil. พบมากในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งในประเทศไทยพบมากที่สุดในเขตภาคใต้ ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไปจนถึงเขตตอนบนของประเทศมาเลเซีย ส่วนภาคกลางพบมากในเขตจังหวัดปทุมธานี สำหรับการวิจัยด้านสารพฤกษเคมีในกระท่อม พบว่าในใบกระท่อมมีปริมาณสารกลุ่มอัลคาลอยด์ (alkaloids)มากที่สุด ซึ่งสารกลุ่มอัลคาลอยด์ที่สำคัญที่สุด ได้แก่ สารไมตราจินีน(mitragynine) มีคุณสมบัติออกฤทธิ์บรรเทาปวดสำหรับกระท่อมไทยจะพบสารไมตราจินีนมากถึง 66% เมื่อเทียบกับปริมาณสารกลุ่มอัลคาลอยด์ที่พบในกระท่อมทั้งหมด ในขณะที่กระท่อมของประเทศมาเลเซียพบประมาณ 12% เท่านั้น ส่วนสารสำคัญที่พบรองลงมาคือ ไพแนนทีน (paynantheine) ประมาณ 9% สเปโอไจนีน (speciogynine) ประมาณ 7%
สำหรับการใช้ประโยชน์จากกระท่อมนี้มีประวัติการใช้งานมายาวนานทั้งในประเทศและประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อบรรเทาอาการและรักษาโรคหลายชนิด โดยปรากฏหลักฐานว่ากระท่อมเป็นส่วนประกอบในตำรับยาไทยโบราณหลายขนาน ไม่ว่าจะเป็นตำรายาประสะใบกระท่อม ตำรายาหนุมานจองถนนปิดมหาสมุทร ยาแก้บิดลงเป็นเลือด ยาแก้บิดหัวลูก ยาประสะกาฬแดง ในขณะเดียวกัน หมอพื้นบ้านเองก็มีการนำเอาเปลือกและใบกระท่อมมาใช้ในการรักษาโรคให้กับชาวบ้านทั่วไป ซึ่งส่วนที่นิยมรับประทานมากที่สุดคือใบกระท่อม หมอพื้นบ้านจะแนะนำก้านกลางใบออกและเคี้ยวให้ละเอียด จะกลืนหรือคายทิ้งก็ได้แล้วดื่มน้ำตามมากๆ ส่วนใหญ่นำมาใช้รักษาอาการท้องร่วง โรคกระเพาะอาหาร อาการปวดท้อง อาการเบาหวาน ความดันโลหิต แก้ไอ ขับพยาธิ บรรเทาอาการปวดเมื่อยรักษาอาการอ่อนเพลีย และโรคผิวหนัง ซึ่งจากคุณสมบัติและการใช้งานที่มีมาแต่ในอดีต จึงทำให้ปัจจุบันได้มีการศึกษาคุณสมบัติและกลไกการออกฤทธิ์ของสารสำคัญของกระท่อมเพิ่มเติมเพื่อที่จะนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และเภสัชวิทยา
จากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์มีการระบุว่าสารไมตราจินีนซึ่งเป็นสารที่พบมากที่สุดในใบกระท่อมมีคุณสมบัติช่วยบรรเทาอาการปวดได้เช่นเดียวกับมอร์ฟีน แต่จะมีผลข้างเคียงน้อยกว่ามอร์ฟีน เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ไม่ทำให้ผู้ใช้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ไม่ทำให้ติดเรื้อรัง รวมทั้งไม่มีอาการอยากยาเมื่อเลิกใช้ ในขณะเดียวกันก็พบว่า สารไมตราจินีนมีคุณสมบัติบรรเทาอาการไอ ลดอาการไข้ ยับยั้งการหดตัวของลำไส้เล็กเพื่อลดอาการท้องเสียด้วย อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นเพิ่มการผลิตสารสื่อประสาท อย่างเซโรโทนิน (serotonin) นอร์เอพิเนฟริน (norepinephrine) และโดพามีน (dopamine) จึงคาดว่าสามารถต้านอาการของโรคซึมเศร้าได้อย่างไรก็ตาม นอกจากสารไมตราจินีนแล้ว ในกระท่อมยังมีสารสำคัญที่ชื่อว่า 7-hydroxymitragynine มีคุณสมบัติยับยั้งอาการเจ็บปวดได้ดีกว่ามอร์ฟีน 17 เท่า แต่จะพบสารตัวนี้ในใบกระท่อมเพียง 2% เท่านั้น นอกจากนั้นมีการศึกษาคุณสมบัติของสารสกัดกระท่อมที่สกัดด้วยตัวทำละลายต่างๆ เช่น สารสกัดเมทานอลจากใบกระท่อมมีคุณสมบัติในการลดอาการถ่ายท้องและปริมาณอุจจาระขณะท้องเสีย ลดความอยากอาหาร เพิ่มกระบวนการนำกลูโคสเข้าสู่เซลล์ ยับยั้งสารในร่างกายที่ทำให้เกิดการอักเสบ ส่วนสารสกัดน้ำของกระท่อมจะช่วยในเรื่องการกำจัดพิษออกจากร่างกาย ต้านอนุมูลอิสระต้านแบคทีเรีย Salmonella typhi และ Bacillus subtilis อย่างไรก็ตามการวิจัยส่วนใหญ่เป็นเพียงการศึกษาในห้องปฏิบัติการและทดสอบผลในหนูทดลอง หากจะมีการนำมาใช้ในการรักษาผู้ป่วยจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม
จะเห็นได้ว่า “กระท่อม” เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการรักษาโรคและบรรเทาอาการเจ็บป่วย โดยเฉพาะนำมาใช้ประโยชน์แทนมอร์ฟีน ซึ่งแม้ว่าจะมีประโยชน์ช่วยระงับความเจ็บปวดของผู้ป่วยได้ แต่ก็เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนและปัญหาการติดมอร์ฟีน หากได้รับมอร์ฟีนติดต่อกันเป็นเวลานานๆ ด้วยเหตุนี้การที่ประเทศไทยกำลังดำเนินนโยบายปลดล็อกและถอดกระท่อมไทยออกจากบัญชียาเสพติด จึงเป็นเรื่องที่ก่อประโยชน์ในวงกว้างทั้งในด้านการแพทย์และการศึกษาวิจัยที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ในหลายประเทศยังมีการผลิตเป็นสินค้าวางขายในประเทศและเป็นสินค้าส่งออก ดังนั้นหากมีการศึกษาและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่า “กระท่อมไทย” อาจกลายเป็นอีกหนึ่งสินค้าทางการเกษตรที่สามารถทำเงินมหาศาลกลับเข้าสู่ประเทศในอนาคต
วัชรี กัลยาลัง
ศูนย์ความหลากหลายทางชีวภาพ
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี