ตารางคะแนนไม่เคยโกหกใคร
ท็อป 6 บนหัวตารางตอนนี้ของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง หลังจากทั้งหมดลงสนามไปเมื่อสุดสัปดาห์ และทั้งหมดคว้าชัยชนะได้ทุกทีม
อย่างไรก็ดี สองทีมที่นำอยู่ก่อนหน้านี้ แม้จะถูกกดดันมาจากทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เชลซี,แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเลสเตอร์ ซิตี้ ก็ยังผ่านการทดสอบหัวใจไปได้
ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ส ผ่านเกมกับคู่ปรับ และ ลิเวอร์พูล ฟุตบอล คลับ ผ่านทีมที่เป็นตัวแปรของทุกทีมในลีก
ที่สำคัญก็คือ เป็นชัยชนะที่ต้อนรับแฟนบอลกลับคืนสู่สนามได้อย่างงดงาม
เริ่มต้นที่ชัยชนะอันแยบยลของ สเปอร์ส ที่มีเหนือคู่ปรับสำคัญร่วมดินแดน “นอร์ท ลอนดอน” พร้อมกับเป็นการต้อนรับแฟนบอลคืนสู่สนาม มันช่างหอมหวานอย่างมาก
ยิ่งเป็นการชนะเหนือ อาร์เซนอล ยิ่งทำให้หัวใจของผอง “ยิด อาร์มี่” ยิ่งพองโต.........................
สไตล์การเล่น แผนงานที่ชัดเจน และมีทีเด็ดในการโต้กลับ ดูเหมือนง่ายมากๆ เมื่อเห็นทางหน้ากระดาน แต่สถานการณ์จริงนั้น เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก แต่ โชเซ่ มูรินโญ่ สามารถใส่สมองของลูกทีมให้ทำได้ทั้งเกม
อาร์เซนอล ไม่ได้แย่อะไร แต่แผนของ มูรินโญ่เหนือกว่า มิเกล อาร์เตต้า เมื่อ “จ่ามู” กล้าที่จะให้ อาร์เซนอล เป็นฝ่ายครอบครองเกม แทบจะทั้งเกมด้วยซ้ำแต่พวกเขารอจังหวะโอกาสและเวลาอย่างเยือกเย็น
พร้อมกับการได้ประตูที่ได้แบบ “กำปั้นทุบดิน” และยิงแบบ “ซึ่งซึ่งหน้า” ของ ซน ฮึง มิน
สวยงาม, เด็ดขาด และไม่น่าเชื่อว่าจะกล้ายิง รวมถึงกล้าเข้ากับแบบประจันหน้ากันแบบนั้น
ประตูที่นำเร็ว ไม่ได้เปลี่ยนโฉมหน้าของเกม เพราะโฉมหน้าของเกมนี้คือ อาร์เซนอล ครองบอล และมันเป็นแบบนี้จนกระทั่งจบเกม แต่การครองบอลของ อาร์เซนอล ไม่มีโอกาสทะลวงเข้าตรงกลาง
คำตอบที่ว่า “ทำไม” อาร์เซนอล ถึงต้องโยนนั่นก็เพราะบอลมันโดนปาดให้ออกด้านข้างถูกบีบให้เล่นห่างกัน และทำให้การจ่ายบอลขาดความแม่นยำในเขตเรดโซน
ต่อด้วยประตูของ แฮร์รี่ เคน ด้วยการเล่นที่เข้าใจกันและกัน ซึ่งการมาร์คจุดของ จ่ามู ทำให้ตอนนี้พวกเขามีนักเตะที่สามารถทำงานตรงนี้ได้แล้วถึง 9 จุด
เหลือเพียง 2 จุด ที่ยังต้องใช้เวลานั่นคือตำแหน่งของ โจวานนี่ โล เซลโว่ กับตำแหน่งของสตีเว่น เบิร์กไวน์ ที่ยังคงจ่ายช้า
คุณภาพในเชิงลึกของ สเปอร์ส อาจจะน้อยกว่า เชลซี, ลิเวอร์พูล, แมนฯยู หรือ แมนฯซิตี้ แต่การ“เข้าถึงแผน” คือสิ่งที่ดูแล้วไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าทีมอื่นเลย
โดยเฉพาะวินัยในแดนกลาง การจับคู่ของ ปิแอร์ ฮอยเบียร์ก กับ มุสซ่า ซิสโซโก้ ลงตัว และส่งผลให้เกิดวินัยไปถึงเกมรับ บีบให้คู่แข่งที่กองหน้าไม่ถนัดลูกกลางอากาศสักเท่าไหร่ ต้องครอสบอลถึง 32 ครั้ง ซึ่ง อาร์เซนอล เองไม่เคยโยนบอลมากมายขนาดนี้นอกบ้านมาตั้งแต่ปี 2011 หรือ 9 ปีที่แล้วโน่นเลย
ไม่ได้ตั้งใจ แต่สถานการณ์มันโดนบีบให้โยน............
.........สิ่งสำคัญก็คือ บอลสเปอร์ส เล่นในลักษณะอย่างนี้ต้องฟิตมาก ใช้ร่างกายเยอะ แต่ใช้โอกาสไม่เปลือง มีความแม่นยำ และความแสบอีกครั้งของกุนซือ ที่กล้าจะเล่นตามแผน
โดยไม่สนใจว่า “นัดนี้เล่นที่ไหน” ชัยชนะต้องมาก่อนในทุกๆ เรื่อง
ขณะที่ ลิเวอร์พูล ต้อนรับแฟนบอลกลับสู่สนามอีกครั้งเป็นครั้งแรกรอบ 269 วัน และเป็นครั้งแรกที่เสียงเพลงแท้ๆ เสียงเชียร์แท้ๆ กลับมาอีกครั้ง เป็นหนแรกนับตั้งแต่ได้แชมป์ลีกที่รอคอยมานานถึง 30 ปี
เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังเปลี่ยนคำถามให้เป็นคำตอบได้เสมอ และที่สำคัญ VAR เปลี่ยนตัดสินให้ ลิเวอร์พูล ได้รับผลบวกบ้าง
เกมของ “หงส์แดง” ไม่ค่อยเสถียรนักในครึ่งแรกบอลสวนกลับอาจไม่แรงเหมือนเดิม แต่บอลที่ตั้งขึ้นไปล่อแบบตรงๆ ยังเข้มข้นแข็งแกร่ง
จุดหนึ่งคือ วูล์ฟส์ เมื่อไม่มี ราอูล ฆิมิเนซ ทำให้อ่านแผนมาได้ก่อนเลยว่า จะมาแบบหน้าเดียวนั่นคือบอลเร็วล้วนๆ และปรับมาเล่นบอลสไตล์แบ๊กโฟร์ ยังทำให้พวกเขามีรอยรั่วพอสมควร
ก่อนที่ “หงส์แดง” จะได้ประตูจากความผิดพลาดส่วนบุคคลของ คอนอร์ เคาดี้ และทำให้ โมฮาเหม็ดซาลาห์ สังหารประตูที่ 84 ในพรีเมียร์ลีก จากการเล่นไปแค่ 134 เกม
ซาลาห์ ยิงเท่ากับ คริสติอาโน่ โรนัลโด้ สมัยอยู่กับ แมนฯยูไนเต็ด แต่ โด้ ใช้เวลานานกว่า โดยลงไป 196 เกม
การผ่านจุดทดสอบบางอย่างของ “คล็อปป์ทีม”นั่นคือ ขุมกำลังสำรองทำได้ดี โดยเฉพาะ ควีวีนเคลเลเฮอร์ แม้ชื่อบนหลังเสื้อจะปักมาผิด แต่ฟอร์มไม่ผิด เขาเซฟสำคัญก่อนได้ประตูแรก และน่าสนใจก็คือ ฟุตบอลที่นี่ นายประตูต้องมีส่วนร่วมกับการตั้งเกม จุดนี้ ควีวีน ทำได้น่าพอใจมากๆ เขาดีกว่า อาเดรียน จุดนี้ จึงเบียดลงได้ ลงไปซื้อหาประสบการณ์เอา
ส่วน นีโก้ วิลเลียมส์ สามารถรับมือได้ดีกับสถานการณ์การโดนใบเหลืองตั้งแต่ 3 นาทีแรก
ที่สำคัญก็คือ การประสานงานกันของ 3 แดนกลาง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม และเคอร์ติส โจนส์ ไม่ใช่กองกลางที่ดีที่สุด
แต่เป็นกองกลางที่เล่นด้วยกันแล้วสมดุลมาก
ทำให้แชมป์เก่า ยังแกร่งมากในการที่แอนฟิลด์ นับเลขไปเรื่อย ๆ ผ่านมา 65 เกมบอลลีก “หงส์แดง” ไม่แพ้ใครในบ้าน และเกมนี้ยำ วูล์ฟส์ ไปอีก 4-0
32 เกมหลังสุดในถิ่น ก็ชนะถึง 31 เกม ยิงได้ 93 ประตู เสียไปเพียง 25 ประตู ขณะที่ซีซั่นนี้ ผ่าน 11 นัด ปีป้องกันแชมป์ นักบอลเจ็บมา 21 รอบ แต้มเท่าจ่าฝูง
ไม่มีขุมกำลังเบอร์ใหญ่อย่าง เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค, อลิสซอน เบ๊คเกอร์, โจ โกเมซ, ธิอาโก้ อัลคันตาร่า, เจมส์ มิลเนอร์, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลนรวมไปถึง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กับ นาบี เกอิต้า ที่ไม่ได้สตาร์ท
ฤดูกาลนี้ยังอีกยาวไกล เป็นฤดูกาลที่จะได้สู้กันอย่างสนุก
เพราะนี่คือฤดูกาลที่จะพลิกผันไปยาวๆ
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี