การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำวันอาทิตย์นี้ เวลา 23.30 น. บิ๊กแมทช์อยู่ที่เกมสงครามดอกกุหลาบครั้งแรกบนลีกสุดสูงในรอบ 16 ปีที่ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดถิ่นโอลด์แทร็ฟฟอร์ด ต้อนรับการมาเยือนของ “ยูงทอง”ลีดส์ ยูไนเต็ด
เจ้าถิ่น แมนฯยูไนเต็ด ที่เพิ่งทำสถิติใหม่ในรอบ 60 ปี ด้วยการยิงได้ 2 ประตูขึ้นไป ในการเล่นเกมเยือน 10 นัดติดต่อกัน หลังจากที่เกมล่าสุดเพิ่งออกไปเฉือน เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด มา 3-2 แต่นัดนี้ยังไม่มี เอดินสัน คาวานี่ ดาวยิงมากประสบการณ์ที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บ ส่วนขุมกำลังที่เหลือถือว่าไม่มีปัญหาอะไรพร้อมลงเล่นได้ทั้งหมด คาดว่าจะมาในระบบ 4-3-1-2 วาง เฟร็ด คุมแดนกลางร่วมกับ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ และปอล ป๊อกบา ปล่อยให้บรูโน่ แฟร์นันด์ส มีอิสระในการปั้นเกมรุกอยู่ด้านหลังของคู่หัวหอกอย่าง อองโตนี่ย์ มาร์กซิยาล และมาร์คัส แรชฟอร์ด
ทีมเยือน ลีดส์ ยูไนเต็ด เพิ่งจะระเบิดฟอร์มโหดด้วยการถล่มเอาชนะ “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด มาได้แบบขาดลอย 5-2 เกมนี้ยังเจอปัญหาเดิมๆ คือแนวรับอย่าง โรบิน ค็อค และดีเอโก้ ญอเรนเต้มีอาการบาดเจ็บ ทำให้ต้องขยับ ลุค อายลิ่ง มายืนเซ็นเตอร์คู่กับ เลียม คูเปอร์ ส่วนตำแหน่งอื่นๆ ถือว่าพร้อมทั้งหมดใช้ เคลวิน ฟิลิปป์ส เป็นตัวคุมจังหวะเกมแดนกลาง พร้อมมี มาเตอุสซ์ คลิค และโรดรีโก้ โมเรโน่ทำเกมร่วมกับตัวริมเส้นอย่าง ราฟินญ่า และ แจ็ค แฮร์ริสันโดยมีแพทริค แบมฟอร์ด เป็นตัวล่าตาข่าย
11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม แมนฯยูไนเต็ด (4-3-1-2) : ดาบิด เด เกอา, แอรอน วาน-บิสซาก้า,วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ, แฮร์รี่ แม็คไกวร์, ลุค ชอว์, สก็อตต์แม็คโทมิเนย์, เฟร็ด, ปอล ป๊อกบา, บรูโน่ แฟร์นันด์ส, อองโตนี่ย์ มาร์กซิยาล และมาร์คัส แรชฟอร์ด
ลีดส์ ยูไนเต็ด (4-1-4-1) : อิลลาน เมซิเย่ร์,สจ๊วร์ต ดัลลาส, ลุค อายลิ่ง, เลียม คูเปอร์, เอซยานอลีโอสกี้, เคลวิน ฟิลิปป์ส, ราฟินโญ่, โรดรีโก้,มาเตอุสซ์ คลิค, แจ็ค แฮร์ริสัน และแพทริค แบมฟอร์ด
สถิติการพบกันของทั้งสองทีมในช่วง 5 เกมหลังสุด แมนฯยูไนเต็ด ดีกว่าเล็กน้อยชนะได้ 2 ครั้ง เสมอ 2 และลีดส์ ยูไนเต็ด ชนะ 1 ครั้ง หนล่าสุดที่พบกันคือเกมอุ่นเครื่องเมื่อปี 2019 แมนฯยูไนเต็ด ถล่ม 4-0
ขณะที่ในเวลา 21.15 น. “ไก่เดือยทอง”ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่เพิ่งตกบัลลังก์จ่าฝูงจะเปิดบ้านรับการมาเยือนของ “สุนัขจิ้งจอก” เลสเตอร์ ซิตี้ที่เพิ่งสะดุดมาเช่นเดียวกัน เกมคู่นี้ พีพีทีวี เอชดี ช่อง 36ถ่ายทอดสด
เจ้าถิ่นโดนลิเวอร์พูลสอยหล่นมาอยู่อันดับ 2 ของตาราง เกมนี้ยังไม่มี เอริค ลาเมล่า แนวรุกที่บาดเจ็บส่วน แกเร็ธ เบล รอเช็คความฟิต นอกนั้นโชเซ่มูรินโญ่ ไม่มีอะไรให้กังวล คาดว่าตัวที่ไม่ได้ลงเล่นตัวจริงในเกมล่าสุดอย่าง ต็องกีย์ เอ็นดอมเบเล่, ลูคัสมูร่า, เซร์คิโอ้ เรกีล่อน และแมตต์ โดเฮอรดี้ จะได้ออกสตาร์ทในเกมนี้ โดยแนวรุกยังฝากความหวังเอาไว้ที่ ซน ฮึง มิน และแฮร์รี่ เคน
ทางฝั่งทีมเยือน เลสเตอร์ ซิตี้ เพิ่งจะพักขาบ้างพ่ายให้กับ เอฟเวอร์ตัน มา 2-0 เกมนี้ยังไม่มีแข้งบาดเจ็บที่อยู่ในลิสต์เดิมอย่าง แดเนี่ยล อมาร์ตีย์ และริคาร์โด้ เปเรยร่า ส่วน ทีโมธี กาสตานเญ่ และคักลาร์ โซยุนคู ยังไม่สมบูรณ์ แต่ข่าวดีจะได้ จอนนี่ อีแวนส์ ปราการหลังคนสำคัญกลับมาคุมแนวรับ ทำให้ วีลเฟร็ด เอ็นดิดี้ จะกลับไปประจำการในตำแหน่งกองกลางเล่นคู่กับ ยูรี ตีเลอมองส์ ส่งผลให้ นอมปาลิส เมนดี้ต้องไปนั่งสำรอง ส่วนแนวรุกเหมือนเดิมวาง เจมส์ แมดดิสัน เล่นกับฮาร์วีย์ บาร์นส์ และเจมี่ วาร์ดี้
สถิติการพบกันของทั้งสองทีมในช่วง 5 เกมหลังสุด ไม่เคยจบลงด้วยผลเสมอ สเปอร์ส ทำได้ดีกว่าเอาชนะไป 4 ครั้ง ส่วนเลสเตอร์ ชนะ 1 ครั้ง เกมล่าสุดที่เล่นในสนามแห่งนี้ “ไก่เดือยทอง” ถลุงเละเทะ 3-0 ส่วนปรีวิวอีกสองคู่ มีดังนี้
ไบรท์ตัน-เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด (19.00 น.) ไบรท์ตันไม่มีปัญหาอะไร เพราะพวกที่เจ็บอยู่อย่าง โฆเซ่อีซเกียร์โด้ และฟลอริน อันโดเน่ ไม่ได้ส่วนร่วมกับทีมมานานแล้ว คาดว่าเกมนี้กุนซือ เกรแฮม พ็อตเตอร์น่าจะยึดระบบการเล่นเดิม 3-4-2-1 วาง อีฟส์ บิสซูม่าคุมแดนกลางร่วมกับ สตีเว่น อัลซาเต้ ตัวริมเส้นสองฝั่งมี ทาริค แลมพ์ตีย์ และโซลลีย์ มาร์ช แนวรุกเลือกอารอน คอนนอลลี่ ลงทำเกมร่วมทีม ปาสกาล กรอส โดยมี นีล เมาปาย ยืนหน้าเป้า
ทีมทำสถิติสุดห่วยด้วยการเป็นทีมแรกของประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในการออกสตาร์ท 13 เกมเก็บได้เพียง 1 คะแนน แถมยังไม่ชนะใครเลย เกมนี้ลงเล่นด้วยสภาพจิตใจอันห่อเหี่ยว ไม่มี แจ็คโอคอนเนลล์ และซานเดอร์ เบอร์เก้ ที่บาดเจ็บ ส่วนโอลิเวอร์ แม็คเบอร์นี่ รอเช็คความฟิต ทำให้แดนกลาง อีธาน อัมปาดู น่าจะได้ลงตัวจริงเล่นร่วมกับ จอห์น ลุนด์สแตรม และจอห์น เฟลค โดยมี เดวิด แม็คโกลดริคและ โอลิเวอร์ เบิร์ก เป็นคู่หัวหอก
เวสต์บรอมวิช-แอสตัน วิลล่า (02.15น.) “แบ๊กกี้ส์” สร้างเซอร์ไพรส์ บุกไปแบ่งแต้มจากแมนฯ ซิตี้ ถึงเอติฮัต 1-1 จากนั้นก็เซอร์ไพรส์กว่าด้วยการตั้ง “บิ๊กแซม” แซม อัลลาร์ไดซ์ ที่เข้ามาคุมทีมแทน สลาเวน บิลิช เกมนี้ยังหมดสิทธิ์ใช้งานมาเตอุส เปเรยร่า แนวรุกที่ติดโทษแบน รวมไปถึงกองหลังอย่าง ไคล์ บาร์ทตี้ย์ ก็มีอาการบาดเจ็บ ทำให้ต้องปรับมาเล่นในระบบ 4-1-4-1 เอา ดาร่า โอเช ลงมายืนเซนเตอร์คู่กับ เซมี่ อจายี่ ตำแหน่งอื่นๆ พร้อมทั้งหมด นำโดยแกนหลักอย่าง โรแม็ง ซอว์เยอร์ส,เจ๊ค ลิเวอร์มอร์, คอเนอร์ กัลลาเกอร์, กราดี้ เดียงกาน่าและ คาร์ลาน แกรนท์
ทีมเยือน “สิงห์ผงาด” ไม่มี มาห์มู้ด เทร์เซเกต์แนวรุกอียิตป์ที่บาดเจ็บ ส่วน รอสส์ บาร์คลีย์ ตามรายงานระบุว่าฟิตพร้อมที่จะกลับมาลงตัวจริงได้ทันที โดยจะทำเกมรุกร่วมกับ อันวาร์ เอล กราซี่ และแจ็ค กลีริชพร้อมมี โอลลี่ วัตกิ้นส์ ยืนเป็นหน้าเป้า ขณะที่ตำแหน่งอื่นๆ ถือว่าพร้อมทั้งหมดไม่มีอะไรให้ ดีน สมิธ ต้องกังวล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี