เจอร์รี่ มาร์สเด้น ตำนานแห่งบทเพลง “You’ll Never Walk Alone” เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 78 ปี

เขาล้มป่วยได้ไม่นาน ได้เกิดการติดเชื้อที่หัวใจและได้จากไปอย่างน่าเศร้าขอส่งความรักที่มีทั้งหมดบนโลกให้แก่พอลลีนและครอบครัวของเขา

สาวกลูกหนังทั่วโลกย่อมรู้ว่า “You’ll Never Walk Alone” เป็นเพลงประจำสโมสรของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล

ที่มาที่ไปอย่างไร หลายคนอาจจะยังสงสัยว่า อยู่ๆ เพลงนี้ และคำคำนี้ กลายเป็นส่วนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์สำคัญของสโมสรที่ยิ่งใหญ่นี้ไปตลอดกาลและตลอดไป

ทั้งที่กำเนิดเพลง “You’ll Never Walk Alone” ไม่ได้เกิดขึ้นในอังกฤษ แต่มาด้วยเรือที่จอดเทียบท่ากับเมืองท่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่างลิเวอร์พูล

ปี 1945 เป็นหนึ่งในเพลงประกอบละครเพลงบรอดเวย์เรื่อง CAROUSEL ที่โอคลาโฮมา สหรัฐอเมริกา โดย ออสการ์แฮมเมอร์สไตน์ เป็นผู้แต่งเนื้อร้อง และทำนองโดย ริชาร์ด ร็อดเจอร์สขับร้องโดย เนตตี้ ฟาวเลอร์

กระทั่งมาโด่งดังในสหราชอาณาจักร ปี 1963 ในเวอร์ชั่นที่คุ้นหูเป็นของ “เจอร์รี่ และ เดอะ เพซเมคเกอร์” (Gerry and the Pacemakers) ที่ขับร้องโดย เจอร์รี่ มาร์สเด้น

มาร์สเดน เป็นคนเมืองลิเวอร์พูล เกิดที่ท็อกซ์เทธ ย่านคนพอมีเงินในเมือง เป็นแฟนเอฟเวอร์ตัน จากนั้นเขาหันมาเป็นแฟนอีกฝั่งนั่นคือ ลิเวอร์พูล

ทอมมี่ สมิธ ปราการหลัง ลิเวอร์พูล ที่รู้จักมักจี่กับ มาร์สเด้นได้นำเขาไปนำเพลงนี้ไปเสนอกับ บิลล์ แชงคลี่ย์ ปรมาจารย์ของลิเวอร์พูล ในระหว่างนั่งอยู่ในรสบัสในการเตรียมทีมปรี-ซีซั่นช่วงซัมเมอร์ของปี 1963

จากเงื่อนไขของเวลา มาร์สเด้น นำไปให้กับ ท่านแชงค์ พิจารณาในช่วงที่ยังไม่มีการอัดเสียง เพราะเริ่มอัดจริงๆ คือ2 กรกฎาคม กับอัลบั้ม “It’s All Right” ก่อนจะวางตลาดในเดือนตุลาคมปีเดียวกันโดย Merseybeat

แชงคลี่ย์ จัดการเซ็นสัญญาลิขสิทธิ์ และสุดท้าย เพลง กับ คำว่า “You’ll Never Walk Alone” กลายเป็นสิ่งที่ ลิเวอร์พูล ขาดไม่ได้

ท่านแชงค์ เลือกเพลงนี้เป็นลำดับที่ 8 เอาไว้ใน Desert Island Discs ก่อนที่เกมนัดชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ ปี 1965 ระหว่างลิเวอร์พูล กับ ลีดส์ จะเริ่มต้นขึ้น

ว่ากันว่า เกมนั้นคือการประกาศว่า ลิเวอร์พูล กับ เพลงนี้เกิดมาเพื่อกันและกัน

เสียงเพลงนี้กระหึ่มจากเดอะ ค็อป ให้โลกได้รู้จักและบันทึกอย่างเป็นทางการในนัดนี้ ซึ่ง ลิเวอร์พูล ได้แชมป์ใบนี้ครั้งแรกด้วยการชนะ ลีดส์ 2-1

จากนั้นก่อนเกมและท้ายเกมแฟนบอลจะร้องเพลง“You’ll Never Walk Alone” เฉกเช่นเดียวกับประตู “แชงคลี่ย์เกต” ที่เปิดรับนักเตะเวลาเป็นทีมเหย้า ก็มีคำนี้ติดอยู่ด้านบนของประตู

อย่างไรก็ตาม กว่าจะมาอยู่ตรงนี้ได้น่าสนใจว่า มาร์สเด้น ต้องถูกปฏิเสธไม่รู้กี่ครั้ง เมื่อเขาไปเสนอเพลง “You’ll Never Walk Alone” แล้วถูกปฏิเสธกลับมา

กระทั่งเพลงนี้ได้ถูกทำอัลบั้มสำเร็จ และประสบความสำเร็จสูงสุดจากเมืองลิเวอร์พูลก่อนยุค เดอะ บีตเทิ่ลส์ เพราะเพลงนี้ติดชาร์ตเพลงสหราชอาณาจักรติดต่อกันถึง 4 สัปดาห์ เป็นสถิติติดท็อปยาวที่สุดถึง 2 ทศวรรษ

จากนั้นมีนักร้องหลายคนนำมาขับร้อง ทั้งดาวดัง อาทิ เอลวิสเพสลี่ย์, แฟรงค์ ซิเนต้า

แต่ก็ไม่ดังเท่ากับต้นตำรับของ มาร์สเด้น

When you walk through a storm

Hold your head up high

And don’t be afraid of the dark

At the end of a storm

There’s a golden sky

And the sweet silver song of a lark

Walk on through the wind

Walk on through the rain

Though your dreams be tossed and blown

Walk on, walk on

With hope in your heart

And you’ll never walk alone

You’ll never walk alone

Walk on, walk on

With hope in your heart

And you’ll never walk alone

You’ll never walk alone

ท่านแชงค์ เสียชีวิต เมื่อวันที่ 29 กันยายน 1981

จากนั้น 11 เดือน สโมสรได้จัดทำประตู “แชงคลีย์เกต” เพื่อระลึกถึงปรมาจารย์ของสโมสร เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อ 26 สิงหาคม 1982

มีข้อความว่า You’ll Never Walk Alone บนรั้วนั้น

...ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา บทเพลงนี้ได้กลับมาติดท็อปชาร์ตของอังกฤษอีกครั้งในช่วงเดือนมีนาคมเมื่อ มาร์สเดน ร้องขอให้ทุกคนร้องเพลงนี้ที่หน้าประตูบ้านในแคมเปญ “Clap for Our Carers” หรือการปรบมือเพื่อคนที่ห่วงใยเรา…นอกจาก ลิเวอร์พูล แล้ว ยังมีอีกหลายสโมสรที่นำเพลงนี้ไปใช้ โดย เซลติก ใช้เพลงนี้ในปี 1966 ในการเตะรอบรองชนะเลิศ คัพวินเนอร์สคัพ กับ ลิเวอร์พูล ที่แอนฟิลด์, โบรุสเซียดอร์ทมุนด์ กับ 1860 มิวนิค ในบุนเดสลีกา, เอฟซี ทเวนเต้ในลีกดัทช์, คลับ บรูกก์ ในเบลเยียม, เอฟซี โตเกียว ที่ญี่ปุ่น หรือพีเอโอเค ในกรีซ รวมทั้ง บาหลี ยูไนเต็ด ที่อินโดนีเซีย

เพลงนี้ยังใช้ในโอกาสต่างๆ อย่างมากมาย อเลฮานโดร บลังโก้ ประธานโอลิมปิกแห่งสเปน ได้นำเพลงนี้มาร่วมกันบิดเจ้าภาพโอลิมปิกเกมส์, แบร๊ดฟอร์ด เปิดเพลงนี้เพื่อกำลังใจกับทุกคนหลังจากเหตุการไฟไม้สนาม ปี 1985 แม้กระทั่งการประท้วงในฮ่องกง ปี 2017 ก็มีการนำเพลงนี้มาเปิดอีกด้วย

...แม้เพลงนี้คนที่นำมันมาปัดฝุ่น และปลุกให้โลกรู้จักนี้จะลาลับ แต่มันจะอยู่ในหัวใจตลอดไป เพราะเพลงที่คุณไม่ได้เปิด

แต่คุณจะได้ยินทุกครั้งที่สนามฟุตบอลอย่าง “แอนฟิลด์”

บี แหลมสิงห์