ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับเสียงชื่นชมในระดับนานาชาติ เรื่องศักยภาพด้านสาธารณสุขในการควบคุมโรคระบาดครั้งแล้วครั้งเล่า (รวมถึงล่าสุดที่กำลังต่อสู้กับการระบาดของไวรัสโควิด-19) ทั้งที่เป็นเพียงประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งเบื้องหลังด้านความสำเร็จส่วนหนึ่งอยู่ที่ระบบบริการปฐมภูมิ อันมี โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ที่ยกระดับมาจาก สถานีอนามัย โดยมี “หมออนามัย” หรือผู้ประกอบวิชาชีพสาธารณสุข เป็นด่านหน้าทำงานประสานระหว่างชุมชนกับแพทย์-พยาบาลในโรงพยาบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในถิ่นทุรกันดาร
แต่นอกจากการให้ความรู้ด้านสุขภาพเกี่ยวกับการป้องกันโรคภัยไข้เจ็บแล้ว ด้วยความที่รูปแบบการทำงานที่เข้าถึงชุมชน ทำให้หมออนามัยกลายเป็นหนึ่งในผู้มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนสุขภาวะชุมชนด้วย ดังล่าสุดที่งานประชุมวิชาการเครือข่ายหมออนามัยแห่งชาติ ครั้งที่ 2 ประจําปี 2563 ช่วงปลายเดือน ธ.ค. 2563 ที่ผ่านมา หมออนามัยได้รับภารกิจเพิ่มเติมอีกครั้ง นั่นคือ “ลดการบาดเจ็บล้มตายจากอุบัติเหตุบนท้องถนน”ที่ไทยมักติดอันดับต้นๆ ของโลก จนมีคำกล่าวเชิงประชดประชันว่าถนนเมืองไทยอันตรายราวกับสนามรบเสมอมา
ศ.(เกียรติคุณ)นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส กล่าวในการประชุมครั้งนี้ว่า หมออนามัยหรือผู้ประกอบวิชาชีพสาธารณสุข มีความใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีหมออนามัยประมาณ 40,000 คนทั่วประเทศ ทำหน้าที่เป็นแนวหน้าควบคุมโรคต่างๆ เช่น เมื่อเกิดวิกฤติโควิด-19 ประเทศไทยสามารถจัดการกับโรคอุบัติใหม่นี้ได้ดี ส่วนหนึ่งเพราะการทำงานเชิงรุกของบุคลากรเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม หน้าที่ของหมออนามัยไม่ใช่แค่ให้บริการด้านป้องกันควบคุมโรค รักษาพยาบาล และฟื้นฟูสภาพร่างกาย แต่ยังมีศักยภาพมากพอที่จะกำหนดประเด็นการสร้างเสริมสุขภาพของประชาชนตามสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นจริงของแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะมิติการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนที่คร่าชีวิตคนไทยปีละกว่า 20,000 คน ทั้งนี้ หมออนามัยสามารถทำหน้าที่สำรวจหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุทุกๆ กรณี เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาความปลอดภัยทางถนนระดับตำบลได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ขณะที่ รุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสังคม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สสส. สนับสนุนภาคีเครือข่ายด้านความปลอดภัยทางถนนมาตั้งแต่ปี 2546 ล่าสุดได้สนับสนุนเครือข่ายหมออนามัยวิชาการ ดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายหมออนามัยเพื่อขับเคลื่อนตำบลปลอดภัยมีเป้าหมายมุ่งสร้างและส่งเสริมความเข้มแข็งของเครือข่ายหมออนามัยด้านวิชาการ สร้างหมออนามัยแนวใหม่ (Mohanamai Academy) เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดตำบลหรือชุมชนปลอดภัยจากอุบัติเหตุทางถนน
“ขณะนี้ สสส. กำลังขับเคลื่อนการสนับสนุนกลไกความปลอดภัยทางถนนในระดับพื้นที่ โดยได้ดำเนินการตามนโยบายตำบลขับขี่ปลอดภัย ของกระทรวงมหาดไทย ในโจทย์นี้หากได้ชุมชนและหมออนามัยซึ่งมีข้อมูลรวมถึงมีความใกล้ชิดกับคนในชุมชน เข้ามามีบทบาทร่วมกันตั้งเป้าหมายลดตายจากอุบัติเหตุตำบลละ 1 คน จะทำให้ไทยสามารถลดการตายได้ปีละกว่า 7,000 คน สถิติโลกที่เราครองอยู่อันดับต้นๆ จะลดตามไปด้วย”น.ส.รุ่งอรุณ กล่าว
ด้าน บุญเรือง ขาวนวล นายกสมาคมเครือข่ายหมออนามัยวิชาการ กล่าวว่า เครือข่ายหมออนามัยวิชาการต้องขอบคุณ สสส. ที่ให้ความสำคัญกับการเติมเต็มองค์ความรู้ของเครือข่ายฯ สำหรับงานวิจัยในโครงการดังกล่าว ใช้ชุมชนเป็นฐานประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยทีมหมออนามัยได้ดำเนินการวิเคราะห์ปัญหาในชุมชน เพื่อนำมาวางแผนดำเนินงาน และติดตามประเมินผล ภายหลังมีการถอดบทเรียน นำข้อมูลกลับสู่ชุมชนเพื่อนำไปสู่การวางแผนการดำเนินงานร่วมป้องกันและแก้ไขโดยเฉพาะประเด็นการจัดการอุบัติเหตุทางถนน ร่วมกันใน 60 พื้นที่ชุมชน
และกระบวนการสุดท้ายคือการจัดเวทีนำเสนอแลกเปลี่ยนผลจากงานวิจัยเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพเครือข่ายหมออนามัย จำนวนทั้งสิ้น 86 ผลงาน ในประเด็นต่างๆ อาทิ การจัดการอุบัติเหตุทางถนน ปัจจัยเสี่ยงบุหรี่-เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) การควบคุมป้องกันไวรัส
โควิด-19 เป็นต้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการกำหนดประเด็นการทำงานของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในอนาคต
ท้ายสุดประชาชนในพื้นที่จะเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์สูงสุดอย่างแท้จริงจากการร่วมแรงกันของเครือข่ายหมออนามัยและชุมชน!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี