ปัจจุบันทั่วโลกและประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์โรคระบาดของไวรัสโคโรนา หรือโควิค-19 การหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดหรือสัมผัสกันระหว่างมนุษย์จะช่วยป้องกันการติดเชื้อและการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิค-19 ดังนั้น ผู้คนจำเป็นต้องปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ ได้แก่ มาตรการการเว้นระยะห่าง ลดการเดินทาง หรือการทำงานจากที่บ้านเพื่อควบคุมและลดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส ในหลายภาคส่วนได้มีแนวทางการใช้งานเทคโนโลยีต่างๆ ที่ช่วยลดการติดต่อระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ เกิดความปลอดภัยต่อสุขภาพ ภาคสังคม ธุรกิจและเศรษฐกิจดำเนินต่อไปได้อย่างเป็นปกติมากที่สุด ท่ามกลางการแพร่ระบาดที่รุนแรง กล่าวได้ว่าการระบาดใหญ่ของไวรัส COVID-19 ครั้งนี้เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาของ “Digital Transformation” ในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ทุกภาคส่วนในช่วงก่อนการแพร่ระบาดได้เป็นอย่างยิ่ง ดังคำกล่าวของศาสตราจารย์และนักวิจัยจาก NYU Stem School of Business ด้าน “Digital Transformation” ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวไว้ว่า “Crisis can be a catalyst or can speed up changes that are on the way-it almost can serve as an accelerant” โรคระบาดนี้ได้ส่งผลต่อการเดินทางไปพบแพทย์ และการดูแลรักษาสุขภาพของประชาชน การใช้ระบบการดูแลสุขภาพทางไกลด้วยเทคโนโลยีเทเลเฮลท์ “Telehealth Technology” จะเป็นแนวทางที่สำคัญในการดูแลสุขภาพผู้ป่วยทางไกล ลดการเดินทาง เข้าถึงบริการได้สะดวกขึ้น ประหยัดค่าใช้จ่ายและมีประสิทธิภาพในการดูแลรักษาที่ดีขึ้น
ระบบดูแลสุขภาพทางไกล “Telehealth” คืออะไร
“Telehealth” เป็นการให้บริการด้านสุขภาพผ่านเทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีการสื่อสารดิจิทัล เพื่อการป้องกันและดูแลสุขภาพ เทคโนโลยีที่ช่วยในการสื่อสารด้านสุขภาพและการรักษา เช่น การประชุมผ่าน Video Conference แอพลิเคชั่นบนมือถือ การจัดเก็บและส่งข้อมูลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์และการติดตามผู้ป่วยทางไกล (Remote Patient Monitoring : RPM) เป็นต้น Telehealth จะใช้ในความหมายที่ครอบคลุมระบบการสาธารณสุข ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ สาธารณสุขชุมชน การพัฒนาระบบสุขภาพ และระบาดวิทยา โดย Telehealth จะมีความหมายที่กว้างกว่า Telemedicine ที่เป็นการมุ่งเน้นการรักษาทางการแพทย์
การคาดการณ์การเติบโตของ Telehealth ในต่างประเทศ
การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 เป็นแรงขับเคลื่อนเทคโนโลยี Telehealth ที่สำคัญ ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ทำการสำรวจโดย Sage Growth Partner (SGP) และการวิจัยตลาด Black Book พบว่า ร้อยละ 25 ของผู้ใช้บริการเทคโนโลยีนี้ก่อนการแพร่ระบาดร้อยละ 59 มีแนวโน้มที่จะใช้บริการมากขึ้น นอกจากนี้ตามรายงานของ Global Market Insights ด้านการตลาดของ Telemedicine มีมูลค่าอยู่ถึง 175.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2026 ซึ่งบอกถึงแนวโน้มความต้องการ Telehealth ทั้งในปัจจุบันและในอนาคตได้เป็นอย่างดีผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพแบบดิจิทัล Lisa Mazur, McDermott Will & Emery ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวถึงประเด็นสำคัญที่สนับสนุนเทคโนโลยีนี้ในปัจจุบัน และการเติบโตในอนาคต ดังนี้
1.ความต้องการการเข้าถึง “Telehealth” ที่เพิ่มขึ้น เป็นความต้องการการคัดกรองอาการของ COVID-19 รวมถึงการรักษาตามอาการปกติ การติดตามผล กรณีตัวอย่าง ข้อมูลจากการสำรวจพฤติกรรมทางสุขภาพพบว่า ร้อยละ 45 ระบุว่าไวรัส COVID-19 มีผลกระทบต่อสุขภาพจิต มีการใช้งาน Telehealth ด้านสุขภาพจิตที่สูงขึ้น
2.การลงทุนขนาดใหญ่ด้าน Telehealth แบบวีดีโอกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ กรณีตัวอย่าง TytoCare กำลังลงทุนมูลค่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับหูฟังที่เชื่อมต่อกับ Telehealth, เครื่องวัดอุณหภูมิอินฟราเรด และเครื่องมือตรวจหู (otoscope) ช่วยให้ผู้ใช้บริการเข้าถึงอุปกรณ์เหล่านี้ได้สะดวกสบายมากขึ้น ช่วยเพิ่มคุณภาพการดูแลรักษาได้ดียิ่งขึ้น
3.ศักยภาพของ Telehealth ที่จะพัฒนาต่อไปได้มากขึ้นในอนาคต เนื่องจากเทคโนโลยีนี้มีบทบาทสำคัญในช่วงวิกฤตโรคระบาดนี้ทำให้ได้รับการยอมรับทั้งจากผู้ป่วยและผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพซึ่งมีแนวโน้มที่จะถูกพัฒนาต่อไป และใช้งานในชีวิตประจำวัน โดยคาดการณ์ว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้น ร้อยละ 20-30 บริษัทด้านเทคโนโลยีรายใหญ่ Apple และ Google ได้พัฒนาการติดตามการติดต่อผ่าน Bluetooth ซึ่งจะช่วยติดตาม บ่งบอกผู้ที่อาจสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ และทำนายการแพร่ระบาดของโรคได้ดียิ่งขึ้น
ในช่วงเวลาระหว่างการพัฒนาวัคซีน ผู้คนจำเป็นต้องใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง มีความต้องการเลือกใช้บริการที่ช่วยลดความเสี่ยงและลดการติดต่อที่ไม่จำเป็น จึงเห็นได้ชัดว่าพลังของ Telehealth ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องนั้นเป็นหนึ่งในแนวทางแก้ปัญหาที่สำคัญ และเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตแบบใหม่
โดยสรุป สถานการณ์ของโรคระบาดโควิด-19 ทำให้วิถีชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไปจากเดิมเป็นอย่างมาก ทั้งในด้านสุขภาพ การทำงานการศึกษา อาหาร อุตสาหกรรม การค้า และการเงิน ทุกภาคส่วนทั่วโลกและประเทศไทยได้ใช้เทคโนโลยีต่างๆ เพื่อทำให้การดำรงชีวิตเป็นปกติมากที่สุด มีความปลอดภัยต่อสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และมีความสมดุลทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางการแพร่ระบาดอย่างรุนแรง โดยหนึ่งในเทคโนโลยีที่สำคัญคือ “Telehealth” เทคโนโลยีด้านสุขภาพทางไกล ที่ช่วยลดการติดต่อระหว่างมนุษย์ ลดการแพร่กระจายเชื้อ เป็นนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ช่วยผู้คนทั่วโลกและประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้ไปได้ รวมทั้งการได้รับการยอมรับจากผู้ใช้งาน ผู้เชี่ยวชาญ ความต้องการการลงทุนจากภาคธุรกิจช่วยสร้างความมั่นใจในการเติบโตที่เพิ่มขึ้นของ “Telehealth”ในการสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจและสังคมสำหรับประเทศไทยและต่างประเทศได้อย่างยั่งยืนต่อไป
เอกสารอ้างอิง
https://techsauce.co/pr-news/social-distancing-nia-telehealth-covid-19
https://www.forbes.com
https://www.mckinsey.com
ศูนย์ความหลากหลายทางชีวภาพ
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี