การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2020-21 ได้คู่ชิงชนะเลิศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยที่ “สิงโตน้ำเงินคราม”เชลซี จะทำศึกสายเลือดเมืองผู้ดี เจอกับ “เรือใบสีฟ้า”แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สองทีมดังในยุคมิลเลี่ยนแนร์ โดยจะชิงกันที่อตาเติร์ก โอลิมปิก สเตเดี้ยม นครอิสตันบูล ประเทศตุรกีในวันที่ 29 พฤษภาคมนี้
เชลซี สามารถปราบ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด แชมป์ 13 สมัยจากสเปน ลงได้ 2-0 รวมผล 2 นัด ชนะไป 3-1 ทำให้ เชลซี แชมป์ 1 สมัยจากมหานครลอนดอน ได้เข้าชิงฯเป็นครั้งที่ 3 ในประวัติศาสตร์สโมสร และในยุคของ โธมัส ทูเคิ่ล คุมทัพไปแล้ว 24 นัด ชนะได้ถึง 16 เสมอ 6 แพ้แค่ 2 เกมเท่านั้น
หลังเกม ทูเคิ่ล กุนซือของเชลซี กล่าวหลังพาทีมเข้าชิงฯ ว่าตอนนี้เราได้เข้าชิงชนะเลิศถึง 2 รายการ ผมเป็นส่วนหนึ่งของสโมสรตั้งแต่ทำงานวันแรก และรู้สึกได้รับการสนับสนุนอย่างมากตั้งแต่เริ่มงาน ผมรู้สึกขอบคุณมากที่ได้มาอยู่ข้างสนามกับทีมทีมนี้ กับทีมที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นในการเล่น การมีทัศนคติในเชิงบวก และความหิวกระหาย มันทำงานของเราง่ายขึ้นในหลายๆ ครั้ง
โดย ทูเคิ่ล นั้นต้องการครองแชมป์ให้ได้เป็นครั้งแรก หลังจากปีก่อนเขาได้รองแชมป์กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง โดยก่อนหน้านี้มีผู้จัดการทีม 2 คนที่เข้าชิง 2 ปีติดแต่แพ้ทั้งหมดก็คือ มาร์เซโล่ ลิปปี้ ของยูเวนตุส ปี 1997 กับ 1998 และเอคตอร์ คูเปร์ ของบาเลนเซีย ปี 2000 และ 2001 ซึ่ง ทูเคิ่ล เป็นคนแรกที่คุมทีม 2 สโมสรแล้วได้ชิงบิ๊กเอียร์ 2 ปีติดต่อกัน
“เราแสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณการต่อสู้ของพวกเราการทำงานหนักเพื่อให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด ผมชื่นชอบแนวคิดของนักบอลในครึ่งหลัง เพราะพวกเขาไม่เคยย่อท้อกับโอกาสที่มันเสียไปหลายครั้ง แต่เราก็สามารถกลับมามีสมาธิอย่างต่อเนื่อง ทุกคนมองโลกในแง่ดี นั่นถือว่าดีมาก และเราต้องทำงานหนักกันต่อไป”
ทูเคิ่ล กล่าวถึงนัดชิงชนะเลิศว่า นี่เป็นเรื่องใหญ่มาก เป็นเกมที่ใหญ่สุดๆ ดังนั้นผมจึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งกับสปิริตและเครดิตที่ยิ่งใหญ่สำหรับทีมนี้ ที่ผ่านมาผมมักจะพูดอยู่เสมอว่าสำหรับผมแล้ว บาเยิร์น มิวนิค กับ แมนเชสเตอร์ซิตี้ คือมาตรฐาน และเราจะต้องการปิดช่องว่างของแมนเชสเตอร์ซิตี้ เพื่อความสำเร็จของเรา”
น่าสนใจอย่างมากว่า เมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา เชลซี แพ้ให้กับ เลสเตอร์ 0-2 ตกไปอยู่อันดับ 8 ในตาราง และ แฟรงค์ แลมพาร์ด กุนซือบอกว่า ทีมนี้ไม่พร้อมที่จะต่อสู้เพื่อโทรฟี่แชมป์ และจากนั้นเพียง 6 วัน แลมพาร์ด ได้ถูกปลดจากตำแหน่ง แต่มาถึงวันนี้อีก 4 เดือนต่อมา เชลซี กำลังลุ้นดับเบิ้ลแชมป์บอลถ้วย
ในเรื่องของสถิติที่น่าสนใจ ถูกหยิบยกขึ้นมาว่า เชลซีซีซั่นนี้คล้ายกับซีซั่น 2011-12 ที่ปีนั้น 4 มีนาคม 2012 ปลด อังเดรวิลาส-โบอาส ตั้ง โรแบร์โต้ ดิ มัตติโอ จากนั้น 5 พฤษภาคม 2012 คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ด้วยการชนะ ลิเวอร์พูล 2-1 และ19 พฤษภาคม 2012 คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หลังจากเสมอ บาเยิร์น มิวนิค ในเวลา 1-1 ดวลจุดโทษชนะ 4-3
มาในปีนี้ 26 มกราคม 2021 ปลด แฟรงค์ แลมพาร์ด จูเนียร์ออกจากทีม จากนั้นตั้ง โธมัส ทูเคิ่ล มาทำทีมแทน และในวันที่ 17 เมษายน เข้าชิงเอฟเอ คัพ อังกฤษ พบกับ เลสเตอร์ ซิตี้และสามารถเข้าชิง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ ทำให้ต้องลุ้นกันว่า บทจบนั้นจะเป็นอย่างไร
สำหรับการเจอกันเองของชาติเดียวกันนั้น เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นครั้งที่ 8 และเป็นครั้งที่ 3 ที่ทีมจากอังกฤษได้ชิงฯกันเองโดยสถิติ 7 ครั้งก่อนหน้านี้ ประกอบด้วย ปี 2000 เรอัล มาดริดชนะ บาเลนเซีย 3-0, ปี 2003 เอซี มิลาน ชนะจุดโทษ ยูเวนตุส3-2, ปี 2008 แมนยูฯ ชนะจุดโทษ เชลซี 6-5, ปี 2013บาเยิร์นฯ ชนะ ดอร์ทมุนด์ 2-1, ปี 2014 เรอัล มาดริด ชนะช่วงต่อเวลา แอต.มาดริด 4-1, ปี 2016 เรอัล มาดริด ชนะจุดโทษ แอต.มาดริด 5-3 และปี 2019 ลิเวอร์พูล ชนะ สเปอร์ส 2-0
นอกจากนี้จะเป็นการการันตีว่า แชมป์จะอยู่ในเกาะอังกฤษอย่างแน่นอน โดยจะเป็นแชมป์ครั้งที่ 14 ก่อนหน้านี้ทีมได้แชมป์จากอังกฤษ ประกอบด้วย ลิเวอร์พูล 6 สมัย,แมนฯยูไนเต็ด 3 สมัย, น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 2 สมัย, แอสตัน วิลล่า 1 สมัย และ เชลซี 1 สมัย ตามหลังสเปน ที่ได้แชมป์สูงสุดอยู่ที่ 18 สมัย ส่วน แมนฯซิตี้ นั้นจะลุ้นเป็นแชมป์รายการนี้สมัยแรก และถ้าทำได้จะเป็นทีมที่ 6 แต่ถ้าไม่ได้จะอกหักเหมือนกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด, อาร์เซนอล และสเปอร์ส ที่เข้าชิงครั้งแรกแล้วไม่ได้แชมป์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี