12 พฤษภาคม 2013 “เรือใบสีฟ้า” แมนฯซิตี้ สั่งปลด โรแบร์โต้ มันชินี่ ออกจากสโมสร
วันเดียวกันในอีก 8 ปีต่อมา พวกเขาเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก สมัยที่ 7 และกำลังได้ลุ้นถึง 3 แชมป์ในปีเดียวกัน โดยเฉพาะที่วาดฝันมาทั้งชีวิตกับ “ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก”...
แชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2020-21 ได้ตัดสินแชมป์เป็นที่เรียบร้อย นั่นก็คือ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้
หลังจากผลของคู่แข่งโดยตรงอย่าง “ปีศาจแดง”แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จบลงด้วยการคาบ้านให้กับ “จิ้งจอกสีน้ำเงิน” เลสเตอร์ ซิตี้ 1-2 ทำให้คะแนนขาดลอยแม้จะเหลืออีก3 นัด ก็ตาม
น่าสนใจก็คือ แมนฯซิตี้ ซีซั่นนี้เคยหลุดไปถึง อันดับที่ 11 หลังจากเกมผ่านไป 8 นัด เมื่อบุกไปแพ้ สเปอร์ส 0-2 ผลแข่งในวันนั้นยังส่งให้ สเปอร์ส ขึ้นนำเป็นจ่าฝูง เมื่อ 21 พฤศจิกายน 2020
หลังจากนั้น แมนซิตี้ เร่งเครื่องกลับมา ชนะ 2 เสมอ 2 ก่อนจะชนะในลีกต่อเนื่องอีก 15 นัดติดต่อกัน
ขึ้นจ่าฝูงหลังจากผ่านไป 19 นัด และไม่เคยลงมาอีกเลย
แมนเชสเตอร์ซิตี้ ไม่ได้เก่งเพียงทีมเดียว หรือเก่งเพียงอย่างเดียว แต่ฟุตบอลในปีนี้ปัจจัยภายนอกเยอะมาก ในฤดูกาลที่หลายทีมผลัดกันมีช่วงเวลาฟอร์มตก บวกกับทีมอื่นที่พร้อมจะแสดงความผิดพลาดอยู่ตลอดเวลา
มีการเปลี่ยนแปลงจ่าฝูงมากมาย ก่อนที่พวกเขาจะขึ้นมาในครึ่งฤดูกาลหลัง
จุดสำคัญก็คือ การออกสตาร์ทคุมทัพที่แย่ที่ชุดในอาชีพกุนซือ ด้วยการชนะ 3 เสมอ 3 แพ้ 2 และทำท่าจะ “ไปไม่รอด” แต่จังหวะที่กำลังลงเหว เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ปรับทัพจากนักบอลที่ซื้อและที่มีได้ลงตัวพอดี โดยเฉพาะการโดดเข้าไปในตลาดซื้อรูเบน ดิอาส เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2020 ถือเป็นการ“ซื้อแห่งฤดูกาล” อีกครั้ง
“ใช้เงินแก้ปัญหา” เป็นเรื่องปกติที่เราเห็นในยุคมิลเลียนแนร์ เงินจำนวน 62.1 ล้านปอนด์ ดูคุ้มค่าทันที ยิ่งเมื่อเทียบกับนาธาน อาเก้ 40 ล้านปอนด์ ยิ่งไปกันใหญ่ และเมื่อมันลงล็อกจากแนวรับ ดิอาส คู่กับคนที่เหมือนจะหมดสภาพไปแล้วอย่าง จอห์น สโตนส์
ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
การพัฒนาฟอร์มขึ้นมาของหลายคน โดยเฉพาะ อิลคายกุนโดกัน และแบร์นาโด้ ซิลวา พร้อมกับการเติบโตของฟิล โฟเด้น ที่สำคัญคือ นักบอลพีคพร้อมกัน บางขณะที่แม่ทัพอย่าง เควิน เดอ บรอยน์ เจ็บไปในช่วงรอยต่อเดือนกุมภาพันธ์ พวกเขายังเล่นได้อย่างลงตัว
หลายครั้งลงตัวกว่ามี เดอ บรอยน์ ด้วยซ้ำไป
แผนการเล่นยังเป็นที่น่าสนใจ เมื่อ เป๊ป “ออกนอกกรอบ”ของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบ นั่นคือเล่นแบบ “ไม่มีกองหน้าตัวเป้า” หรือ FALSE 9 อย่างเต็มรูปแบบ
จุดนี้ต้องยอมรับว่า แมนฯซิตี้ ดีกว่าทุกทีมจริงๆ ทั้งในประเทศและบอลยุโรปในซีซั่นนี้
เป็นปีที่เหลือเชื่อของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และแมนฯซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก โดยยอมรับว่า นี่เป็นปีที่ยากที่สุดในการคว้าแชมป์
กลายเป็นเพื่อนบ้านที่น่ารำคาญของจริงเพราะตั้งแต่หมดยุคของ เซอร์เฟอร์กี้ แมนฯซิตี้อันดับเหนือกว่าแมนยูฯมาตลอด
เท่ากับว่านับตั้งแต่ประมวลกฎหมายฟุตบอลอาชีพโดยสมาคมฟุตบอลอังกฤษ ในปี พ.ศ.2428 หรือ 1885 จากนั้น ฟุตบอลลีกก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2431 หรือ 1888
ด้วยการริเริ่มสร้างสรรค์โดย วิลเลียม แม็คเกรเกอร์ ผู้อำนวยการสโมสรของแอสตัน วิลล่า ในสมัยนั้น ทำให้เกิดฟุตบอลลีกขึ้นในฤดูกาล 1888-89
ปีนั้น “เดอะ ลิลลี่ ไวท์” เปรสตัน นอร์ธเอนด์ เป็นสโมสรแรกที่ได้ครองตำแหน่งแชมป์ พร้อมกับสร้างปรากฏการณ์ ไม่แพ้ใครตลอดทั้งซีซั่นอีกด้วย
การได้แชมป์ของ แมนฯซิตี้ ทำให้ยังคงมีอยู่ 24 ทีมได้แชมป์ลีกสูงสุด พวกเขาเป็นแชมป์สมัยที่ 7 และสามารถแย่งแชมป์กลับมาจาก “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เอฟซี ได้สำเร็จ
แชมป์ลีกสูงสุด ยังคงเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 20 สมัยและเป็นทีมเดียวที่ได้ถึง 20 ครั้ง ตามมาด้วยคู่ปรับตลอดกาลอย่าง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล 19 สมัย
ภูมิภาคที่ได้แชมป์มากที่สุดยังเป็น “นอร์ธ เวสต์”ได้แชมป์เป็นสมัยที่ 62
ลอนดอน 21 สมัย, ยอร์คเชอร์ 11 สมัย, เวสต์ มิดแลนด์11 สมัย, นอร์ธ อีสต์ 10 สมัย, อีสต์ มิดแลนด์ส 4 สมัย,เซาธ์ อีสต์ 2 สมัย, อีสต์ 1 สมัย โดยมีภูมิภาคเดียวที่ไม่เคยได้คือ เซาธ์ เวสต์
เมืองที่ได้แชมป์มากที่สุด ยังเป็นเมืองลิเวอร์พูลรวม 28 สมัย
ตามมาด้วย แมนเชสเตอร์ 27 สมัย, ลอนดอน 21 สมัย, เบอร์มิงแฮม 7 สมัย, เชฟฟิลด์ 5 สมัย
ทีมที่เคยทะลุไปถึงรองแชมป์ แต่ไม่ได้แชมป์มี 8 ทีม คือ บริสตอล ซิตี้, โอลแด่ม แอธเลติก, คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้, ชาร์ลตันแอธเลติก, แบล็คพูล, ควีนส์พาร์ค เรนเจอร์ส, วัตฟอร์ด และเซาแธมป์ตัน
...เท่ากับปีนี้เหลืออีกสัปดาห์เศษๆ ฟุตบอลอังกฤษแทบจะไม่เหลืออะไรให้ลุ้นเลย ทั้งตำแหน่งแชมป์, ทีมตกชั้นแม้กระทั่งโควตาฟุตบอลยุโรป
“ศักดิ์ศรี” ล้วนๆ และ “เพื่อแฟนบอล” ก็เพียงพอแล้ว...
ทำเนียบแชมป์ฟุตบอลอังกฤษ
“ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 20 สมัย
“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล 19 สมัย
“ปืนใหญ่” อาร์เซนอล 13 สมัย
“ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน 9 สมัย
“สิงห์เผ่นมิดแลนด์” แอสตัน วิลล่า 7 สมัย
“เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 7 สมัย
“แบล็คแคทส์” ซันเดอแลนด์ 6 สมัย
“สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี 6 สมัย
“สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล 4 สมัย
“นกเค้าแมว”เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ 4 สมัย
“หมาป่า” วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 3 สมัย
“ยูงทอง” ลีดส์ ยูไนเต็ด 3 สมัย
“กุหลาบไฟ” แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 3 สมัย
“ลิลลี่ไวท์” เปรสตัน นอร์ธเอนด์ 2 สมัย
“ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 2 สมัย
“ไอ้หัวแกะ” ดาร์บี้ เคาน์ตี้ 2 สมัย
“เดอะ คลาเร็ตส์” เบิร์นลี่ย์ 2 สมัย
“ปอมปีย์” พอร์ทสมัธ 2 สมัย
“ดาบคู่” เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 1 สมัย
“เดอะ แบ๊กกี้ส์” เวสต์บรอมวิช อัลเบี้่ยน 1 สมัย
“ม้าขาว” อิปสวิช ทาวน์ 1 สมัย
“เจ้าป่า” น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 1 สมัย
“จิ้งจอกสีน้ำเงิน” เลสเตอร์ ซิตี้ 1 สมัย
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี