ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2020-21 ผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อย ด้วยการเป็นแชมป์ของ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และการตกชั้นของ ฟูแล่ม, เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน และเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด

นำทุกท่านร่วมบันทึกฤดูกาลที่พลิกไป-มาอย่างน่าหฤหรรษ์ ไปด้วยกันในฉบับนี้

*ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่ทีมเยือนชนะมากกว่าทีมเหย้า โดยทีมเยือนชนะ 153 นัด ส่วนทีมเหย้าชนะได้ 144 เกม

*แมนฯซิตี้ ครองแชมป์ทั้งที่มีคะแนนตามหลังจ่าฝูงในช่วงคริสต์มาส 8 คะแนน และอยู่อันดับที่ 12 เหมือนกับปีที่พวกเขาเป็นแชมป์เมื่อปี 1936-37 แบบบังเอิญ

*เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ออกสตาร์ทการคุมทัพแย่ที่สุด 12 ปีในอาชีพกุนซือ ก่อนจะได้แชมป์พรีเมียร์ลีก สมัยที่ 3 และเป็นสมัยที่ 9 ในการทำงาน โดยได้แชมป์ลา ลีกา กับ บาร์ซ่า 3 สมัย และ
บุนเดสลีกา กับ บาเยิร์นฯ อีก 3 สมัย และเป็นผู้จัดการทีมคนแรกที่คว้าแชมป์ลีก 3 ใน 5 ฤดูกาลแรกที่ได้รับตำแหน่งนับตั้งแต่ เคนนี่ ดัลกลิช ทำไว้กับ ลิเวอร์พูล เมื่อฤดูกาล 1985-86, 1987-88 และ1989-90

*หนึ่งในเหตุผลที่สำคัญในการได้แชมป์ของ แมนฯซิตื้ ก็คือ “เป๊ปทีม” มีค่าเฉลี่ยการพาบอลไปข้างหน้า 1.31 เมตร ต่อวินาที และมีการครองบอลเฉลี่ยต่อครั้งได้มากที่สุดคือ 14.5 วินาที

*การตัดสินแชมป์พรีเมียร์ลีก เกิดขึ้นที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด เป็นครั้งที่ 6 หลังจากจบเกมที่พวกเขาแพ้ให้กับ เลสเตอร์ ซิตี้ 1-2 นอกจากนี้ แมนฯยูไนเต็ด ได้รางวัลทีมที่ดูแลสนามดีที่สุดของฟุตบอลลีกอีกด้วย

*แมนยูฯ ทำสถิติเป็นทีมไร้พ่ายนอกบ้านเป็นครั้งที่ 4 ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ รวม 19 นัดโดยก่อนหน้านี้ทีมที่ทำได้คือ อาร์เซนอล 2 ครั้งปี 2020-21 และ 2003-04 ส่วนทีมแรกคือ เปรสตันนอร์ทเอนด์ ปี 1888-89

*“ขุนค้อน” เวสต์แฮม ทำอันดับดีที่สุดในลีกรอบ 22 ปี และผ่านเข้ารอบยูโรป้าลีก โดยการคว้าอันดับที่ 6 แต่ เดแคลน ไรซ์ กัปตันทีมทำสถิติยิงจุดโทษไม่เข้าเร็วที่สุดในพรีเมียร์ลีก ด้วยเวลาเพียง 2 นาที 4 วินาที โดยก่อนหน้านี้ นิโก ครันชาร์ ของพอร์ทสมัธ เป็นเจ้าของสถิติไม่น่าจำนี้เอาไว้ 4 นาที 19 วินาที เมื่อเดือนมกราคม 2008

*“ปืนใหญ่” อาร์เซนอล จบอันดับ 8 กลายเป็นฤดูกาลแรกที่ไม่ได้ฟุตบอลยุโรปในรอบ 25 ปี โดยที่พวกเขายังมีสถิติแปลกๆ ที่ยังคงอยู่ต่อไปถ้าหากนักเตะทีนเอจทำประตูได้ ก็จะไม่แพ้ รวมทั้งสิ้น60 นัด และชนะได้ถึง 50 เกม

*“ยูงทอง” ลีดส์ จบฤดูกาลที่ 59 คะแนนมากที่สุดโดยสโมสรที่เพิ่งเลื่อนชั้นในพรีเมียร์ลีกตั้งแต่ปี 2000-01 โดยทีมที่มีคะแนนมากสุดก่อนหน้านี้คือ “ม้าขาว” อิปสวิช ทาวน์ ทำได้ 66 แต้ม

*“คาร์เล็ตโต้” คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือมากประสบการณ์ชาวอิตาเลี่ยน ประสบความพ่ายแพ้ยับเยินที่สุดในอาชีพการทำงานของเขา เมื่อแพ้ในนัดปิดฤดูกาลให้กับ แมนฯซิตี้ 0-5 โดย อันเชล็อตติคุมาทัพมาแล้ว 1,167 นัด

*นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ อำลา “หมาป่า” วูล์ฟส์ หลังจากคุมทัพจบที่ 199 นัด หลังจาทกนำทัพขึ้นสู่พรีเมียร์ลีกในปี 2018-19 และยืนหยัดอยู่ในลีกสูงสุด 3 ปีซ้อน

*เวส มอร์แกน กัปตันทีมเลสเตอร์ ประกาศเลิกเล่น โดยเขาเป็น 1 ใน 5 นักเตะยุคพรีเมียร์ลีก ที่ลงสนามทุกนาทีที่ทีมเป็นแชมป์ เมื่อปี 2015/16 ก่อนหน้านี้คือ แกรี่ พัลลิสเตอร์(92/93), จอห์น
เทอร์รี่ (14/15), เซซาร์ อัลสปิลิกวยต้า( 16/17) และเฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค (19/20)

*เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ทีมของ อาร์เซนอล, เลสเตอร์ซิตี้, แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และท็อตแน่มฮ็อทสเปอร์ ที่ไม่ได้ลงเตะเลยในวันเสาร์ เวลา 15.00 น. หรือ When Saturday Come

*รอย ฮอดจ์สัน เกษียณตัวเองด้วยวัย 73 ปี288 วัน หลังจากทำงานมากว่า 40 ปี พร้อมกันนี้ยังทำทีมคริสตัล พาเลซ มีค่าเฉลี่ย 11 ตัวจริงอายุมากที่สุดด้วยในฤดูกาลนึ้ (29 ปี 209 วัน)

*“ดาบคู่” เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด แพ้ในพรีเมียร์ลีก29 นัด ในฤดูกาลนี้ ซึ่งเป็นสถิติร่วมกันในการแข่งขันลีกสูงสุดยุคพรีเมียร์ลีก เท่ากับที่ “ไอ้หัวแกะ”ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ทำเอาไว้ เมื่อปี 2007-08, “แมวดำ”ซันเดอร์แลนด์ ในปี 2005-06 และ “ม้าขาว”อิปสวิช ทาวน์ ในปี 1994-95

มีเพียง 3 ทีม เท่านั้นที่เคยแพ้ถึง 30 นัดในลีกสูงสุด โดยเกิดขึ้นในยุคก่อนพรีเมียร์ลีก และเป็นการเตะฤดูกาลละ 42 นัด ประกอบด้วย ลีดส์ ในปี 1946-47 (30 นัด), แบล็กเบิร์น ในปี 1965-66 (30นัด) และสโต๊คในปี 1984-85(31นัด)

ขณะเดียวกัน ดาเนี่ยลเยบบิสัน ของเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกที่ทำประตูได้ในการเริ่มต้นการแข่งขันนัดแรก ด้วยวัย 17 ปี 309 วัน

*การยิงประตูตัวเองของ เซร์คิโอ เรเกล่อน ถือเป็นการพังตาข่ายทีมตัวเองเป็นประตูที่ 1000 ของทุกทีมในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก โดยคนแรกที่ทำประตูตัวเองเกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม 1992 คือ มาร์ค ครอสลี่ย์ นายประตูของ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ เมื่อ 10,483 วันที่แล้ว

*อลิสซอน เบ๊คเกอร์ เป็นผู้รักษาประตูคนแรกในประวัติศาสตร์ของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่ทำประตูได้ ในเกมนัดเจอกับ เวสต์บรอมวิชอัลเบี้ยน นับเป็นโกล์คนแรกที่โหม่งพังประตูได้ และเป็นประตูชัยในยุคพรีเมียร์ลีก

ก่อนหน้านี้มีผู้รักษาประตูพังสกอร์ได้ในยุคพรีเมียร์ลีก รวม 5 คนด้วยกัน

ลิเวอร์พูล ยังเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ ที่เปลี่ยนผู้เล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟมากที่สุดถึง 20 คู่ ตลอดการลงสนาม 38 นัดของฤดูกาล โดยเฉพาะไม่มี เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค ตัวหลักที่หายไปจากสนามถึง 33 เกม

*เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ กองหน้าของ “จิ้งจอกสีน้ำเงิน” เลสเตอร์ เป็นผู้เล่นคนแรกในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกที่ยิงประตูได้ทั้งครบทั้ง 7 วันของสัปดาห์ภายในฤดูกาลเดียว

*เลสเตอร์ อยู่ในตำแหน่งท็อปโฟร์ยาวนานที่สุดถึง 242 วัน แต่พวกเขาหลุดโค้งไม่ได้ไปแชมเปี้ยนส์ลีก 2 ฤดูกาลติดต่อกันในวันสุดท้าย โดย แมนฯซิตี้ ทีมแชมป์อยู่ในท็อปโฟร์ 130 วันเท่านั้น และถือเป็นอันดับ 4 ของลีก แต่ได้แชมป์

* สก็อตต์ คาร์สัน ผู้รักษาประตูของ แมนฯซิตี้ได้ลงสนามอีกครั้งในซีซั่นนี้ ในเกมบุกไปเยือนนิวคาสเซิ่ล ถือเป็นการลงสนามครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2011 โดยช่องว่างตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันที่ลงสนามรวมเป็นเวลาถึง 3,645 วัน นานที่สุดในตำแหน่งนายประตู

บทสรุปพรีเมียร์ลีก 2020-21

แชมป์ : แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (สมัยที่ 7)

โควตา UCL : แมนฯซิตี้ (86 คะแนน), แมนยูฯ (74 คะแนน),

ลิเวอร์พูล (69 คะแนน), เชลซี (67 คะแนน)

โควตา ยูโรป้า ลีก : เลสเตอร์ ซิตี้ (66 คะแนน), เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (65 คะแนน)

ยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก : สเปอร์ส (62 คะแนน)

ตกชั้น : เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด (23 คะแนน),

เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน (26 คะแนน), 3.ฟูแล่ม (28 คะแนน)

ดาวซัลโว : แฮร์รี่ เคน (สเปอร์ส) 23 ประตู

Playmaker Award (ท็อปแอสซิสต์) : แฮร์รี่ เคน (สเปอร์ส) 14 ครั้ง

Golden Grove Award (ไม่เสียประตู) : เอแดร์ซอน โมราเอส (แมนฯซิตี้) 19 นัด

บี แหลมสิงห์