ภาพการตกรอบแรกฟุตบอลโลก 2018 ยังวนเวียนอยู่ในหัวของสาวก “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี
พวกเขาพลาดพ่ายให้กับ เกาหลีใต้ แบบไม่มีใครอยากจะเชื่อ ทำให้เสียมงกุฎแชมป์โลกไปแบบช็อกวงการฟุตบอล
ยูโร 2020 คือทัวร์นาเมนท์ต่อมา หลังจากบาดแผลเดิมต้องการที่จะได้รับการรักษา
การอยู่ในกลุ่มแห่งความตาย หรือ กรุ๊ป ออฟ เดธถือว่าสาหัส และการที่ เยอรมนี จะได้ต้องเจอกับสองทีมแกร่งทั้ง ฝรั่งเศส และโปรตุเกส ในเกมที่หนึ่งและสอง ถือเป็นเรื่องที่หนักจริงๆ
ถึงโปรแกรมจะโหดขนาดไหน เยอรมนี มีโชคตรงที่ได้เล่นในบ้านทั้ง 3 นัด ที่แคว้นบาวาเรีย มิวนิค
โชคชั้นที่ 1 ไม่ได้ใช้ เพราะพ่าย ฝรั่งเศส ไปเรียบร้อย
ทีนี้มาถึงโชคชั้นที่ 2 การได้เล่นในบ้านกับ โปรตุเกส ถือว่าสำคัญสุดๆ เพราะอาจจะพลาดได้ แต่ก็ไม่ควรจะพลาดอีก
ไม่อย่างนั้นต้องรอโชคชั้นต่อไป
ว่ากันอีกครั้งเรื่องการจัดทัพของ “สงครามครั้งสุดท้าย” ของ โยอาคิม เลิฟ กุนซือเยอรมนี ที่จัดระบบตามที่คาดกันไว้นั่นคือ 3-4-2-1 หากว่าเป็นยุคก่อนหน้านี้ 70 หรือ 80 แม้กระทั่งยุคกลางของ 90
คุณจะไม่มีสิทธิ์แปลกใจอะไรกับ “อินทรีเหล็ก”เจ้าแห่งระบบการเล่นปราการหลัง 3 คน หรือระบบ “ลิเบอโร่” สะท้านโลกันตร์
แต่สูตรปัจจุบันมันขัดแย้งกับสถานการณ์ และนักบอลแห่งโลกความเป็นจริง
เยอรมนี ไม่ได้เดินตามรอยเดียวกันเหมือนเมื่อก่อน นั่นก็คือ “คุณจะต้องเล่น” แผนกองหลังสามหรือแผนกองหลังสี่ แบบ “ยกทั้งลีก” ดังนั้นเราจะเห็นว่าบอลบุนเดสลีกา แล้วแต่เลยว่า ใครจะมาไม้ไหน หลังสามหรือหลังสี่ แล้วแต่คุณจะจัดลง
แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับทีมชาติเยอรมนี ในระบบ“กองหลังสามคน” ไม่ได้แปลกอะไร
นักบอลครึ่งทีมไม่ได้เล่นในตำแหน่งที่ถนัด แม้จะใช้สูตรนี้ในการเล่นรอบคัดเลือกและผ่านมาได้ แต่ต้องไม่ลืม
การเล่นรอบคัดเลือก กับ เล่นรอบสุดท้ายมันต่างกันมาก
การออกสตาร์ทด้วยแผน 11 คน ด้วยแนวรับคือ มัทธีอัส กินเตอร์, มัตส์ ฮุมเมิลส์ และ อันโตนิโอรือดิเกอร์ ขณะที่แดนกลางคือ โทนี่ โครส กับ อิลคายกุนโดกัน ส่วนวิงขวาคือ โยชัว คิมมิช กับ วิงซ้าย โรบิน โกเซนส์
แนวรุก ไค ฮาแวร์ตซ์, แซร์จ นาบรี้ และ โธมัสมุลเลอร์
เล่นไปเล่นมา เอ็มเร่ ชาน ได้ลงมาเล่นแทน กินเตอร์ แบบตำแหน่งต่อตำแหน่ง เช่นเดียวกับ ติโม แวร์เนอร์ กับ เลรอย ซาเน่ ก็มาแทนแบบตำแหน่งต่อตำแหน่ง ด้วยการนำ นาบรี้ กับ ฮาแวร์ตซ์ ออกจากสนาม ที่เปลี่ยนแผนคือส่ง เควิน โฟลแลนด์ กองหน้าอาชีพคนเดียวของทีม ที่ลงไปแทน โกเซนส์ แต่จะบอกว่านี่เปลี่ยนแผนแล้วเหรือ ก็เพราะให้ลงไปนาทีที่ 88
ที่ผ่านมา คนเยอรมนีเป็นชนชาติที่เล่นกีฬาแต่ละชนิดด้วยหลักวิทยาศาสตร์ ทุกอย่างต้องมีเหตุมีผลเน้นวินัย เป็นระบบระเบียบแบบแผน และการ
ที่นักเตะแทบจะไม่หลุดออกจากแผนการเล่นที่โค้ชวางไว้มันคือสิ่งที่ดี
แต่เมื่อพลิกแพลงไม่ได้ อาจจะไม่ประสบความสำเร็จ
ไลน์อัพแรกที่ลงไปนั้น นักบอลอย่าง นาบรี้, มุลเลอร์, คิมมิช, โครส, อิลคาย และอาจจะรวมถึง ฮาแวร์ตซ์ ด้วยก็ได้ ที่ไม่ได้เล่นตามธรรมชาติตัวเอง
นักบอลบาเยิร์น มิวนิค ไม่เคยเล่นระบบนี้ พวกเขาประสบความสำเร็จ 6 แชมป์ซีซั่น 2020 และบวกกับแชมป์บุนเดสลีกา ในซีซั่นที่ผ่านมา คุ้นชินกับ 4-2-3-1 ทำให้ นาบรี้, มุลเลอร์ และคิมมิช มีปัญหา เมื่อเจอกับบอลระดับทีมชาติหรือไม่
อิลคาย กับ โครส เล่นในระบบ “กลางสาม” มาโดยตลอด ทำให้ไม่มีตัวพาบอลจากแนวลึก ซึ่งจุดนี้คิมมิช แก้ไขได้ทันที เพราะการเล่นร่วมกับ เลออน กอเรตซ์ก้า ถือว่าเวิลด์คลาสมากๆ
อีกประเด็นคือ “หน้าเป้า” ของเยอรมนี มีปัญหามานานมากๆ ก่อนหน้านี้ มาริโอ โกเมซ ยังได้ติดทีม ตอนนี้ เควิน โฟลลันด์ เป็นตัวเลือกแบบเพียวๆ หากไม่เล่นแบบฟอลไนน์ส
เกมนี้อย่างน้อย จะปรับหรือไม่ปรับอย่างไร เยอรมนี “ต้องไม่แพ้” ก่อนจะเดินทางเข้าถึงโชคครั้งที่ 3ที่จะต้องดวลกับ ฮังการี ในนัดปิดท้าย หากชนะได้ ก็แทบจะรับโบนัสแห่งโชคชั้นที่ 4 เพราะการเข้ารอบนั้น นำทีมอันดับ 1 และ 2 เข้ารอบแบบอัตโนมัติ
ทีมอันดับ 3 จะได้เข้ารอบแบบอัตโนนาโถ อีก 4 จาก 6 ทีมด้วยกัน
ถ้าจะให้ดี ไม่ต้องรอให้มีโชคถึงชั้นที่ 3 บางทีควรจะทำให้ได้ตั้งแต่โชคชั้นนี้ไปเลย
คุณภาพ, มาตรฐานของ “อินทรีเหล็ก” การันตีโลกใบนี้มาตลอดในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะในเรื่องของฟุตบอล
ให้มันรู้ไปว่า โยอาคิม เลิฟ จะแก้ไม่ตก ทั้งที่อาวุธที่แท้จริงมีอยู่เต็มมือ
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี