อังกฤษ คว้าแชมป์กลุ่ม ดี สำเร็จหลังชนะ สาธารณรัฐเช็ก 1-0 จากประตูชัยของ ราฮีมสเตอร์ลิ่ง ในขณะที่โครเอเชียอัดสกอตแลนด์ร่วง 3-1 ในฟุตบอลยูโร 2020 กลุ่ม ดีเมื่อค่ำวันที่ 22 มิ.ย.2564 ที่สนาม เวมบลีย์ สเตเดี้ยม,กรุงลอนดอน ทั้ง2ทีมต่างเข้ารอบไปแล้ว โดยสาธารณรัฐเช็ก ส่ง พาทริก ชิค ยืนหน้าเป้า มี โทมัส ซูเช็ค คุมแดนกลาง ส่วน อังกฤษปรับ4 ตำแหน่งจากนัดก่อนส่ง ไคล์ วอล์คเกอร์, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, บูคาโย่ ซาก้า และ แจ็ค กรีลิช ลงตัวจริง ส่วน เบน ชิลเวลล์ แบ็กซ้าย และ เมสัน เมาท์ ต้องกักตัวหลักใกล้ชิด บิลลี่ กิลมอร์ ดาวรุ่งสกอตแลนด์ที่ติดโควิด
เริ่มเกมนาทีแรก อังกฤษเกือบนำลุค ชอว์ หยอดบอลข้ามแนวรับไปให้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง หลุดเดี่ยวก่อนกระดกบอลข้ามตัว โทมัส วาคลิค ไปได้แล้ว แต่บอลชนเสาอย่างน่าเสียดาย นาที 12 อังกฤษ นำก่อน 1-0 จนได้จากจังหวะที่ แจ็ค กรีลิช โยกแล้วเปิดจากซ้ายเลยไปเสาไกล ราฮีม สเตอร์ลิ่งขึ้นโขกจ่อๆ เข้าไปสาธารณรัฐเช็ก ตอบโต้คืนในอีก นาทีที่28 โธมัส โฮเลส ได้ตั้งป้อมยิงไกล บอลจะเบียดเสาเข้าอยู่แล้ว แต่ จอร์แดน พิคฟอร์ด พุ่งซูเปอร์เซฟปัดปลายมือออกหลังไปได้
จบครึ่งแรกที่สกอร์1-0 ครึ่งหลัง อังกฤษส่ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ลงแทน ดีแคลน ไรซ์ ส่วน สาธารณรัฐเช็ก เปลี่ยนเช่นกันให้ ปีเตอร์ เซฟซิค ลุยแทน ยาคุบ ยังค์โต้ใน 15 นาทีแรกของครึ่งหลัง สาธารณรัฐเช็ก แก้เกมมาทำให้สามารถต่อบอลสู้อังกฤษได้อย่างไม่เป็นรอง แต่จังหวะลุ้นยิงประตูไม่มี อังกฤษปรับเกมอีกรอบส่ง มาร์คัส แรชฟอร์ด และ จู๊ด เบลลิงแฮม ลงแทน ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และ แจ็ค กรีลิช ในนาที 68 โอกาสลุ้นประตูมีน้อยนาที 75 สตีฟ แม็กไกวร์ พาบอลลุยขึ้นมาถึงเขตโทษก่อนไหลให้ เบลลิงแฮม จับหนึ่งจังหวะกำลังจะได้ยิงแต่โธมัส โฮเลส วิ่งมาสกัดทิ้งได้ก่อน ท้ายเกมไม่มีประตูจบเกม อังกฤษ ชนะ สาธารณรัฐเช็ก 1-0 ทำให้จบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม และต้องพบรองแชมป์กลุ่ม เอฟ ที่อาจเป็น ฝรั่งเศส, เยอรมัน หรือ โปรตุเกส ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่จะได้เล่นในเวมบลีย์ต่อไปในวันอังคารที่ 26 มิ.ย.ส่วน สาธารณรัฐเช็ก หล่นไปเป็นที่ 3 แต่เข้ารอบ
ส่วนผลอีกคู่โครเอเชียรองแชมป์โลกปี2561คว้าตั๋วเข้ารอบได้สำเร็จหลังคืนฟอร์มเก่งยิงสกอตแลนด์ 3-1 ในเกมที่ ลูก้า โมดริช ทำประตูสุดสวยที่สนามแฮมป์เดนท์ปาร์คนครกลาสโกว์ในสกอตแลนด์โครเอเชียที่มีคะแนนเดียวจาก 2 นัดแรก นำทัพโดย ลูก้า โมดริช และ เดยัน ลอฟเรน ส่วนสกอตแลนด์ไม่มี บิลลี่ กิลมอร์ ดาวรุ่งตัวเก่งที่ติดโควิดเริ่มเกมมานาทีที่ 5 สกอตแลนด์มีโอกาสก่อนเมื่อ จอห์น แม็คกินน์ เปิดบอลจากซ้ายเข้าเขตโทษเช อดัมส์ กระโดดชาร์จวืดไปนิดเดียว โดมินิก ลิวาโควิช ต้องทุบทิ้งไม่กล้ารับนาทีที่ 11โครเอเชีย ออกนำ 1-0 โยซิป ยูราโนวิช โยนบอลจากขวาไปถึง อีวาน เปริซิช โหม่งชงคืนให้ นิโกล่า วลาซิช จับแล้วยิงด้วยซ้ายระยะ 10 หลาเข้าไปสกอตแลนด์ ไล่ตีเสมอ 1-1 ได้ในนาที 42 แอนดี้ โรเบิร์ตสัน เปิดบอลเข้าเขตโทษ แต่ถูกสกัดออกมาหน้าเขตโทษ คัลลั่ม แม็คเกรเกอร์ จับแล้วยิงด้วยขวาส่งบอลเสียบเสาเด็ดขาด และจบครึ่งแรกที่สกอร์นี้1-1
ครึ่งหลังสกอตแลนด์น่าจะได้ประตูนำในนาที 59 สจ๊วร์ต อาร์มสตรอง โยนบอลให้ จอห์น แม็คกินน์ กระโดดทิ่มบอลจ่อๆ แต่โดนบอลไม่เต็มทำให้ออกหลังไปนาทีที่62 โครเอเชีย นำอีกรอบเป็น 2-1 มาเตโอ โควาซิช ได้บอลตรงเขตโทษแต่ยิงไม่ได้จึงไหลต่อให้ ลูก้า โมดริช วิ่งมาดีดจากข้างเท้าด้านนอกส่งบอลลอยเข้าประตูสวยงาม โครแอตหนีห่าง 3-1 จากจังหวะเตะมุมในนาทีที่ 77 ลูก้า โมดริช โยนไปเสาแรกให้อีวาน เปริซิช ขึ้นโขกเช็ดบางๆส่งบอลลงพื้นก่อนเด้งเข้าเสาเวลาที่เหลือ ไม่มีประตูเกิดอีกจบเกม โครเอเชีย เอาชนะ สกอตแลนด์ 3-1 ได้ผ่านเข้ารอบในฐานะรองแชมป์กลุ่ม ส่วนสกอตแลนด์ ตกรอบ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี