ผ่านการดวลแข้งดุเด็ดเผ็ดมันสำหรับ ยูโร 2020 และพักยกกัน 2 วัน

นำท่านเปิดบันทึกเอาไว้สำหรับการดวลแข้ง 8 คู่ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ก่อนเข้าสู่รอบควอเตอร์ไฟนอล….ใครจะเฮใครจะโฮ

เวลส์ 0-4 เดนมาร์ก

แคสเปอร์ ดอลเบิร์ก สังหารประตูได้ในถิ่นเก่าของตัวเองสมัยอยู่อะดามี่ที่อาแจ๊กซ์ นำทัพยำ “มังกรแดง” เวลส์ ที่เข้าถึงรอบตัดเชือกเมื่อ 5 ปีก่อนลงได้สำเร็จ

ประตูแรกสำคัญเสมอ กลายเป็นประตูที่ เดนมาร์ก ทำได้ในรอบน็อกเอาท์ยูโร นับตั้งแต่ คิม วิลฟอร์ด ยิงไว้ในนัดชิงชนะเลิศ ที่พวกเขาได้แชมป์เมื่อปี 1992 น่าประหลาดใจก็คือ สกอร์ของ ดอลเบิร์ก ไปตรงกับ วิลฟอร์ด เพราะเกิดขึ้นในวันเดียวกันนั่นก็คือ 26 มิถุนายน!!!

อิตาลี 2-1 ออสเตรีย

เกมแรกในรอบนี้ที่ต้องต่อเวลา อิตาลี ทำสถิติใหม่ของประเทศ เมื่อไร้พ่าย 31 เกมรวด ทุบสถิติยืนยงที่ทำไว้ตั้งแต่ปี 1939 หรือเมื่อ 82 ปีที่แล้ว

แม้พวกเขาเสียประตูแรกในรอบ 12 เกม หรือคิดเป็นนาทีคือ 1,168 นาที แต่ก็ยังเพียงพอที่จะเข้ารอบด้วยการชนะช่วงต่อเวลา โดย เฟเดริโก เคียซา ผู้ทำประตูแรกของเกม กลายเป็น “คู่พ่อลูก”ที่พังสกอร์ในยูโร โดย เอ็นริโก้ เคียซ่าพ่อของเขายิงไว้ในยูโร 1996

เนเธอร์แลนด์ 0-2 สาธารณรัฐเช็ก

“That 25 seconds” แค่ 25 วินาที เหมือนกับเปลี่ยนโฉมหน้าบันทึกไปตลอดกาล เมื่อนาทีที่ 51 ดอนเยลมาเล่น กองหน้าดัทช์แมน หลุดเดี่ยวจะแตะบอลหนีแต่กลับโดน โธมัส วาคลิก โกล์เช็ก ตะปบจากเท้า

แอ๊กชั่นต่อมา มัตไธจ์ เดอ ลิคจ์ ดันพลาด “เสียหลัก” และ “เสียท่า”ไม่รู้อะไรดลจิตดลใจ ให้เผลอใจไปใช้มือปัดบอล ที่กำลังถูกกดถูกบดจาก พาทริค ชิคผู้ตัดสินแจกใบเหลือง ก่อนจะไปดู VARมีภาพมันเห็นชัดพอว่า “ใบแดง”

เดอ ลิคจ์ เป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ถูกไล่ออก ในการแข่งขันยูโร น็อกเอาท์ ด้วยวัย 21 ปี 319 วัน แซงสถิติเดิม คือ จานลูก้า ซามบรอตต้า ในวัย23 ปี 131 วัน

เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เนเธอร์แลนด์ ยิงไม่ตรงกรอบในเกมบอลโลกและยูโร ตลอดการลงสนาม 89 เกม

เบลเยียม 1-0 โปรตุเกส

คริสติอาโน่ โรนัลโด้ ที่ฮือฮา
ทั้งบวกลบในครั้งนี้ ยิงไม่ได้ ทำให้สถิติยิงให้ทีมชาติมากสุดหยุดเท่า อาลี ดาอี 109 ลูก แต่โอกาสยังมีต่อไป เพราะเขาจะ “เล่นต่อ”

เบลเยียม ได้ประตูชัยจาก อาซาร์ ตระกูลนักบอลที่หนนี้ ธอร์แกน ทำได้ แต่ เอแดน พี่ชายต้องเจ็บพลาดนัดต่อไป พร้อมกับ เควิน เดอ บรอยน์ จอมทัพตัวฉกาจ

คู่นี้ไม่น่าเชื่อว่าเตะกันมาตลอดกาลเพิ่งได้โคจรมาปะทะกันในรายการใหญ่ รอบสุดท้ายหนแรก

โครเอเชีย 3-5 สเปน

ในเกมรุงรังวุ่นวาย มีการทำประตูตัวเองแบบสับสน แม้กระทั่ง ยูฟ่า กว่าจะเลือกให้ “ใครยิงตัวเอง” ต้องรอจนถึงพักครึ่งเวลา จากจังหวะ เปดรี้ เตะคืนหลัง 49 หลา แต่นายด่าน ซิม่อน จับบอลไม่อยู่

สเปน นำ 3-1 โดนตี 3-3ลากกันไปต่อเวลา แต่พลังในการเล่นของพวกเขายังดู “เหลือกว่า” โครแอต ก่อนจะกำชัยได้สำเร็จแบบโชกโชนสุดๆ เป็นการยิงประตูรวมกันมากที่สุดในแมทช์เดียว เป็นอันดับ 2 ตลอดกาล โดยอันดับ 1 ยังเป็นเกม ฝรั่งเศส แพ้ ยูโกสลาเวีย 4-5 เมื่อกว่า 61 ปีที่แล้ว

ว่ากันถึงของแถมคนทำประตูตีเจ๊า 3-3 ให้กับ โครแอต นั่นคือ “กองกลางบางบ่อ” มาริโอ พาชาลิช (Mario Pašalić) เนื่องจากหลักภาษา š คือ “ช.ช้าง” และ ć ก็คือ “ช” เช่นกัน

หรืออาจจะเรียก “ปลาสลิด”ก็ไม่มีใครว่า ยกเว้นคนกำลังหิว แต่จะเรียก “ปาซาลิด” ไม่ได้นะสู

ฝรั่งเศส 3-3 สวิตเซอร์แลนด์ (จุดโทษ 4-5)

“ไก่ทองคำ” พลาดมหันต์ในการลุ้นแชมป์ในฐานะ “ม้าเต็ง” เมื่ออุตส่าห์พลิกทุกอย่างกลับมา ทั้งการผิดพลาดทางแท็กติก และตามหลังก่อน 0-1 กลับมานำ 3-1 แต่สุดท้ายโดน 3-3 เหมือนฉายภาพซ้ำคู่ สเปน-โครแอต ก่อนจะยิงจุดโทษแพ้

ฝรั่งเศส แพ้หนนี้ทำให้มีสถิติการดวลเป้า “แพ้มากกว่าชนะ” โดยแพ้ 4 ชนะ 3

ครั้งแรกที่พวกเขายิงคือแพ้ เยอรมันตะวันตก ตกรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 1982

ในยูโร ชนะ 1 ครั้ง คือปี 1996 ในรอบ 8 ทีม ชนะเนเธอร์แลนด์ 5-4แต่รอบรองฯ ยิงแพ้ เช็ก 5-6 และครั้งนี้แพ้ สวิส สกอร์รวม 7-8

อังกฤษ 2-0 เยอรมนี

ครั้งแรกของการพบกัน “หลังล้างคำสาป” การถอนของจากบอลโลกปี 1966 และบอลโลกปี 2010...

อังกฤษ ทำได้หักด่าน เยอรมนีสะเด่าทรวง 2-0 ตีตั๋วเข้ารอบ 8 ทีมยูโร โดยสกอร์จาก ราฮีม สเตอร์ลิ่งเจ้าเก่า และประตูแรกในทัวร์นี้ของแฮร์รี่ เคน

ถอนแค้นที่เคยแพ้ที่สนามแห่งนี้ยุค “โอลด์ เวมบลีย์” จากการยิงจุดโทษปี 1996 หนนั้นคนยิงเป้าพลาดคือแกเร็ธ เซาธ์เกต วันนี้กลับมาชนะโดยมี แกเร็ธ เซาธ์เกต เป็นกุนซือ!!!!!

อังกฤษ ยังไม่เสียประตูให้ใคร สามารถเอาชนะเยอรมนีในเกมน็อกเอาท์รายการใหญ่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1966 พร้อมกับการที่ โยอาคิม เลิฟปิดตำนานคุมทัพเยอรมนี 15 ปี

บันทึกคือ กุนซือคนแรกในยุคกลับมา “รวมชาติ” ที่ได้แชมป์โลก ปี 2014

นักบอลหลายคนยังน่าจับตากับเส้นทางต่อไปในทีมชาติ...โธมัส มุลเลอร์,มัตส์ ฮุมเมิลส์ และ มานูเอล นอยเออร์ จะยังไงต่อ

เพราะ โทนี่ โครส ประกาศเลิกเล่นแล้ว!!!!!

สวีเดน 1-2 ยูเครน

สวีเดน เป็นอีกทีมที่เหนือกว่า และต้องหงายเงิบตกรอบไปอีกราย หลังจากต่อเวลาแล้วพลาดพ่ายให้กับ ยูเครนที่ถูกปลุกผีให้เข้ารอบมาได้

“ไวกิ้ง” ไล่ล่าในเวลาจากสกอร์ที่ 4 ของ เอมิล ฟอร์สเบิร์ก ทำให้เสมอ1-1 แต่หนึ่งจุดสำคัญเกิดขึ้น นาที 98ทัพไวกิ้งต้องเหลือแค่ 10 คนหลัง มาร์คุสดาเนียลสัน โดนไล่ออก เมื่อไปเปิดปุ่มใส่หัวเข่า อาร์เต็ม เบเซดีน อย่างน่าเกลียด

อาร์เตม โดฟบิค ถูกส่งลงสนามครั้งแรกในยูโรหนนี้ นาทีที่ 105 ก่อนจะพังสกอร์แรกของเขาในทีมชาติในนาทีที่ 120+1 เป็นประตูที่ “ช้าที่สุด”ในยูโร นำให้ ยูเครน กลายเป็น “ไก่ตายบินได้” หน้าตาเฉย

เฮี้ยนดีจริงๆ !!!!!

บี แหลมสิงห์

โปรแกรมรอบ 8 ทีม

วันที่ 2 กรกฎาคม 2021

สวิตเซอร์แลนด์-สเปน เวลา 23.00 น.

เบลเยียม-อิตาลี เวลา 02.00 น.

วันที่ 3 กรกฎาคม 2021

สาธารณรัฐเช็ก-เดนมาร์ก เวลา 23.00 น.

ยูเครน-อังกฤษ เวลา 02.00 น.