ก่อนจะเข้าสู่การแข่งขันรอบ 8 ทีมสุดท้ายในค่ำคืนวันศุกร์นี้ ที่จะมีการดวลแข้งระหว่าง สวิตเซอร์แลนด์ กับ สเปน และ เบลเยียม กับ อิตาลี
ต่อเนื่องด้วยวันเสาร์ สาธารณรัฐเช็ก กับ เดนมาร์ก และ ยูเครน กับ อังกฤษ
ฟุตบอลยูโรครั้งนี้ มีสถิติที่น่าสนใจมากมาย และมีเรื่องราวที่ต้องกล่าวถึงเยอะมาก
จุดหนึ่งก็คือ นาทีนี้มี “ม้ามืด” วิ่งเข้ามาอย่างน่าสนใจถึง 3 ทีม นั่นก็คือ สวิตเซอร์แลนด์,เช็ก และเดนมาร์ก
รวมถึง “ไก่ตายบินได้” อย่าง ยูเครน ที่โกงความตายเข้ารอบมาด้วยการเป็นอันดับ 3 ลำดับท้าย และเข้ามาถึงรอบนี้
ว่ากันจริงๆ “ม้าเต็ง”จากก่อนเริ่มทัวร์นาเมนท์เหลือแค่ อังกฤษ กับ เบลเยียมเท่านั้น
เพราะ สเปน กับ อิตาลี ถือว่าเป็น“ทีมใหญ่” แต่ไม่ใช่ “ทีมเต็ง”
วันนี้นำตัวเลขจาก 44 แมทช์แรกทั้งรอบแรก และรอบ 16 ทีมมาฝากท่านผู้อ่านเพื่อเป็น “น้ำจิ้ม” ก่อนจะรู้ว่า “สารพัดม้า”
ใครจะถึง 4 ทีมสุดท้าย..............
l 44 แมทช์ ยิงได้ 123 ประตู เฉลี่ย 2.8 ประตู/แมทช์
l ดาราซัลโว
5 ประตู : คริสติอาโน่ โรนัลโด้ (โปรตุเกส)
4 ประตู : พาทริค ชิค(เช็ก), คาริมเบนเซม่า(ฝรั่งเศส), เอมิล ฟอร์สเบิร์ก(สวีเดน)
3 ประตู : โรเมลู ลูกากู(เบลเยียม),ราฮีม สเตอร์ลิ่ง(อังกฤษ), จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม(เนเธอร์แลนด์), โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้(โปแลนด์), แฮริส เซเฟโรวิช(สวิตเซอร์แลนด์)
l จอมแอสซิสต์
4 ประตู : สตีเว่น ซูเบอร์(สวิตเซอร์แลนด์)
3 ประตู : ปิแอร์ เอมิล-ฮอยเบียร์ก (เดนมาร์ก)
l ไม่เสียประตู
4 นัด : จอร์แดน พิคฟอร์ด(อังกฤษ)
3 นัด : ติบอร์ กูร์กตัวส์(เบลเยียม), จานลุยจิ ดอนนารุมมา(อิตาลี)
l แมน ออฟ เดอะ แมทช์
2 นัด : เซร์คิโอ บุสเกตส์(สเปน), เดนเซล ดุมฟรี่ย์(เนเธอร์แลนด์), โรเมลูลูกากู(เบลเยียม), เลโอนาร์โด สปินาซโซล่า(อิตาลี)
l ลูกจุดโทษ เกิดขึ้น 14 ครั้ง เข้าประตู 8 ครั้ง ไม่เข้า 6 ครั้ง เฉลี่ยเข้าเพียง 57.14 เปอร์เซ็นต์
l ยิงเข้าประตูเอง เป็นสถิติใหม่ถึง 9 ลูก ก่อนหน้านี้ 15 สมัย ยิงโกล์ตัวเองรวมกันแค่ 9 ลูก
l ประตูเร็วที่สุด คือ เอมิล ฟอร์สเบิร์ก 1 นาที 22 วินาที เกม สวีเดน-โปแลนด์
l ตัวสำรองยิงเร็วสุด เฟร์ราน ตอร์เรส1 นาที เกม สเปน-สโลวะเกีย
l ประตูที่ช้าที่สุด อาร์เตม ดอฟบิค นาทีที่ 120+1 เกม ยูเครน-สวีเดน
l สเปน ยิงได้มากที่สุด 11 ประตู ส่วนทีมยิงน้อยสุดคือ ฟินแลนด์, สกอตแลนด์ และตุรกี ทีมละ 1 ลูก
l อังกฤษ เป็นทีมเดียวที่ยังไม่เสียประตูเลยจาก 4 นัด
l มีใบเหลืองไปแล้ว 132 ใบ และใบแดง 5 ใบ
l ทีมที่โดนใบเหลืองมากที่สุดคือสวิตเซอร์แลนด์ กับ เวลส์ ทีมละ 9 ใบ
ค่ำคืนวันนี้อยากให้จับตาการ “เปลี่ยนตัว”และการ “ตัดสินใจ” ของ หลุยส์ เอ็นริเก้ที่ดูแปลกๆ มาหลายครั้งหลายครา โดยเฉพาะกองหลังที่ “เปลี่ยนทำไม” ในตำแหน่ง “เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ” ระหว่างเกม ที่ปกติเขาไม่ทำกัน
ถึงเวลาจะต้องเลือกเอาว่า เปา ตอร์เรส หรือ เอริค การ์เซีย ที่จะมายืนตัวจริงกับอายเมอริก ลาปอร์ก เพราะตำแหน่งอื่นๆดูเหมือนว่า จะได้ทีมที่เหมาะเจาะแล้ว
ขณะที่ สวิส เอง เหมือนจะไม่มีอะไรแต่การเล่นด้วย “หัวใจแกร่ง” มาแบบ “เป็นขั้นเป็นตอน” และเดิมพันการเล่นแบบ “มีแบบมีแผน” อย่างไม่น่าเชื่อนั้น จะไปได้ไกลสุดแค่ไหนกันแน่
ฟากเกมบิ๊กแมทช์ สิ่งสำคัญก็คือ เบลเยี่ยม กับอาการบาดเจ็บของสองแกนรุกอย่าง เควิน เดอ บรอยน์ กับ เอแดน อาซาร์เพราะ “แค่ชื่อ” ก็สร้างความผวาได้ หากพลาดลงสนามทั้งสองคน
โอกาสจะเป็นของ อิตาลี มากขึ้นกว่าเดิมทันที
สองทีมนี้มีความต่างชัดเจน อิตาลี ชัดเจนในเรื่องของแท็กติก ขณะที่ เบลเยียม เป็นบอลเทคนิคดี แถม โรเมลู ลูกากูไม่เหมือนกองหน้าทีมอื่นที่อาจจะหวั่นใจพวกปราการหลังอิตาเลียน
แต่สำหรับ “พี่ตู้” ไม่มีแน่นอน
นี่จะเป็นกองหน้าที่ “ดุดันที่สุด” ในรายการนี้ ที่กองหลังมะกะโรนี ที่ว่ากันว่า กำแพงเห็นยังร้องไห้ จะต้องได้ดวลกัน
นับเป็นคู่ที่สูสีสุดๆ ไม่แปลกที่จะออกได้หมดทั้ง “สามหน้า” จะฟัดกันลงอาจจะต้องใช้“หน้าสาม”
ไม่ได้หมายว่า “ไม้”....แต่หมายถึง“วิธีเล่น”!!!
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี